ผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.สำหรับคนกรุงเทพฯ ถือเป็นเรื่องสะใจมากที่สุดในรอบหลายปี แต่หนึ่งในหลากประเด็นที่สะใจคือ คนกรุงเทพฯ ได้ร่วมกันตบหน้าสำนักโพลต่างๆ
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้น ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่พลิกความคาดหมาย แต่ประเด็นที่ทำให้เกิดความรู้สึกว่า ผลการเลือกตั้งพลิกความคาดหมาย เพราะสังคมถูกโพลชี้นำมาตลอด นับตั้งแต่วันแรกของการเปิดตัวผู้สมัคร
สวนดุสิตโพลและเอแบคโพล กำลังถูกรุมประณามอย่างหนัก เพราะชี้อย่างสม่ำเสมอว่า พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครจากพรรคไทยรักไทยมีคะแนนนิยมนำเป็นอันดับหนึ่ง แม้ผลสำรวจล่าสุดหลังการลงคะแนน ก็ยังชี้นำว่า หมายเลข 9 จะคว้าชัยชนะอย่างท่วมท้น
แต่โพลทั้ง 2 สำนัก ชี้นำสังคมผิดๆ หลอกให้รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หลอกให้พรรคเพื่อไทย รวมทั้งหลอกให้คนเสื้อแดง หลงดีใจอย่างออกนอกหน้า เหมือนปลากระดี่ได้น้ำ เพราะมั่นใจว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรจะยึดพื้นที่กรุงเทพฯ ได้
ผู้ที่รับผิดชอบดูแลโพลทั้งสองสำนัก ถ้าหน้ามียางอาย มีความเป็นสปิริตอยู่ในใจ ถ้าไม่ลาออก ก็ควรจะต้องเอาปี๊บคลุมหัวแล้ว
เพราะออกผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนในการเลือกตั้งผิดซ้ำผิดซาก
ความเชื่อถือของโพลทั้ง 2 สำนักหมดลงแล้ว หมดจนถึงขั้นไม่เชื่อว่า โพลที่ออกมาจะเกิดจากการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนจริง แต่เชื่อกันว่า
การจัดทำโพลไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของหลักวิชาการ ไม่ได้เป็นผลสำรวจที่ตรงไปตรงมา แต่เป็นโพลที่ถูกตั้งธงไว้แล้วตามใบสั่งทางการเมือง
สวนดุสิตโพลและเอแบคโพลจะสำรวจความคิดเห็นประชาชนอย่างไรก็ได้ จะนั่งเทียนก็ไม่ว่า ขอให้ผลโพลที่ออกมาเชียร์พรรคเพื่อไทย ชี้นำกระแสของพล.ต.อ.พงศพัศเท่านั้น
การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ครั้งนี้ตอกย้ำถึงความเป็นโพลห่วยๆ โพลที่ออกมารับใช้ โพลที่ฝักใฝ่ทางการเมือง และไม่ควรจะนำไปอ้างอิงแต่อย่างใด
เสียงประจานของสังคมคงไม่มีความหมายและไม่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงใดๆ เพราะผู้รับผิดชอบในการจัดทำโพล ก็คงผลิตโพลห่วยๆ และเดินหน้ารับใช้นักการเมืองต่อไป
แต่โพลที่ไม่บริสุทธิ์ และเลือกข้างฝักใฝ่ทางการเมือง ไม่ควรแค่ถูกรุมประณามเท่านั้น แต่สังคมจะต้องร่วมกันต่อต้าน
สื่อมวลชนรู้ทั้งรู้ว่า สวนดุสิตโพลและเอแบคโพลมั่วขนาดไหน และมั่วเพราะเป้าหมายใด เมื่อรู้ว่าโพลมั่วแล้ว จะนำเสนอเผยแพร่เพื่อชี้นำกระแสผิดๆ ให้สังคมทำไม
ถ้าไม่นำเสนอเผยแพร่ สวนดุสิตโพลและเอแบคโพลจะกลายเป็นโพลที่ตายซาก จะก้มหน้าก้มตานั่งเทียนสำรวจอะไรก็สำรวจไป แต่จะไม่มีอิทธิพลชี้นำสังคมอีกแล้ว เพราะสื่อไม่เปิดพื้นที่ให้แหกตาประชาชน
อาจมีสื่อบางสำนักที่รับใช้พรรคการเมืองอย่างซื่อสัตย์ นำผลโพลเผยแพร่ แต่การเผยแพร่โพลห่วยๆ จะมีแต่สื่อห่วยๆ เท่านั้น
แม้จะเชลียร์กันออกหน้าออกตา แม้จะพยายามสร้างกระแสชี้นำสังคมอย่างสุดลิ่มทิ่มประตูแล้ว แต่สวนดุสิตโพลและเอแบคโพลก็ทำได้แค่การหลอกให้พรรคเพื่อไทยหลงผิด ลำพองใจคิดว่าจะครอบงำกรุเทพฯ ได้ สุดท้ายก็หน้าจ๋อยกันเป็นแถว
เพราะคนกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่ไม่โง่ที่จะให้พรรคเพื่อไทยหลอกได้ และฉลาดพอที่จะไม่เชื่อโพลโดยหันไปเทคะแนให้ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์จนชนะขาดลอย
คะแนนของพรรคประชาธิปัตย์ที่พุ่งลิ่ว ส่วนหนึ่งอาจจะเกิดจากความหมั่นไส้โพลก็ได้
ผู้มีสิทธิออกเสียงนับแสนๆ คน อาจตัดสินใจไปก่อนหน้าแล้ว จะไม่เลือกทั้งพล.ต.อ.พงศพัศและม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ แต่เปลี่ยนใจในช่วงโค้งสุดท้าย
เปลี่ยนใจมาลงคะแนนให้ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์
จุดเปลี่ยนอาจเกิดจากหลายสาเหตุ ส่วนหนึ่งอาจไม่พอใจรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ที่ใช้กลไกรัฐทุกด้าน โดยเฉพาะตำรวจช่วยเหลือพล.ต.อ.พงศพัศ ส่วนหนึ่งอาจไม่พอใจการคุยใหญ่คุยโต การคุยโม้โอ้อวดของรัฐบาลและแกนนำคนเสื้อแดงหลายคน ไม่พอใจอาการลิงโลดของคนเสื้อแดงที่เพ้อฝันว่า เบอร์ 9 นอนมาแน่
และส่วนหนึ่งอาจเกิดจากความหมั่นไส้สำนักโพล
ใครจะรู้ว่า โพลเชลียร์รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์อย่างออกนอกหน้า จะกระตุ้นให้เกิดกระแสการต่อต้านผู้สมัครที่พรรคเพื่อไทยส่งลงสมัคร จนหันไปเทคะแนนให้คู่แข่ง
ใครจะรู้ว่า คะแนนของม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ที่ท่วมท้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จะเกิดจากการแสดงพลังของคนกรุงเทพฯ ที่ต้องการตบหน้าสำนักโพลซึ่งแสดงตัวเป็น “ขี้ข้า” รับใช้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
แม้รู้ว่า พวก “ขี้ข้า” มักจะหน้าหนา แต่การที่คนกรุงเทพฯ เกินกว่า 1 ล้านคน ออกมาช่วยกันรุมตบหน้านักวิชาการที่ลดศักดิ์ศรีของตัวเองเป็นเพียงพวกขี้ข้า ต้องถือว่าสะใจพระเดชพระคุณจริงๆ
และสะใจไม่น้อยกว่าการได้เห็นประชาชนชาวกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่ ร่วมกันออกมาประกาศเจตนารมณ์ ยังไงๆ ก็ไม่เอาพรรคการเมืองที่เผาบ้านเผาเมือง
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้น ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่พลิกความคาดหมาย แต่ประเด็นที่ทำให้เกิดความรู้สึกว่า ผลการเลือกตั้งพลิกความคาดหมาย เพราะสังคมถูกโพลชี้นำมาตลอด นับตั้งแต่วันแรกของการเปิดตัวผู้สมัคร
สวนดุสิตโพลและเอแบคโพล กำลังถูกรุมประณามอย่างหนัก เพราะชี้อย่างสม่ำเสมอว่า พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครจากพรรคไทยรักไทยมีคะแนนนิยมนำเป็นอันดับหนึ่ง แม้ผลสำรวจล่าสุดหลังการลงคะแนน ก็ยังชี้นำว่า หมายเลข 9 จะคว้าชัยชนะอย่างท่วมท้น
แต่โพลทั้ง 2 สำนัก ชี้นำสังคมผิดๆ หลอกให้รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หลอกให้พรรคเพื่อไทย รวมทั้งหลอกให้คนเสื้อแดง หลงดีใจอย่างออกนอกหน้า เหมือนปลากระดี่ได้น้ำ เพราะมั่นใจว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรจะยึดพื้นที่กรุงเทพฯ ได้
ผู้ที่รับผิดชอบดูแลโพลทั้งสองสำนัก ถ้าหน้ามียางอาย มีความเป็นสปิริตอยู่ในใจ ถ้าไม่ลาออก ก็ควรจะต้องเอาปี๊บคลุมหัวแล้ว
เพราะออกผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนในการเลือกตั้งผิดซ้ำผิดซาก
ความเชื่อถือของโพลทั้ง 2 สำนักหมดลงแล้ว หมดจนถึงขั้นไม่เชื่อว่า โพลที่ออกมาจะเกิดจากการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนจริง แต่เชื่อกันว่า
การจัดทำโพลไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของหลักวิชาการ ไม่ได้เป็นผลสำรวจที่ตรงไปตรงมา แต่เป็นโพลที่ถูกตั้งธงไว้แล้วตามใบสั่งทางการเมือง
สวนดุสิตโพลและเอแบคโพลจะสำรวจความคิดเห็นประชาชนอย่างไรก็ได้ จะนั่งเทียนก็ไม่ว่า ขอให้ผลโพลที่ออกมาเชียร์พรรคเพื่อไทย ชี้นำกระแสของพล.ต.อ.พงศพัศเท่านั้น
การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ครั้งนี้ตอกย้ำถึงความเป็นโพลห่วยๆ โพลที่ออกมารับใช้ โพลที่ฝักใฝ่ทางการเมือง และไม่ควรจะนำไปอ้างอิงแต่อย่างใด
เสียงประจานของสังคมคงไม่มีความหมายและไม่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงใดๆ เพราะผู้รับผิดชอบในการจัดทำโพล ก็คงผลิตโพลห่วยๆ และเดินหน้ารับใช้นักการเมืองต่อไป
แต่โพลที่ไม่บริสุทธิ์ และเลือกข้างฝักใฝ่ทางการเมือง ไม่ควรแค่ถูกรุมประณามเท่านั้น แต่สังคมจะต้องร่วมกันต่อต้าน
สื่อมวลชนรู้ทั้งรู้ว่า สวนดุสิตโพลและเอแบคโพลมั่วขนาดไหน และมั่วเพราะเป้าหมายใด เมื่อรู้ว่าโพลมั่วแล้ว จะนำเสนอเผยแพร่เพื่อชี้นำกระแสผิดๆ ให้สังคมทำไม
ถ้าไม่นำเสนอเผยแพร่ สวนดุสิตโพลและเอแบคโพลจะกลายเป็นโพลที่ตายซาก จะก้มหน้าก้มตานั่งเทียนสำรวจอะไรก็สำรวจไป แต่จะไม่มีอิทธิพลชี้นำสังคมอีกแล้ว เพราะสื่อไม่เปิดพื้นที่ให้แหกตาประชาชน
อาจมีสื่อบางสำนักที่รับใช้พรรคการเมืองอย่างซื่อสัตย์ นำผลโพลเผยแพร่ แต่การเผยแพร่โพลห่วยๆ จะมีแต่สื่อห่วยๆ เท่านั้น
แม้จะเชลียร์กันออกหน้าออกตา แม้จะพยายามสร้างกระแสชี้นำสังคมอย่างสุดลิ่มทิ่มประตูแล้ว แต่สวนดุสิตโพลและเอแบคโพลก็ทำได้แค่การหลอกให้พรรคเพื่อไทยหลงผิด ลำพองใจคิดว่าจะครอบงำกรุเทพฯ ได้ สุดท้ายก็หน้าจ๋อยกันเป็นแถว
เพราะคนกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่ไม่โง่ที่จะให้พรรคเพื่อไทยหลอกได้ และฉลาดพอที่จะไม่เชื่อโพลโดยหันไปเทคะแนให้ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์จนชนะขาดลอย
คะแนนของพรรคประชาธิปัตย์ที่พุ่งลิ่ว ส่วนหนึ่งอาจจะเกิดจากความหมั่นไส้โพลก็ได้
ผู้มีสิทธิออกเสียงนับแสนๆ คน อาจตัดสินใจไปก่อนหน้าแล้ว จะไม่เลือกทั้งพล.ต.อ.พงศพัศและม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ แต่เปลี่ยนใจในช่วงโค้งสุดท้าย
เปลี่ยนใจมาลงคะแนนให้ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์
จุดเปลี่ยนอาจเกิดจากหลายสาเหตุ ส่วนหนึ่งอาจไม่พอใจรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ที่ใช้กลไกรัฐทุกด้าน โดยเฉพาะตำรวจช่วยเหลือพล.ต.อ.พงศพัศ ส่วนหนึ่งอาจไม่พอใจการคุยใหญ่คุยโต การคุยโม้โอ้อวดของรัฐบาลและแกนนำคนเสื้อแดงหลายคน ไม่พอใจอาการลิงโลดของคนเสื้อแดงที่เพ้อฝันว่า เบอร์ 9 นอนมาแน่
และส่วนหนึ่งอาจเกิดจากความหมั่นไส้สำนักโพล
ใครจะรู้ว่า โพลเชลียร์รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์อย่างออกนอกหน้า จะกระตุ้นให้เกิดกระแสการต่อต้านผู้สมัครที่พรรคเพื่อไทยส่งลงสมัคร จนหันไปเทคะแนนให้คู่แข่ง
ใครจะรู้ว่า คะแนนของม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ที่ท่วมท้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จะเกิดจากการแสดงพลังของคนกรุงเทพฯ ที่ต้องการตบหน้าสำนักโพลซึ่งแสดงตัวเป็น “ขี้ข้า” รับใช้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
แม้รู้ว่า พวก “ขี้ข้า” มักจะหน้าหนา แต่การที่คนกรุงเทพฯ เกินกว่า 1 ล้านคน ออกมาช่วยกันรุมตบหน้านักวิชาการที่ลดศักดิ์ศรีของตัวเองเป็นเพียงพวกขี้ข้า ต้องถือว่าสะใจพระเดชพระคุณจริงๆ
และสะใจไม่น้อยกว่าการได้เห็นประชาชนชาวกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่ ร่วมกันออกมาประกาศเจตนารมณ์ ยังไงๆ ก็ไม่เอาพรรคการเมืองที่เผาบ้านเผาเมือง
