ASTVผู้จัดการรายวัน-ทช.หวั่นวิกฤติขาดแคลนแรงงานเหตุโครงการใหญ่มีมากและระบบรางกำลังจะเริ่มก่อสร้างทำให้มีความต้องการแรงงานสูง และยังได้รับผลพวงจากปรับขึ้นค่าแรง 300 บ./วัน ที่อาทำให้คนต่างจังหวัดไม่เดินทางมาหางานทำในกทม.เหมือนก่อน จี้ผู้รับเหมาวางแผนและบริหารสัญญาแบบเข้มข้น ตั้งเป้า เบิกจ่ายงบปี 56 ให้ได้ 90%
นายชาติชาย ทิพย์สุนาวี อธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.) เปิดเผยว่า ขณะนี้การปรับค่าแรงขั้นต่ำ เป็น 300 บาท/วัน ยังไม่ส่งผลกระทบต่อค่าก่อสร้างถนนและสะพานของทช.ในภาพรวมมากนัก เพราะส่วนใหญ่จะใช้เครื่องมือเครื่องจักรเป็นหลัก ซึ่งใช้แรงงานแบบมีทักษะ (Skilled labor) ที่ค่าแรงเกิน 300 บาท/วันอยู่แล้ว แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นในระยะยาวจะเป็นเรื่องการขาดแคลนแรงงาน โดยเฉพาะงานก่อสร้างในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล เนื่องจากแรงงานต่างจังหวัดจะไม่เดินทางเข้ามาทำงานเหมือนเดิม เพราะค่าแรงในพื้นที่ที่อยู่นั้นปรับเป็น 300 บาท/วันเท่ากันแล้ว จึงต้องเตรียมความพร้อมรับปัญหานี้โดยเร่งด่วน โดยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่เป็นช่วงวันหยุดยาวซึ่งคนงานจะเดินทางกลับภูมิลำเนา มีความเสี่ยงที่อาจจะไม่กลับมาทำงาน ดังนั้นจึงได้ประสานกับผู้รับเหมาในการบริหารสัญญาและทช.เข้าไปกำกับสัญญาเข้มข้นขึ้น โดยดูผลงานของแต่ละสัญญาว่าเป็นไปตามแผนหรือไม่ มีสัญญาใดควรปรับเร่งงานหรือไม่ เป็นต้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา
“การก่อสร้างที่ใช้แรงงานจำนวนมากจะเป็นงานคอนกรีตทั้งสะพานและถนน ขณะที่หากเป็นถนนลาดยางจะใช้เครื่องจักรเป็นหลัก ซึ่งต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพราะหลังจากนี้งานก่อสร้างจะเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะงานระบบรางที่เป็นนโยบายรัฐบาลหากเริ่มก่อสร้างพร้อมกัน อาจจะเกิดปัญหาขาดแคลนแรงงานได้”นายชัชชาติกล่าว
สำหรับการทำราคากลางของทช.จะอิงตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจและดัชนีเงินเฟ้อที่กระทรวงพาณิชย์ประกาศเป็นหลักเพื่อประเมินต้นทุนราคาวัสดุในพื้นที่ต่างๆ โดยในภาพรวม หากค่าแรงปรับเพิ่มทำให้ต้นทุนรวมเพิ่มประมาณ 3% ส่วนค่าวัสดุเพิ่มประมาณ 3% ซึ่งถือว่าไม่มาก
นายชาติชายกล่าวถึงการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2556 ว่า ทช.ได้รับจัดสรรรวม 33,951 ล้านบาท แบ่งเป็นงบซ่อมบำรุง 12,000 ล้านบาท งบถนนลาดยาง 4,500 ล้านบาท โดยสิ้นสุดเดือนมกราคมเบิกจ่ายแล้ว 5-6 % เพราะเป็นช่วงเริ่มต้น แต่มั่นใจว่า สิ้นปีงบประมาณจะสามารถเบิกจ่ายได้ตามเป้าที่ 90% แน่นอน
ส่วนความคืบหน้าโครงการแก้ไขปัญหาอุทกภัย (แนวคันกั้นน้ำฝั่งตะวันออกและตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา) วงเงิน 7,568.4 ล้านบาท ขณะนี้ประมาณ 18% เป็นไปตามแผนงานแต่ ทช.จะเจรจากับผู้รับเหมาให้เร่งก่อสร้างโครงสร้างที่สามารถเป็นคันหรือกำแพลงป้องกันน้ำให้ใช้งานได้ก่อนเดือนตุลาคม 2556 นี้หรือถึงช่วงหน้าฝน และโครงการจะเริ่มทยอยแล้วเสร็จสมบูรณ์ตั้งแต่ต้นปี 2557
จนถึงเดือนพฤษภาคม 2557
ส่วนโครงการป้องกันน้ำท่วมตามแผนฟื้นฟูถนน 1.2 แสนล้านบาท ทช.ได้รับจักสรร ที่รับความเสียหายจากอุทกภัยภายใต้วงเงิน 1.2 แสนล้านบาทของรัฐบาลซึ่งทช.ได้รับจัดสรร 4,909 ล้านบาท จำนวน 529 โครงการขณะนี้แล้วเสร็จไปเกือบทั้ง 100% เหลือ 2 โครงการ คือ สะพานข้ามแม่น้ำชี จ.ขอนแก่น ระยะทาง 120 เมตร คาดจะแล้วเสร็จเดือนกรกฎาคม 2556 และถนนที่จังหวัดปทุมธานี มีปัญหาต้องปรับแบบ
คาดแล้วเสร็จในเดือนเมษายน 2556 นี้
นายชาติชาย ทิพย์สุนาวี อธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.) เปิดเผยว่า ขณะนี้การปรับค่าแรงขั้นต่ำ เป็น 300 บาท/วัน ยังไม่ส่งผลกระทบต่อค่าก่อสร้างถนนและสะพานของทช.ในภาพรวมมากนัก เพราะส่วนใหญ่จะใช้เครื่องมือเครื่องจักรเป็นหลัก ซึ่งใช้แรงงานแบบมีทักษะ (Skilled labor) ที่ค่าแรงเกิน 300 บาท/วันอยู่แล้ว แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นในระยะยาวจะเป็นเรื่องการขาดแคลนแรงงาน โดยเฉพาะงานก่อสร้างในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล เนื่องจากแรงงานต่างจังหวัดจะไม่เดินทางเข้ามาทำงานเหมือนเดิม เพราะค่าแรงในพื้นที่ที่อยู่นั้นปรับเป็น 300 บาท/วันเท่ากันแล้ว จึงต้องเตรียมความพร้อมรับปัญหานี้โดยเร่งด่วน โดยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่เป็นช่วงวันหยุดยาวซึ่งคนงานจะเดินทางกลับภูมิลำเนา มีความเสี่ยงที่อาจจะไม่กลับมาทำงาน ดังนั้นจึงได้ประสานกับผู้รับเหมาในการบริหารสัญญาและทช.เข้าไปกำกับสัญญาเข้มข้นขึ้น โดยดูผลงานของแต่ละสัญญาว่าเป็นไปตามแผนหรือไม่ มีสัญญาใดควรปรับเร่งงานหรือไม่ เป็นต้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา
“การก่อสร้างที่ใช้แรงงานจำนวนมากจะเป็นงานคอนกรีตทั้งสะพานและถนน ขณะที่หากเป็นถนนลาดยางจะใช้เครื่องจักรเป็นหลัก ซึ่งต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพราะหลังจากนี้งานก่อสร้างจะเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะงานระบบรางที่เป็นนโยบายรัฐบาลหากเริ่มก่อสร้างพร้อมกัน อาจจะเกิดปัญหาขาดแคลนแรงงานได้”นายชัชชาติกล่าว
สำหรับการทำราคากลางของทช.จะอิงตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจและดัชนีเงินเฟ้อที่กระทรวงพาณิชย์ประกาศเป็นหลักเพื่อประเมินต้นทุนราคาวัสดุในพื้นที่ต่างๆ โดยในภาพรวม หากค่าแรงปรับเพิ่มทำให้ต้นทุนรวมเพิ่มประมาณ 3% ส่วนค่าวัสดุเพิ่มประมาณ 3% ซึ่งถือว่าไม่มาก
นายชาติชายกล่าวถึงการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2556 ว่า ทช.ได้รับจัดสรรรวม 33,951 ล้านบาท แบ่งเป็นงบซ่อมบำรุง 12,000 ล้านบาท งบถนนลาดยาง 4,500 ล้านบาท โดยสิ้นสุดเดือนมกราคมเบิกจ่ายแล้ว 5-6 % เพราะเป็นช่วงเริ่มต้น แต่มั่นใจว่า สิ้นปีงบประมาณจะสามารถเบิกจ่ายได้ตามเป้าที่ 90% แน่นอน
ส่วนความคืบหน้าโครงการแก้ไขปัญหาอุทกภัย (แนวคันกั้นน้ำฝั่งตะวันออกและตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา) วงเงิน 7,568.4 ล้านบาท ขณะนี้ประมาณ 18% เป็นไปตามแผนงานแต่ ทช.จะเจรจากับผู้รับเหมาให้เร่งก่อสร้างโครงสร้างที่สามารถเป็นคันหรือกำแพลงป้องกันน้ำให้ใช้งานได้ก่อนเดือนตุลาคม 2556 นี้หรือถึงช่วงหน้าฝน และโครงการจะเริ่มทยอยแล้วเสร็จสมบูรณ์ตั้งแต่ต้นปี 2557
จนถึงเดือนพฤษภาคม 2557
ส่วนโครงการป้องกันน้ำท่วมตามแผนฟื้นฟูถนน 1.2 แสนล้านบาท ทช.ได้รับจักสรร ที่รับความเสียหายจากอุทกภัยภายใต้วงเงิน 1.2 แสนล้านบาทของรัฐบาลซึ่งทช.ได้รับจัดสรร 4,909 ล้านบาท จำนวน 529 โครงการขณะนี้แล้วเสร็จไปเกือบทั้ง 100% เหลือ 2 โครงการ คือ สะพานข้ามแม่น้ำชี จ.ขอนแก่น ระยะทาง 120 เมตร คาดจะแล้วเสร็จเดือนกรกฎาคม 2556 และถนนที่จังหวัดปทุมธานี มีปัญหาต้องปรับแบบ
คาดแล้วเสร็จในเดือนเมษายน 2556 นี้
