xs
xsm
sm
md
lg

“ศิธา”สั่งล้วงลูก ดูยอดขายคิงเพาเวอร์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“ศิธา”ผงาดประธานบอร์ดทอท. ลุยงานแรกเร่งติดตั้งระบบตรวจสอบยอดขายคิงเพาเวอร์ ยอมรับที่ผ่านมาไร้ระบบตรวจสอบ รั่วไหวไม่รู้ รายได้น้อยผิดปกติ พร้อมเร่งทอท.ประเมินการเติบโตผู้โดยสารใหม่ก่อนปรับแผนขยายสุวรรณภูมิ เฟส 2 และ 3 ให้สอดคล้อง ติงคุณสมบัติเอ็มดีเข้มข้นทำให้มีผู้สมัครคนเดียว จ่อขยายเวลาอีก 1 เดือนสั่งทอท.เจรจาทร.ขอใช้พื้นที่หลุมจอด แก้ปัญหาแออัดสนามบินภูเก็ต

น.ต.ศิธา ทิวารี ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. เปิดเผยภายหลังการประชุมบอร์ดทอท.เมื่อวันที่ 21 ก.พ.ว่า ที่ประชุมมีมติแต่งตั้งบอร์ด 2 คนคือ พล.ต.ท.ภาณุ เกิดลาภผล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) และพล.ต.อ.กฤษณะ ผลอนันต์ อดีตเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (.ป.ปส.) และที่ประชุมได้เลือกให้ตนเองเป็นประธานบอร์ดและนายธนพิศ มูลพฤกษ์ เป็นรองประธานคนที่ 1

ทั้งนี้ที่ประชุมได้เร่งรัดการติดตั้งระบบเชื่อมโยงข้อมูลการซื้อขายของร้านค้าปลอดภาษี (ดิวตี้ฟรี) ของกลุ่มคิงเพาเวอร์ (Point of Sale) ทั้ง 5 สนามบิน (สุวรรณภูมิ,เชียงใหม่,หาดใหญ่,ภูเก็ต,เชียงราย) ซึ่งจะทำให้ทอท.ท.สามารถติดตามยอดขายได้แบบ Real Time โดยให้ปรับแผนดำเนินการให้เร็วขึ้นจากที่คิงเพาเวอร์เสนอ 9 เดือน เป็นอย่างน้อย 6 เดือน ซึ่งอยู่ระหว่างการกำหนดทีโออาร์จัดซื้อ วงเงินลงทุนประมาณ 312 ล้านบาท รวมถึงติดตั้งระบบจัดเก็บค่าจอดรถของอาคารจอดรถท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

“สุวรรณภูมิเปิดมา 7 ปี แต่ไม่มีระบบตรวจสอบยอดขายเพราะสัญญาเดิมไม่ได้ระบุไว้ ซึ่งที่ผ่านมาได้ตรวจสอบยอดขายไม่พบการรั่วไหล แต่หากประเมินจากสัดส่วนรายได้ปัจจุบันที่มาจากกิจการการบิน (Aero) 60% ส่วนเชิงพาณิชย์ (Non Aero) 40% ก็ไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่สนามบินสุวรรณภูมิมีจำนวนร้านค้ามาก ทำไมรายได้เชิงพาณิชย์จึงน้อยกว่า Aero
ซึ่งได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมการเร่งดำเนินการติดตั้งระบบโดยคิงเพาเวอร์จะเป็นผู้ลงทุนติดตั้งระบบที่ทอท.เลือกและกำกับดูแลการดำเนินการ” น.ต.ศิธากล่าว

นอกจากนี้ ยังต้องการให้ทอท.ทำการประเมินตัวเลขการเติบโตของผู้โดยสารที่สนามบินสุวรรณภูมิใหม่เพื่อปรับแผนการดำเนินการทั้งการขยายเฟส 2 และเฟส 3 ให้เหมาะสม เนื่องจากพบว่าเฟส 2 จะรองรับผู้โดยสารได้ 60 ล้านคนต่อปี โดยแล้วเสร็จในปี 2556 ซึ่งทอท.คาดว่าทันทีที่เปิดเฟส 2 ผู้โดยสารจะถึง 60 ล้านคนต่อปีพอดี จะต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอีก ส่วนจะเร่งรัดการดำเนินงานในเฟส 3 เร็วขึ้นหรือมนั้น จะต้องพิจารณาข้อมูลตัวเลขผู้โดยสารอีกครั้ง ว่าจะเป็นไปตามคาดหรือจะเกินจากประมาณการเท่าไร เพื่อกำหนดแผนให้เหมาะสม

น.ต.ศิธากล่าวถึงปัญหาความแออัดของสนามบินภูเก็ตว่า ภายในปี 56 คาดว่าจะมีผู้โดยสาร10 ล้านคนต่อปี ซึ่ง ที่ประชุมได้เห็นชอบให้นำสะพานเทียบเครื่องบินจำนวน 2 ตัว จากสนามบินดอนเมืองซึ่งไม่ได้ใช้งานไปติดตั้งแทนการซื้อ โดยจะประหยัดงบจัดซื้อเดิมที่กำหนดไว้ 40 ล้านบาท เหลือเป็นงบปรับปรุง 10 ล้านบาท ซึ่งสนามบินภูเก็ตอยู่ระหว่างขยายขีดความสามารถซึ่งเป็นแผนระยะยาว แต่ในระยะสั้นต้องเร่งแก้ปัญหาความแออัดโดยเฉพาะหลุมจอดไม่เพียงพอกับความต้องการ ซึ่งได้มอบหมายให้ผู้บริหารทอท.เจรจากับกองทัพเรือ(ทร.)ในการขอใช้พื้นที่กว่า 10 ไร่ มีหลุมจอดประมาณ 6 หลุม ปัจจุบันกองทัพเรือใช้สำหรับรองรับเที่ยวบินเช่าเหมาลำ (Charter Flight) โดยบื้องต้นจะขอประมาณ 4 หลุมจอดเพื่อรองรับเที่ยวบินประจำและใช้วิธีการบริหารจัดการเวลาจอดให้เหมาะสมเพื่อให้มีการหมุนเวียนเครื่องบินได้มากที่สุด นอกจากนี้ต้องเจรจากับบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด ( มหาชน) ผู้รับเหมาโครงการพัฒนาท่าอากาศยานภูเก็ต เพื่อปรับการทำงานโดยเร่งขยายหลุมจอดก่อน เป็นต้น

***จ่อขยายรับสมัครเอ็มดีทอท.อีก 1 เดือน
สำหรับการสรรหากรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. ซึ่งก่อนหน้านี้มีสมัครเพียง 1 รายคือ นายพฤทธิ์ บุปผาคำ อดีตรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายการพาณิชย์ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และได้มีการขยายเวลารับสมัครออกไปอีก 1 เดือน ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธุ์ 2556 ซึ่งคงต้องรอถึงวันปิดรับสมัครก่อน หากยังไม่มีผู้สมัครเพิ่มก็จะต้องขยายเวลารับสมัครออกไปอีก 1 เดือน
ซึ่งเห็นว่า เงื่อนไขคุณสมบัติที่กำหนดค่อนข้างเข้มข้น เช่น ต้องเป็นระดับรองและอายุไม่เกิน 58 ปี ทำให้ผู้บริหารทอท.มีสิทธิ์น้อย เนื่องจากส่วนใหญ่จะเกษียณอายุในปี 57 ส่วนจะมีการปรับเงื่อนไขคุณสมบัติหรือไม่นั้นจะต้องพิจารณาเรื่องระเบียบข้อกฎหมายและอำนาจของบอร์ดด้วยเพราะอาจเกิดข้อครหาได้ โดยยอมรับว่า ทอท.ต้องมีผู้อำนวยการใหญ่โดยเร็วเพื่อเร่งรัดการขยายขีดความสามารถของสนามบิน
กำลังโหลดความคิดเห็น