"อสมท" เดินหน้าจีบพันธมิตรเพิ่ม ลดเสี่ยงค่าโครงข่ายดิจิตอลเน็ตเวิร์ค 3,000 ล. พร้อมลุยทดลองออกอากาศทีวีดิจิตอลเฟส2 ครอบคลุมทั่วกทมและปริมณฑล รอกสทช.ไฟเขียว ต่อด้วยช่องเอชดี ลั่นปีนี้รายได้รวมสู่ 6,500 ล้านบาท ขณะที่ปีก่อนปิดรายได้5,939 ล้านบาท โตขึ้น 12%
นายเอนก เพิ่มวงศ์เสนีย์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานของอสมท ในปีนี้จะเร่งดำเนินการใน 2เรื่องหลัก คือ 1.การเปลี่ยนผ่านระบบการออกอากาศจากอะนาล็อก สู่ดิจิตอลทีวี รวมถึงการทดลองการออกอากาศช่องเอชดี ที่ร่วมมือกับทางกสทช.ซึ่งกำลังรออนุมัติต่อในภายหลัง
ขณะที่ปัจจุบันได้ร่วมกับกสทช.ทดลองออกอากาศระบบดิจิตอลทีวีแล้วตั้งแต่ 3 ธ.ค.ที่ผ่านมา ปัจจุบันครอบคลุมพื้นที่กทม.บางส่วน และภายในวันที่ 9 เม.ย.นี้ โดยการเพิ่มอุปกรณ์การออกอากาศ เชื่อว่าจะทำให้ครอบคลุมพื้นที่กทม.และปริมณฑลได้
สำหรับแผนการทดลองออกอากาศแบบดิจิตอลทีวีนั้น แบ่งออกเป็น 4 เฟส ภายในเดือนเม.ย.นี้จะเข้าสู่เฟสที่2 ซึ่งทาง อสมท จะทดลองทุกรูปแบบที่ดิจิตอลจะทำได้ และหลังจากได้ใบอนุญาติโครงข่ายจากกสทช.แล้ว พร้อมเดินหน้าพัฒนาการออกอากาศให้ครอบคลุม 95% ของพื้นที่ประเทศไทยให้ทันภายใน 4 ปีตามที่กสทช.กำหนด
2.เร่งสร้างพันธมิตรโครงข่ายเน็ตเวิร์ค เพื่อลดความเสี่ยงกับการลงทุนด้านโครงข่ายมูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท ทั้งในส่วนของอินฟาสตรัคเจอร์ และเน็ตเวิร์คต่างๆ โดยการจับมือกับพันธมิตรทั้งบรอดคาสเตอร์รายเดิมและองค์กรภาครัฐที่เกี่ยวข้อง โดยที่ได้มีการเซ็น MOU ไปแล้ว คือ TOT และที่กำลังพูดคุยกันไว้แล้ว คือ ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ และไทยพีบีเอส ซึ่งทาง อสมทพร้อมที่จะพูดคุยเพิ่มกับทางช่อง 5 ด้วย ส่วนความร่วมมือครั้งนี้มีหลายรูปแบบ ทั้งนี้เพื่อนำไปสู่การบริหารโครงข่ายรวมกันเป็นโครงข่ายเดียว
นายเอนก กล่าวต่อว่า ส่วนแผนการประมูลช่องดิจิตอลทีวีนั้น อสมท มีความพร้อมเข้าร่วมประมูลทั้ง 2 รูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น แบบ 2 ช่อง หรือ 3 ช่อง ซึ่งทางบริษัทเตรียมความพร้อมทั้งด้านโปรแกรมมรายการ ซอฟท์แวร์และฮาร์ดแวร์ไว้แล้ว ขณะที่ล็อตช่องดิจิตอลทีวีที่วางไว้ เบื้องต้นกสทชกำหนดไว้2แบบ แบบละ 2 ช่อง คือ 1 ช่องวาไรตี้ และช่องเด็ก 2.ช่องข่าวและเด็กซึ่งทาง อสมทพร้อมประมูลทั้ง 2 รูปแบบ
อย่างไรก็ตามภายในเดือนก.ค. นี้ อสมท.ยังได้รับอนุญาติจากทางกสทช. เป็นเจ้าภาพในการจัดงานดิจิตอลทีวีระดับชาติที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เพื่อให้ผู้ประกอบการได้ศึกษาและได้ความรู้ถึงสิ่งจำเป็นเกี่ยวกับดิจิตอลทีวี ก่อนการเข้าร่วมประมูลช่องดิจิตอลทีวีที่จะเกิดขึ้นหลังจากนั้นถัดไป
ด้านนายเจษฎา พรหมจาด หัวหน้าเจ้าหน้าที่ด้านการเงิน บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในส่วนของผลประกอบการปีนี้ อสมท ตั้งเป้าไว้ที่ 6,500 ล้านบาท โดยกำไรน่าจะสูงกว่าปีก่อน ส่วนรายได้ที่เติบโตขึ้นจะมาจากสื่อใหม่เป็นหลักกว่า 400 ล้านบาท ขณะที่สื่อโทรทัศน์ยังสร้างรายได้หลักไม่ต่ำกว่า 60% ขณะที่ภาพรวมการลงทุนประจำปีนี้ใช้กว่า 400 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามสำหรับรายได้รวมในปี 2555 ที่ผ่านมา มีประมาณ 5,939 ล้านบาท เติบโต 12% กำไรกว่า 1,769 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% แบ่งรายได้มาจากสื่อโทรทัศน์ 3,860 ล้านบาทโตขึ้นจากปีก่อน 14% และวิทยุ 942 ล้านบาท โตขึ้น 10% โดยปีนี้ในส่วนของสื่อโทรทัศน์ได้มีการปรับราคาโฆษณาขึ้นไปแล้วเฉลี่ยราว 5% ทั้งปีเชื่อว่ากลุ่มสินค้าที่จะมาใช้โฆษณาสูงขึ้น คือ กลุ่มบริการสาธารณะ หลังรัฐบาลเร่งลงทุนในระบบขนส่งมวลชนและการบริหารจัดการน้ำ, กลุ่มโทรคมนาคม ที่เปิดให้บริการ 3G
นายเอนก เพิ่มวงศ์เสนีย์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานของอสมท ในปีนี้จะเร่งดำเนินการใน 2เรื่องหลัก คือ 1.การเปลี่ยนผ่านระบบการออกอากาศจากอะนาล็อก สู่ดิจิตอลทีวี รวมถึงการทดลองการออกอากาศช่องเอชดี ที่ร่วมมือกับทางกสทช.ซึ่งกำลังรออนุมัติต่อในภายหลัง
ขณะที่ปัจจุบันได้ร่วมกับกสทช.ทดลองออกอากาศระบบดิจิตอลทีวีแล้วตั้งแต่ 3 ธ.ค.ที่ผ่านมา ปัจจุบันครอบคลุมพื้นที่กทม.บางส่วน และภายในวันที่ 9 เม.ย.นี้ โดยการเพิ่มอุปกรณ์การออกอากาศ เชื่อว่าจะทำให้ครอบคลุมพื้นที่กทม.และปริมณฑลได้
สำหรับแผนการทดลองออกอากาศแบบดิจิตอลทีวีนั้น แบ่งออกเป็น 4 เฟส ภายในเดือนเม.ย.นี้จะเข้าสู่เฟสที่2 ซึ่งทาง อสมท จะทดลองทุกรูปแบบที่ดิจิตอลจะทำได้ และหลังจากได้ใบอนุญาติโครงข่ายจากกสทช.แล้ว พร้อมเดินหน้าพัฒนาการออกอากาศให้ครอบคลุม 95% ของพื้นที่ประเทศไทยให้ทันภายใน 4 ปีตามที่กสทช.กำหนด
2.เร่งสร้างพันธมิตรโครงข่ายเน็ตเวิร์ค เพื่อลดความเสี่ยงกับการลงทุนด้านโครงข่ายมูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท ทั้งในส่วนของอินฟาสตรัคเจอร์ และเน็ตเวิร์คต่างๆ โดยการจับมือกับพันธมิตรทั้งบรอดคาสเตอร์รายเดิมและองค์กรภาครัฐที่เกี่ยวข้อง โดยที่ได้มีการเซ็น MOU ไปแล้ว คือ TOT และที่กำลังพูดคุยกันไว้แล้ว คือ ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ และไทยพีบีเอส ซึ่งทาง อสมทพร้อมที่จะพูดคุยเพิ่มกับทางช่อง 5 ด้วย ส่วนความร่วมมือครั้งนี้มีหลายรูปแบบ ทั้งนี้เพื่อนำไปสู่การบริหารโครงข่ายรวมกันเป็นโครงข่ายเดียว
นายเอนก กล่าวต่อว่า ส่วนแผนการประมูลช่องดิจิตอลทีวีนั้น อสมท มีความพร้อมเข้าร่วมประมูลทั้ง 2 รูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น แบบ 2 ช่อง หรือ 3 ช่อง ซึ่งทางบริษัทเตรียมความพร้อมทั้งด้านโปรแกรมมรายการ ซอฟท์แวร์และฮาร์ดแวร์ไว้แล้ว ขณะที่ล็อตช่องดิจิตอลทีวีที่วางไว้ เบื้องต้นกสทชกำหนดไว้2แบบ แบบละ 2 ช่อง คือ 1 ช่องวาไรตี้ และช่องเด็ก 2.ช่องข่าวและเด็กซึ่งทาง อสมทพร้อมประมูลทั้ง 2 รูปแบบ
อย่างไรก็ตามภายในเดือนก.ค. นี้ อสมท.ยังได้รับอนุญาติจากทางกสทช. เป็นเจ้าภาพในการจัดงานดิจิตอลทีวีระดับชาติที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เพื่อให้ผู้ประกอบการได้ศึกษาและได้ความรู้ถึงสิ่งจำเป็นเกี่ยวกับดิจิตอลทีวี ก่อนการเข้าร่วมประมูลช่องดิจิตอลทีวีที่จะเกิดขึ้นหลังจากนั้นถัดไป
ด้านนายเจษฎา พรหมจาด หัวหน้าเจ้าหน้าที่ด้านการเงิน บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในส่วนของผลประกอบการปีนี้ อสมท ตั้งเป้าไว้ที่ 6,500 ล้านบาท โดยกำไรน่าจะสูงกว่าปีก่อน ส่วนรายได้ที่เติบโตขึ้นจะมาจากสื่อใหม่เป็นหลักกว่า 400 ล้านบาท ขณะที่สื่อโทรทัศน์ยังสร้างรายได้หลักไม่ต่ำกว่า 60% ขณะที่ภาพรวมการลงทุนประจำปีนี้ใช้กว่า 400 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามสำหรับรายได้รวมในปี 2555 ที่ผ่านมา มีประมาณ 5,939 ล้านบาท เติบโต 12% กำไรกว่า 1,769 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% แบ่งรายได้มาจากสื่อโทรทัศน์ 3,860 ล้านบาทโตขึ้นจากปีก่อน 14% และวิทยุ 942 ล้านบาท โตขึ้น 10% โดยปีนี้ในส่วนของสื่อโทรทัศน์ได้มีการปรับราคาโฆษณาขึ้นไปแล้วเฉลี่ยราว 5% ทั้งปีเชื่อว่ากลุ่มสินค้าที่จะมาใช้โฆษณาสูงขึ้น คือ กลุ่มบริการสาธารณะ หลังรัฐบาลเร่งลงทุนในระบบขนส่งมวลชนและการบริหารจัดการน้ำ, กลุ่มโทรคมนาคม ที่เปิดให้บริการ 3G