กองกำลังผสมระดมกำลังดูแลวัด และชาวไทยพุทธในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้เข้ม หวั่นโจรใต้ป่วนวันมาฆาบูชา ด้าน จนท.ชุด EOD และพิสูจน์หลักฐานปัตตานีแบ่งกำลังเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุคนร้ายป่วนเมืองทั้ง 6 อำเภอ 29 จุด พร้อมเผยภาพวงจรปิดสามารถบันทึกภาพ 2 ผู้ต้องสงสัยลอบวางระเบิดบริเวณซอยนาเกลือ กลางเมืองปัตตานี ขณะที่นราธิวาสพบภาพวงจรปิดคนร้ายลอบวาง จยย.บอมบ์หน้าร้านสะดวกซื้อในระแงะ 2 ลูกซ้อน พบแบ่งเป็น 3 ทีมเข้าปฏิบัติการ คาดเป็นฝีมือแนวร่วมกลุ่มกะเทย
หลังเกิดเหตุการณ์ลอบวางระเบิด และวางเผลิงเผาสถานที่ราชการ โรงเรียน บ้านเรือนราษฎรไทยพุทธ เสาสัญญาณโทรศัพท์ สำนักงานที่ทำการ อบต. ยิงหม้อแปลงไฟฟ้า ตลอดจนวางเพลิงเผายางรถกลางถนนทางหลวงหลายสายของ จ.ปัตตานี สร้างความตกใจแตกตื่นและหวาดกลัวให้แก่ประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างมาก เนื่องจากบางตำบลเกิดเหตุไฟฟ้าดับทั้งหมู่บ้านตลอดทั้งคืนของวันที่ 23 ก.พ.เนื่องจากเหตุเกิดกระจายไปถึง 6 อำเภอ 29 จุด
ต่อมาเมื่อเช้าวานนี้ (24 ก.พ.) เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำหลายวัตถุระเบิด (EOD) พร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัดปัตตานี พร้อมกำลังตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ได้แบ่งกำลังออกเป็น 2 ชุดเข้าไปตรวจสอบยังบริเวณจุดที่เกิดเหตุและเก็บพยานหลักฐาน โดยจุดแรก พ.ต.ท.ประธมพงษ์ ธรรมเสก รอง ผกก.สภ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี พ.ต.ท.มานิต ปานทอง สารวัตรพิสูจน์หลักฐาน จ.ปัตตานี ได้นำกำลังเข้าตรวจสอบบริเวณจุดเผาล้อยางรถยนต์กลางถนนสาย 42 ปัตตานี-ยะลา บริเวณเขตเทศบาลตำบลบางปู
จากนั้น ได้เข้าไปตรวจสอบบริเวณหม้อแปลงไฟฟ้าระเบิด หลังจากถูกคนร้าย 2 คนใช้รถ จยย.เป็นพาหนะเข้ามายิงหม้อแปลงไฟฟ้า 4 นัดจนทำให้หม้อแปลงระเบิดไฟฟ้าดับทั้งตำบลตลอดทั้งคืน ในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนสงครามขนาด 5.56 มม.4 ปลอก ตกบริเวณที่เกิดเหตุ เบื้องต้นคาดว่าเป็นกระสูนที่ถูกยิงมาจากอาวุธปืน Ak102 ซึ่งเป็นปืนของราชการหน่วยปกครอง คาดว่าเป็นอาวุธปืนที่คนร้ายได้ฆาตกรรม อส.ในพื้นที่มาเมื่อปีที่แล้วทำให้ อส.เสียชีวิตไป 3 นายและคนร้ายได้ปล้นปืน AK และปืนพกสั้นไปจำนวนหนึ่ง
หลังจากนั้น เข้าไปตรวจสอบที่สำนักงานที่ทำการ อบต.ตันหยงดาลอ บ้านตันมือซู ม.3 ต.ตันหยงดาลอ ริมถนนทางหลวงสาย 42 ปัตตานี-นราธิวาส พบเพลิงได้ลุกไหม้ภายในอาคารได้รับความเสียหายบริเวณหน้าห้องสำนักปลัด บริเวณหน้าห้องสำนักงานการคลัง และบริเวณห้องโถงได้รับความเสียหายไปบางส่วน นอกจากนั้นยังมีเอกสารหลักฐานของสำนักงานที่เป็นเอกสารเก่าที่ถูกเก็บไว้ภายในตู้ได้รับความเสียหายเกือบทั้งหมด ความร้อนของเพลิงไฟไหม้ในครั้งนี้ทำให้กระจกของสำนักงานระเบิดแตกกระจ่ายจากความร้อนเกือบทุกบาน
จากนั้นได้เข้าตรวจสอบที่โรงเก็บรถดับเพลิงภายในบริเวณที่ทำการ อบต.ซึ่งตั้งอยู่ด้านหลัง หลังจากที่มีคนร้ายพยายามลอบวางเพลิงเผารถดับเพลิง แต่โชคดีที่คนร้ายเผาไม่สำเร็จ จึงทำให้รถดับเพลิงได้รับความเสียหายไปบางส่วน โดยเฉพาะบริเวณกระจกประตูด้านคนนั่งแตกละเอียด 1 บาน จากการตรวจสอบพบชิ้นส่วนด้ามค้อนหักตกบริเวณโรงเก็บรถ และค้อนตกอยู่ภายในรถ นอกจากนั้น ยังพบมีรอยเลือดติดกับปานประตูที่ถูกทุบกระจกและบริเวณแกลลอนที่คนร้ายบรรจุน้ำมันเบนซินไว้เตรียมวางเพลิงเผา จึงได้เก็บเลือดดังกล่าวไว้ตรวจสอบดีเอ็นเอหาตัวคนร้าย
ต่อมาได้เข้าไปตรวจสอบการลอบวางเพลิงเสารับสัญญาณโทรศัพท์มือถือระบบดีแทคบริเวณ ม.2 บ้านปาเระ ต.บาราโหม อ.เมือง ได้รับความเสียหาย ในส่วนของตู้แผงวงจรและสายที่ขึ้นไปบนยอดเสาเสียหายทั้งเส้น จากการตรวจสอบพบชิ้นส่วนเศษยางในรถยนต์ และกระป๋องสเปรย์ ทั้งนี้ จากพยานในที่เกิดเหตุพบว่าในช่วงเวลาดังกล่าวได้มีวัยรุ่น 2 คน สวมหมวกกันน็อกนุ่งผ้าโสร่งถือวัตถุบางอย่างในถุงหิ้ว แต่พยานคาดไม่ถึงว่าเป็นคนร้ายที่จะมาวางเพลิง จึงไม่ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบเพื่อให้เข้ามาตรวจสอบ จนกระทั่งเกิดไฟลุกไหม้อย่างรุนแรง
**เผยภาพ2คนร้ายบึ้มป่วนปัตตานี
ด้าน พล.ต.ต.เอกภพ ประสิทธิ์วัฒนชัย ผบก.ภ.จว.ปัตตานี ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี เร่งหาพยานหลักฐานต่างๆ ทั้งพยานบุคคล และจากภาพวงจรปิด ซึ่งหลังจากเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบภาพจากวงจรปิดที่อยู่ฝั่งตรงกันข้ามซอยนาเกลือซอย 2 ซึ่งเป็นจุดที่คนร้ายนำระเบิดแสวงเครื่องแบบตั่งเวลา น้ำหนักประมาณ 3 กิโลกรัม
ปรากฏว่ากล้องวงจรปิดสามารถที่จะจับภาพชายต้องสงสัย 2 คนขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน โดยคนขับสวมเสื้อยืดสีน้ำเงิน สวมหมวกกันน็อกปกปิดใบหน้า ส่วนคนนั่งซ้อนท้ายซึ่งเป็นคนนำระเบิดไปวางในถังขยะสวมเสื้อยืดสีขาว ใส่หมวกแก๊ป โดยกล้องสามารถที่จะจับพฤติกรรมของชายต้องสงสัยทั้ง 2 รายได้อย่างละเอียด โดยทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนจะนำภาพจากวงจรปิดดังกล่าวไปตรวจเทียบกับแฟ้มประวัติคนร้าย รวมทั้งจะนำไปให้ผู้ต้องหาที่ถูกจับมาก่อนหน้านี้ชี้ตัวซึ่งจะนำไปสู่การจับกุมผู้ก่อเหตุได้
**ได้ภาพ3คนร้ายวางบึ้มหน้าเซเว่นฯ
ส่วนความคืบหน้ากรณีคนร้ายวางระเบิด 2 ลูกซ้อนที่บริเวณหน้าเซเว่นฯ ตั้งอยู่ตรงข้ามกองบังคับการกรมทหารพราน 45 อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เมื่อเย็นวันที่ 23 ก.พ.ที่ผ่านมาส่งผลทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 6 รายจากการตรวจสอบภาพวงจรปิดที่ติดตั้งไว้บริเวณหน้าจุดตรวจของเจ้าหน้าที่ทหารพรานกรม 45 จำนวน 2 กล้องสามารถบันทึกพฤติกรรมของกลุ่มคนร้ายเอาไว้ได้ โดยจากการสังเกตพฤติกกรมของคนร้ายได้แยกปฏิบัติการณ์ออกเป็น 3 ชุด
โดยชุดแรกภาพวงจรปิดบันทึกได้ในเวลา 16.15.30 น.คนร้ายขี่รถ จยย.ฮอนด้ารุ่นสกู๊ปปี้ไอ สีแดง ทะเบียน ขกน- 457 ปัตตานี วิ่งสวนเลนมาจอดที่บริเวณหน้าเซเว่นฯโดยสวมเสื้อสีขาว คนร้ายชุดที่ 2 ได้ขี่รถ จยย.ฮอนด้าเวฟ สีแดงดำ มาจอดท้ายรถ จยย.บอมบ์ในเวลา 16.16.14 น.โดยสวมเสื้อคุมแขนยาวสีออกน้ำตาลมาจอดท้ายรถ จยย.บอมบ์ที่คนร้ายชุดแรกขี่มาจอดแล้วเดินถือระเบิดที่ใส่ไว้ในถุงทิ้งลงในถังขยะที่ตั้งไว้บริเวณประตูทางเข้าแล้วเดินไปขี่รถ จยย.ฮอนด้ารุ่นเวฟ สีแดงดำ ให้คนร้ายที่นำรถ จยย.บอมบ์มาจอดนั่งซ้อนท้ายหลบหนี
ในระหว่างที่ 2 คนร้ายกำลังปฏิบัติการณ์คาดว่าน่าจะมีคนร้ายชุดที่ 3 ขับรถยนต์กระบะโตโยต้า รุ่นไทเกอร์สีออกน้ำตาลบรอนซ์มาจอดบังเพื่อไม่ให้กล้องวงจรปิดสามารถบันทึกพฤติกรรมของคนร้ายที่ก่อเหตุได้ กระทั่งเวลาผ่านไป 16.16.46 น.ระเบิดลูกแรกที่คนร้ายใส่ไว้ในถังขยะได้ระเบิดขึ้น และระเบิดลูกที่ 2 ซึ่งเป็นรถ จยย.บอมบ์ ได้ระเบิดตามมาในเวลา 16.39 น.
ด้าน พ.ต.อ.จิระเดช พระสว่าง ผกก.สภ.ระแงะ พ.อ.เฉลิมชัย สุทธินวล ผบ.กรมทหารพรานที่ 45 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ร่วมประชุมสรุปสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และเชื่อว่ากลุ่มคนร้ายที่ร่วมก่อเหตุในครั้งนี้เป็นกลุ่มกะเทยที่พัวพันกับยาเสพติดที่อาจจะมีการรับจ้างจากสมาชิกแนวร่วมมาก่อเหตุร้ายในครั้งนี้ และล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้เชิญพนักงานของเซเว่นฯ 6 คน มาสอบปากคำในเบื้องต้นแล้ว และมีข้อสังเกตที่ร้านค้าละแวกจุดเกิดเหตุในวันดังกล่าวมีการงดจำหน่ายอาหารอย่างผิดปกติ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเชิญตัวมาสอบปากคำต่อไป ส่วนกรณีรถ จยย.บอมบ์ ที่คนร้ายใช้ก่อเหตุในครั้งนี้ ตรวจสอบแล้วเป็นรถจักรยานยนต์ที่แจ้งหายไว้ที่ สภ.สายบุรี จ.ปัตตานี ซึ่งเจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
**นราฯคุมเข้มวันมาฆบูชาหวั่นบึ้ม
กองกำลังผสมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้มีการวางมาตรการคุมเข้มตามสถานที่ต่างๆ เพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชนที่จะเดินทางมาทำบุญและเวียนเทียนเนื่องในวันมาฆบูชาในวันนี้ (25 ก.พ.) โดยเฉพาะในพื้นที่ 13 อำเภอของที่ จ.นราธิวาส นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ได้สั่งกำชับเจ้าหน้าที่ทุกพื้นที่และเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจจุดสกัดทั้งด่านถาวรและด่านลอยทุกจุดให้เพิ่มความเข้มในการตรวจสอบยานพาหนะต้องสงสัยที่ผ่านจุดตรวจอย่างละเอียด โดยเฉพาะป้ายทะเบียนว่าตรงกับข้อมูลของทางการหรือไม่ เนื่องจากเกรงว่าผู้ไม่หวังดีอาจใช้ป้ายทะเบียนปลอมมาสวมทับเพื่ออำพรางก่อนนำไปจอดในย่านชุมชนเพื่อจุดชนวนระเบิดสังหารผู้บริสุทธิ์ รวมทั้งทั้งให้มีการตรวจสอบบุคคลต้องสงสัยเพื่อเปรียบเทียบกับแฟ้มประวัติคดีความมั่นคงในพื้นที่ 3 งหวัดชายแดนภาคใต้ที่อาจลักลอบแฝงตัวเข้ามาเพื่อเตรียมก่อเหตุร้ายป่วนในวันมาฆบูชา
ขณะที่ พล.ต.ต.วิชัย เกษมวงศ์ ผบก.ภ.จ.นราธิวาสได้ประสานการปฏิบัติไปยังระดับ ผกก.และ สวญ.ทั้ง 19 สถานีรับผิดชอบเพื่อให้กำชับไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจบูรณาการการปฏิบัติอย่างเต็มขีดความสามารถร่วมกับทหารและฝ่ายปกครอง โดยพิจารณาพื้นที่ทุกตารางนิ้วว่าจุดใดเป็นพื้นที่อ่อนแอและจุดเสี่ยงต่อการเกิดเหตุ หลังจากเกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิด 2 ลูกซ้อนหน้าร้านสะดวกซื้อเซเว่นฯ ทั้งๆ ที่อยู่ตรงกันข้ามกับกองบังคับการ กรมทหารพรานที่ 45 ยังเกิดช่องโหว่จนคนร้ายฮึกเหิมได้
ด้าน พล.ต.พิสิทธิ์ สิทธิสาร ผบ.ฉก.นราธิวาส กล่าวว่า หลังเกิดเหตุอุกอาจที่หน้าร้านเซเว่นฯ ตรงข้ามกรมทหารพรานที่ 45 ก็ได้ย้ำให้ทุกหน่วยอย่าปล่อยให้เกิดช่องโหว่จนเกิดเหตุการณ์ต่อหน้าต่อตาได้อีก ส่วนกองกำลังประจำจุดตรวจทำงานตลอด 24 ชั่วโมงอยู่แล้วที่ต้องเพิ่มคือความเข้มข้นและต่อเนื่องโดยเฉพาะช่วงเวลาของการสับเปลี่ยนกำลัง ซึ่งวันนี้เป็นวันมาฆบูชาให้ทุกหน่วย รปภ.ชาวไทยพุทธ วัดวาอารามทุกแห่ง รวมทั้งครูเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงขึ้นได้อีก ซึ่งย้ำว่าเจ้าหน้าที่ทุกนายต้องมีไหวพริบในการสังเกตด้วยว่าอะไรที่ต้องสงสัย อย่าทำไปตามหน้าที่แต่ละวัน จะได้ช่วยกันปิดช่องโหว่ของกลุ่มคนร้ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
**ทหารยะลาสั่งคุมเข้มวัดในพื้นที่
ส่วนที่ จ.ยะลา พ.ท.ชลัช ศรีวิเชียร ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 11 ได้สั่งการให้ พ.ต.ศุภชัย สงสังข์ รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 11 นำกำลังทหารหน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 11 ออกตรวจสอบการวางกำลังดูแลรักษาความปลอดภัยวัดในพื้นที่เมืองยะลา อย่างเข้มงวด เนื่องจากในวันนี้ จ.ยะลา จะจัดให้มีกิจกรรมทำบุญตักบาตรและเวียนเทียนเนื่องในวันมาฆบูชา ทั้งนี้ เพื่อเป็นการระวังป้องกันกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงนำวัตถุ ยานพาหนะ ต้องสงสัยมาวางไว้ในวัด ก่อนจะมีกิจกรรมของชาวไทยพุทธและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนชาวไทยพุทธที่จะมาร่วมทำบุญในวันสำคัญทางพุทธศาสนา
นอกจากนี้ ตามตลาด ย่านชุมชน ในเขตเมืองยะลา เจ้าหน้าที่ทหาร ได้มีการตั้งจุดตรวจจุดสกัดในเส้นทางหลัก เส้นทางรอง เพื่อตรวจสอบยานพาหนะ บุคคลเป้าหมายอย่างเข้มงวด.
หลังเกิดเหตุการณ์ลอบวางระเบิด และวางเผลิงเผาสถานที่ราชการ โรงเรียน บ้านเรือนราษฎรไทยพุทธ เสาสัญญาณโทรศัพท์ สำนักงานที่ทำการ อบต. ยิงหม้อแปลงไฟฟ้า ตลอดจนวางเพลิงเผายางรถกลางถนนทางหลวงหลายสายของ จ.ปัตตานี สร้างความตกใจแตกตื่นและหวาดกลัวให้แก่ประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างมาก เนื่องจากบางตำบลเกิดเหตุไฟฟ้าดับทั้งหมู่บ้านตลอดทั้งคืนของวันที่ 23 ก.พ.เนื่องจากเหตุเกิดกระจายไปถึง 6 อำเภอ 29 จุด
ต่อมาเมื่อเช้าวานนี้ (24 ก.พ.) เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำหลายวัตถุระเบิด (EOD) พร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัดปัตตานี พร้อมกำลังตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ได้แบ่งกำลังออกเป็น 2 ชุดเข้าไปตรวจสอบยังบริเวณจุดที่เกิดเหตุและเก็บพยานหลักฐาน โดยจุดแรก พ.ต.ท.ประธมพงษ์ ธรรมเสก รอง ผกก.สภ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี พ.ต.ท.มานิต ปานทอง สารวัตรพิสูจน์หลักฐาน จ.ปัตตานี ได้นำกำลังเข้าตรวจสอบบริเวณจุดเผาล้อยางรถยนต์กลางถนนสาย 42 ปัตตานี-ยะลา บริเวณเขตเทศบาลตำบลบางปู
จากนั้น ได้เข้าไปตรวจสอบบริเวณหม้อแปลงไฟฟ้าระเบิด หลังจากถูกคนร้าย 2 คนใช้รถ จยย.เป็นพาหนะเข้ามายิงหม้อแปลงไฟฟ้า 4 นัดจนทำให้หม้อแปลงระเบิดไฟฟ้าดับทั้งตำบลตลอดทั้งคืน ในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนสงครามขนาด 5.56 มม.4 ปลอก ตกบริเวณที่เกิดเหตุ เบื้องต้นคาดว่าเป็นกระสูนที่ถูกยิงมาจากอาวุธปืน Ak102 ซึ่งเป็นปืนของราชการหน่วยปกครอง คาดว่าเป็นอาวุธปืนที่คนร้ายได้ฆาตกรรม อส.ในพื้นที่มาเมื่อปีที่แล้วทำให้ อส.เสียชีวิตไป 3 นายและคนร้ายได้ปล้นปืน AK และปืนพกสั้นไปจำนวนหนึ่ง
หลังจากนั้น เข้าไปตรวจสอบที่สำนักงานที่ทำการ อบต.ตันหยงดาลอ บ้านตันมือซู ม.3 ต.ตันหยงดาลอ ริมถนนทางหลวงสาย 42 ปัตตานี-นราธิวาส พบเพลิงได้ลุกไหม้ภายในอาคารได้รับความเสียหายบริเวณหน้าห้องสำนักปลัด บริเวณหน้าห้องสำนักงานการคลัง และบริเวณห้องโถงได้รับความเสียหายไปบางส่วน นอกจากนั้นยังมีเอกสารหลักฐานของสำนักงานที่เป็นเอกสารเก่าที่ถูกเก็บไว้ภายในตู้ได้รับความเสียหายเกือบทั้งหมด ความร้อนของเพลิงไฟไหม้ในครั้งนี้ทำให้กระจกของสำนักงานระเบิดแตกกระจ่ายจากความร้อนเกือบทุกบาน
จากนั้นได้เข้าตรวจสอบที่โรงเก็บรถดับเพลิงภายในบริเวณที่ทำการ อบต.ซึ่งตั้งอยู่ด้านหลัง หลังจากที่มีคนร้ายพยายามลอบวางเพลิงเผารถดับเพลิง แต่โชคดีที่คนร้ายเผาไม่สำเร็จ จึงทำให้รถดับเพลิงได้รับความเสียหายไปบางส่วน โดยเฉพาะบริเวณกระจกประตูด้านคนนั่งแตกละเอียด 1 บาน จากการตรวจสอบพบชิ้นส่วนด้ามค้อนหักตกบริเวณโรงเก็บรถ และค้อนตกอยู่ภายในรถ นอกจากนั้น ยังพบมีรอยเลือดติดกับปานประตูที่ถูกทุบกระจกและบริเวณแกลลอนที่คนร้ายบรรจุน้ำมันเบนซินไว้เตรียมวางเพลิงเผา จึงได้เก็บเลือดดังกล่าวไว้ตรวจสอบดีเอ็นเอหาตัวคนร้าย
ต่อมาได้เข้าไปตรวจสอบการลอบวางเพลิงเสารับสัญญาณโทรศัพท์มือถือระบบดีแทคบริเวณ ม.2 บ้านปาเระ ต.บาราโหม อ.เมือง ได้รับความเสียหาย ในส่วนของตู้แผงวงจรและสายที่ขึ้นไปบนยอดเสาเสียหายทั้งเส้น จากการตรวจสอบพบชิ้นส่วนเศษยางในรถยนต์ และกระป๋องสเปรย์ ทั้งนี้ จากพยานในที่เกิดเหตุพบว่าในช่วงเวลาดังกล่าวได้มีวัยรุ่น 2 คน สวมหมวกกันน็อกนุ่งผ้าโสร่งถือวัตถุบางอย่างในถุงหิ้ว แต่พยานคาดไม่ถึงว่าเป็นคนร้ายที่จะมาวางเพลิง จึงไม่ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบเพื่อให้เข้ามาตรวจสอบ จนกระทั่งเกิดไฟลุกไหม้อย่างรุนแรง
**เผยภาพ2คนร้ายบึ้มป่วนปัตตานี
ด้าน พล.ต.ต.เอกภพ ประสิทธิ์วัฒนชัย ผบก.ภ.จว.ปัตตานี ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี เร่งหาพยานหลักฐานต่างๆ ทั้งพยานบุคคล และจากภาพวงจรปิด ซึ่งหลังจากเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบภาพจากวงจรปิดที่อยู่ฝั่งตรงกันข้ามซอยนาเกลือซอย 2 ซึ่งเป็นจุดที่คนร้ายนำระเบิดแสวงเครื่องแบบตั่งเวลา น้ำหนักประมาณ 3 กิโลกรัม
ปรากฏว่ากล้องวงจรปิดสามารถที่จะจับภาพชายต้องสงสัย 2 คนขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน โดยคนขับสวมเสื้อยืดสีน้ำเงิน สวมหมวกกันน็อกปกปิดใบหน้า ส่วนคนนั่งซ้อนท้ายซึ่งเป็นคนนำระเบิดไปวางในถังขยะสวมเสื้อยืดสีขาว ใส่หมวกแก๊ป โดยกล้องสามารถที่จะจับพฤติกรรมของชายต้องสงสัยทั้ง 2 รายได้อย่างละเอียด โดยทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนจะนำภาพจากวงจรปิดดังกล่าวไปตรวจเทียบกับแฟ้มประวัติคนร้าย รวมทั้งจะนำไปให้ผู้ต้องหาที่ถูกจับมาก่อนหน้านี้ชี้ตัวซึ่งจะนำไปสู่การจับกุมผู้ก่อเหตุได้
**ได้ภาพ3คนร้ายวางบึ้มหน้าเซเว่นฯ
ส่วนความคืบหน้ากรณีคนร้ายวางระเบิด 2 ลูกซ้อนที่บริเวณหน้าเซเว่นฯ ตั้งอยู่ตรงข้ามกองบังคับการกรมทหารพราน 45 อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เมื่อเย็นวันที่ 23 ก.พ.ที่ผ่านมาส่งผลทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 6 รายจากการตรวจสอบภาพวงจรปิดที่ติดตั้งไว้บริเวณหน้าจุดตรวจของเจ้าหน้าที่ทหารพรานกรม 45 จำนวน 2 กล้องสามารถบันทึกพฤติกรรมของกลุ่มคนร้ายเอาไว้ได้ โดยจากการสังเกตพฤติกกรมของคนร้ายได้แยกปฏิบัติการณ์ออกเป็น 3 ชุด
โดยชุดแรกภาพวงจรปิดบันทึกได้ในเวลา 16.15.30 น.คนร้ายขี่รถ จยย.ฮอนด้ารุ่นสกู๊ปปี้ไอ สีแดง ทะเบียน ขกน- 457 ปัตตานี วิ่งสวนเลนมาจอดที่บริเวณหน้าเซเว่นฯโดยสวมเสื้อสีขาว คนร้ายชุดที่ 2 ได้ขี่รถ จยย.ฮอนด้าเวฟ สีแดงดำ มาจอดท้ายรถ จยย.บอมบ์ในเวลา 16.16.14 น.โดยสวมเสื้อคุมแขนยาวสีออกน้ำตาลมาจอดท้ายรถ จยย.บอมบ์ที่คนร้ายชุดแรกขี่มาจอดแล้วเดินถือระเบิดที่ใส่ไว้ในถุงทิ้งลงในถังขยะที่ตั้งไว้บริเวณประตูทางเข้าแล้วเดินไปขี่รถ จยย.ฮอนด้ารุ่นเวฟ สีแดงดำ ให้คนร้ายที่นำรถ จยย.บอมบ์มาจอดนั่งซ้อนท้ายหลบหนี
ในระหว่างที่ 2 คนร้ายกำลังปฏิบัติการณ์คาดว่าน่าจะมีคนร้ายชุดที่ 3 ขับรถยนต์กระบะโตโยต้า รุ่นไทเกอร์สีออกน้ำตาลบรอนซ์มาจอดบังเพื่อไม่ให้กล้องวงจรปิดสามารถบันทึกพฤติกรรมของคนร้ายที่ก่อเหตุได้ กระทั่งเวลาผ่านไป 16.16.46 น.ระเบิดลูกแรกที่คนร้ายใส่ไว้ในถังขยะได้ระเบิดขึ้น และระเบิดลูกที่ 2 ซึ่งเป็นรถ จยย.บอมบ์ ได้ระเบิดตามมาในเวลา 16.39 น.
ด้าน พ.ต.อ.จิระเดช พระสว่าง ผกก.สภ.ระแงะ พ.อ.เฉลิมชัย สุทธินวล ผบ.กรมทหารพรานที่ 45 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ร่วมประชุมสรุปสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และเชื่อว่ากลุ่มคนร้ายที่ร่วมก่อเหตุในครั้งนี้เป็นกลุ่มกะเทยที่พัวพันกับยาเสพติดที่อาจจะมีการรับจ้างจากสมาชิกแนวร่วมมาก่อเหตุร้ายในครั้งนี้ และล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้เชิญพนักงานของเซเว่นฯ 6 คน มาสอบปากคำในเบื้องต้นแล้ว และมีข้อสังเกตที่ร้านค้าละแวกจุดเกิดเหตุในวันดังกล่าวมีการงดจำหน่ายอาหารอย่างผิดปกติ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเชิญตัวมาสอบปากคำต่อไป ส่วนกรณีรถ จยย.บอมบ์ ที่คนร้ายใช้ก่อเหตุในครั้งนี้ ตรวจสอบแล้วเป็นรถจักรยานยนต์ที่แจ้งหายไว้ที่ สภ.สายบุรี จ.ปัตตานี ซึ่งเจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
**นราฯคุมเข้มวันมาฆบูชาหวั่นบึ้ม
กองกำลังผสมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้มีการวางมาตรการคุมเข้มตามสถานที่ต่างๆ เพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชนที่จะเดินทางมาทำบุญและเวียนเทียนเนื่องในวันมาฆบูชาในวันนี้ (25 ก.พ.) โดยเฉพาะในพื้นที่ 13 อำเภอของที่ จ.นราธิวาส นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ได้สั่งกำชับเจ้าหน้าที่ทุกพื้นที่และเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจจุดสกัดทั้งด่านถาวรและด่านลอยทุกจุดให้เพิ่มความเข้มในการตรวจสอบยานพาหนะต้องสงสัยที่ผ่านจุดตรวจอย่างละเอียด โดยเฉพาะป้ายทะเบียนว่าตรงกับข้อมูลของทางการหรือไม่ เนื่องจากเกรงว่าผู้ไม่หวังดีอาจใช้ป้ายทะเบียนปลอมมาสวมทับเพื่ออำพรางก่อนนำไปจอดในย่านชุมชนเพื่อจุดชนวนระเบิดสังหารผู้บริสุทธิ์ รวมทั้งทั้งให้มีการตรวจสอบบุคคลต้องสงสัยเพื่อเปรียบเทียบกับแฟ้มประวัติคดีความมั่นคงในพื้นที่ 3 งหวัดชายแดนภาคใต้ที่อาจลักลอบแฝงตัวเข้ามาเพื่อเตรียมก่อเหตุร้ายป่วนในวันมาฆบูชา
ขณะที่ พล.ต.ต.วิชัย เกษมวงศ์ ผบก.ภ.จ.นราธิวาสได้ประสานการปฏิบัติไปยังระดับ ผกก.และ สวญ.ทั้ง 19 สถานีรับผิดชอบเพื่อให้กำชับไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจบูรณาการการปฏิบัติอย่างเต็มขีดความสามารถร่วมกับทหารและฝ่ายปกครอง โดยพิจารณาพื้นที่ทุกตารางนิ้วว่าจุดใดเป็นพื้นที่อ่อนแอและจุดเสี่ยงต่อการเกิดเหตุ หลังจากเกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิด 2 ลูกซ้อนหน้าร้านสะดวกซื้อเซเว่นฯ ทั้งๆ ที่อยู่ตรงกันข้ามกับกองบังคับการ กรมทหารพรานที่ 45 ยังเกิดช่องโหว่จนคนร้ายฮึกเหิมได้
ด้าน พล.ต.พิสิทธิ์ สิทธิสาร ผบ.ฉก.นราธิวาส กล่าวว่า หลังเกิดเหตุอุกอาจที่หน้าร้านเซเว่นฯ ตรงข้ามกรมทหารพรานที่ 45 ก็ได้ย้ำให้ทุกหน่วยอย่าปล่อยให้เกิดช่องโหว่จนเกิดเหตุการณ์ต่อหน้าต่อตาได้อีก ส่วนกองกำลังประจำจุดตรวจทำงานตลอด 24 ชั่วโมงอยู่แล้วที่ต้องเพิ่มคือความเข้มข้นและต่อเนื่องโดยเฉพาะช่วงเวลาของการสับเปลี่ยนกำลัง ซึ่งวันนี้เป็นวันมาฆบูชาให้ทุกหน่วย รปภ.ชาวไทยพุทธ วัดวาอารามทุกแห่ง รวมทั้งครูเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงขึ้นได้อีก ซึ่งย้ำว่าเจ้าหน้าที่ทุกนายต้องมีไหวพริบในการสังเกตด้วยว่าอะไรที่ต้องสงสัย อย่าทำไปตามหน้าที่แต่ละวัน จะได้ช่วยกันปิดช่องโหว่ของกลุ่มคนร้ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
**ทหารยะลาสั่งคุมเข้มวัดในพื้นที่
ส่วนที่ จ.ยะลา พ.ท.ชลัช ศรีวิเชียร ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 11 ได้สั่งการให้ พ.ต.ศุภชัย สงสังข์ รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 11 นำกำลังทหารหน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 11 ออกตรวจสอบการวางกำลังดูแลรักษาความปลอดภัยวัดในพื้นที่เมืองยะลา อย่างเข้มงวด เนื่องจากในวันนี้ จ.ยะลา จะจัดให้มีกิจกรรมทำบุญตักบาตรและเวียนเทียนเนื่องในวันมาฆบูชา ทั้งนี้ เพื่อเป็นการระวังป้องกันกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงนำวัตถุ ยานพาหนะ ต้องสงสัยมาวางไว้ในวัด ก่อนจะมีกิจกรรมของชาวไทยพุทธและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนชาวไทยพุทธที่จะมาร่วมทำบุญในวันสำคัญทางพุทธศาสนา
นอกจากนี้ ตามตลาด ย่านชุมชน ในเขตเมืองยะลา เจ้าหน้าที่ทหาร ได้มีการตั้งจุดตรวจจุดสกัดในเส้นทางหลัก เส้นทางรอง เพื่อตรวจสอบยานพาหนะ บุคคลเป้าหมายอย่างเข้มงวด.