วานนี้ (26 ก.พ.56) ที่รัฐสภา น.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธกส.)ได้เปิดเผยตัวเลขรายได้จากการค้าข้าวของรัฐบาลว่า 1.แบบรัฐต่อรัฐหรือจีทูจี มีมูลค่า 37,065 ล้านบาท 2.การขายข้าวให้กับหน่วยงานของราชการ มีมูลค่า 1.9 หมื่นล้านบาท และ 3.ขายข้าวให้ผู้ประกอบการ มีมูลค่า 9,810 ล้านบาท ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวขณะนี้พบว่ารัฐบาลยังทยอยส่งให้ธ.ก.ส.ไม่ครบตามจำนวนที่ขายได้
"ขอตั้งข้อสังเกตุว่า กรณีที่หน่วยราชการมียอดซื้อข้าวที่สูงกว่าผู้ประกอบการ ซึ่งโดยปกติผู้ประกอบการต้องซื้อในปริมาณที่มากกว่าหน่วยงานรัฐเพราะต้องนำไปขายต่อ อาจส่อเหตุแห่งการทุจริตได้ เนื่องจากกรณีที่รัฐได้ขายข้าวให้กับหน่วยงานราชการจะสามารถตรวจสอบได้ลำบาก อีกทั้งที่ผ่านมา เมื่อหน่วยงานราชการซื้อข้าวสารไปก็จะนำไปบรรจุถึงเพื่อขายในราคาถูกให้กับประชาชนผ่านโครงการธงฟ้าและร้านถูกใจ รวมถึงแจกให้คนจนบางส่วน ทั้งนี้การนำข้าวบรรจุถุงเคยเกิดปัญหาเรื่องการนำไปขายต่อในราคาสูงหรือการเวียนเทียน"น.พ.วรงค์กล่าว
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธาน วิปฝ่ายค้าน แถลงว่า ที่ประชุมได้มีการสรุปข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับตัวเลขการใช้เงินในโครงการรับจำนำข้าว โดยโครงการรับจำนำข้าวนาปีกับนาปรัง 2554/2555 และนาปี 2555/2556 และฤดูนาปรังกำลังเริ่มต้นขึ้นแล้ว ธกส.เป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่ในการจัดสรรงบประมาณ และจนถึงขณะนี้รัฐบาลบังคับใช้เงินของธกส.ในโครงการรับจำนำข้าวไปแล้ว 336,772 ล้านบาท ทั้งที่รัฐบาลเคยยืนยันเมื่อครั้งมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่าจะใช้หนี้ธกส.อย่างน้อย 85,000 ล้านบาท แต่จนถึงขณะนี้ใช้หนี้ไปเพียง 52,530 ล้านบาท จึงสังเกตว่ารัฐบาลอาจบังคับให้ธกส.ไปกู้เงิน เพื่อมารับมือกับฤดูนาปรัง 2555/2556 ที่จะมาถึงนี้ และก่อนหน้านี้ ธกส.มีสภาพคล่องถึง 4.2 แสนล้านบาท แต่ปัจจุบันกลับมีสภาพคล่องเพียง 2.2 แสนล้านบาท ทำให้ขาดสภาพคล่องไป 2 แสนล้านบาท
นอกจากนี้รัฐบาลยังใช้เงินของธกส.ในโครงการรับจำนำมัน 35,998 ล้านบาทและคืนเงินมาเพียง 4,262 ล้านบาท เท่ากับว่ายังค้าง ธกส. อีก 31,736 ล้านบาท ส่วนโครงการประกันราคายางพารา ใช้เงินไป 22,578 ล้านบาท และยังไม่คืนเงินธกส.แม้แต่บาทเดียว
“รวมทั้ง 3 โครงการ รัฐบาลเป็นหนี้ ธกส. 379,186 ล้านบาท แต่ชำระให้ธกส.เพียง 58,602 เท่ากับว่ายังเป็นภาระของธกส.อยู่อีก 320,584 ล้านบาท และจนถึงขณะนี้รัฐบาลยังไม่มีท่าทีว่าจะเลิกโครงการดังกล่าว เพราะยังคงให้ธกส.มีภาระเพิ่มต่อไป จึงกังกลว่าผลกระทบจะตกอยู่กับเกษตรกร เรื่องนี้สะท้อนว่ารัฐบาลไม่สนใจในการแก้ไขปัญหา แต่ยังเดินหน้าและสร้างภาระให้กับธกส.ท้ายที่สุดผลประโยชน์ไม่ได้เกิดกับเกษตรกรอย่างเต็มที่”ปธ.วิปรัฐบาลกล่าว
"ขอตั้งข้อสังเกตุว่า กรณีที่หน่วยราชการมียอดซื้อข้าวที่สูงกว่าผู้ประกอบการ ซึ่งโดยปกติผู้ประกอบการต้องซื้อในปริมาณที่มากกว่าหน่วยงานรัฐเพราะต้องนำไปขายต่อ อาจส่อเหตุแห่งการทุจริตได้ เนื่องจากกรณีที่รัฐได้ขายข้าวให้กับหน่วยงานราชการจะสามารถตรวจสอบได้ลำบาก อีกทั้งที่ผ่านมา เมื่อหน่วยงานราชการซื้อข้าวสารไปก็จะนำไปบรรจุถึงเพื่อขายในราคาถูกให้กับประชาชนผ่านโครงการธงฟ้าและร้านถูกใจ รวมถึงแจกให้คนจนบางส่วน ทั้งนี้การนำข้าวบรรจุถุงเคยเกิดปัญหาเรื่องการนำไปขายต่อในราคาสูงหรือการเวียนเทียน"น.พ.วรงค์กล่าว
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธาน วิปฝ่ายค้าน แถลงว่า ที่ประชุมได้มีการสรุปข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับตัวเลขการใช้เงินในโครงการรับจำนำข้าว โดยโครงการรับจำนำข้าวนาปีกับนาปรัง 2554/2555 และนาปี 2555/2556 และฤดูนาปรังกำลังเริ่มต้นขึ้นแล้ว ธกส.เป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่ในการจัดสรรงบประมาณ และจนถึงขณะนี้รัฐบาลบังคับใช้เงินของธกส.ในโครงการรับจำนำข้าวไปแล้ว 336,772 ล้านบาท ทั้งที่รัฐบาลเคยยืนยันเมื่อครั้งมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่าจะใช้หนี้ธกส.อย่างน้อย 85,000 ล้านบาท แต่จนถึงขณะนี้ใช้หนี้ไปเพียง 52,530 ล้านบาท จึงสังเกตว่ารัฐบาลอาจบังคับให้ธกส.ไปกู้เงิน เพื่อมารับมือกับฤดูนาปรัง 2555/2556 ที่จะมาถึงนี้ และก่อนหน้านี้ ธกส.มีสภาพคล่องถึง 4.2 แสนล้านบาท แต่ปัจจุบันกลับมีสภาพคล่องเพียง 2.2 แสนล้านบาท ทำให้ขาดสภาพคล่องไป 2 แสนล้านบาท
นอกจากนี้รัฐบาลยังใช้เงินของธกส.ในโครงการรับจำนำมัน 35,998 ล้านบาทและคืนเงินมาเพียง 4,262 ล้านบาท เท่ากับว่ายังค้าง ธกส. อีก 31,736 ล้านบาท ส่วนโครงการประกันราคายางพารา ใช้เงินไป 22,578 ล้านบาท และยังไม่คืนเงินธกส.แม้แต่บาทเดียว
“รวมทั้ง 3 โครงการ รัฐบาลเป็นหนี้ ธกส. 379,186 ล้านบาท แต่ชำระให้ธกส.เพียง 58,602 เท่ากับว่ายังเป็นภาระของธกส.อยู่อีก 320,584 ล้านบาท และจนถึงขณะนี้รัฐบาลยังไม่มีท่าทีว่าจะเลิกโครงการดังกล่าว เพราะยังคงให้ธกส.มีภาระเพิ่มต่อไป จึงกังกลว่าผลกระทบจะตกอยู่กับเกษตรกร เรื่องนี้สะท้อนว่ารัฐบาลไม่สนใจในการแก้ไขปัญหา แต่ยังเดินหน้าและสร้างภาระให้กับธกส.ท้ายที่สุดผลประโยชน์ไม่ได้เกิดกับเกษตรกรอย่างเต็มที่”ปธ.วิปรัฐบาลกล่าว