ภรรยาผมซึ่งเคยเรียนอยู่ที่ปารีสเล่าว่า คนปารีสจะต้องออกไปอยู่นอกเมืองอย่างน้อยปีละครั้ง เพราะอากาศในปารีสไม่ดี แถบชายทะเลตอนใต้จึงฮิตติดอันดับ ผมเคยไปที่แซงต์ โตรเปซ์มีบ้านพักของดาราหลายคน ในอิตาลีเองแถบทะเลสาบโคโมก็มีวิลล่าของเศรษฐีเรียงรายอยู่ริมทะเลสาบ ที่ทะเลสาบโคโมนี้มูลนิธิร็อกกี้เฟลเลอร์มีปราสาทอยู่ ใช้เป็นที่สัมมนาประชุมและพักผ่อนของนักวิชาการ มีข้อแม้ว่านักวิชาการที่ไปอยู่แต่ละครั้งต้องมาจากสาขาวิชาที่แตกต่างกัน ในเขตปราสาทมีต้นไม้ใหญ่และไม้ผลปลูกอยู่ เมื่อลงเนินไปก็เป็นทะเลสาบซึ่งผมเคยลงไปว่ายน้ำ แม้จะเป็นหน้าร้อน น้ำก็เย็นยะเยือก ภายในเมืองมีบันไดลดหลั่น มีร้านขายของเล็กๆ อยู่ รวมทั้งร้านขายของที่ระลึกด้วย
ประเทศที่มีอากาศดีมลพิษน้อยก็คือ นิวซีแลนด์ เมืองหลวงของนิวซีแลนด์ได้รับการขนานนามว่า Windy Wellington ลมแรงขนาดคนผอมบางยืนไม่ติดที่เกือบจะปลิวไปตามแรงลม เวลลิงตันยามค่ำคืนดูแล้วคล้ายฮ่องกง เพียงแต่ไม่มีตึกสูงเท่านั้น สถานที่ที่คนไปกันมากตอนวันหยุดก็คือ สวนพฤกษชาติหรือ Botanical Garden มีดอกไม้สวยงามมากมาย สมัยผมอยู่ เราจะไปเดินและถ่ายรูปกัน ที่เวลลิงตันนอกจากสวนแล้ว ร้านรวงก็ยังมีไม่มาก ตั้งอยู่บนถนนไม่กี่สาย มหาวิทยาลัยวิคตอเรียตั้งตระหง่านอยู่บนเขา ทางขึ้นหากไม่อาศัยรถเคเบิลคาร์ ก็ต้องไต่บันได้นับร้อยขั้น ผมเดินขึ้นทุกวันเพราะไม่มีเงินขึ้นเคเบิลคาร์ ทำให้น่องแข็งขนที่น่องก็หายไปหมด คนนิวซีแลนด์ชอบเดิน บ้านผมอยู่บนเขา รถเมล์จอดที่ถนนข้างล่างต้องเดินขึ้นไปอีก 20 นาที ข้างทางเต็มไปด้วยใบเฟิร์นอากาศดีมาก
ส่วนนอกเมืองหลวงออกไปก็เป็นเมืองเล็กๆ มากมาย โดยเฉพาะทางเกาะใต้แถบเมืองเนลสัน และเมืองใกล้เคียง เดี๋ยวนี้มีการทำไร่องุ่น ไวน์ขาวของที่นี่มีคุณภาพดีเป็นที่เลื่องลือ ผมเคยนั่งรถเลาะเลี้ยวไปตามทางชนบท และชิมไวน์ และดูถ้วยชามเซรามิกซึ่งมีศิลปินปั้นอยู่ตามบ้าน ผมขนพวกจานชามถ้วยเซรามิกกลับมามากมาย ไร่ไวน์บางแห่งก็ทำอาหารพื้นบ้านอย่างสองอย่างไว้ด้วย ที่อร่อยก็คือพายที่อบกันร้อนๆ และบางร้านก็มีแกะย่างรสชาตินุ่มนวล คนนิวซีแลนด์มีอัธยาศัยดีรักธรรมชาติ วันหยุดก็ไม่ไปไหน ทำสวนอยู่กับบ้าน ครอบครัวที่ผมสนิทสนมเป็นคนอังกฤษเชื้อสายยิว เป็นหมอเปิดคลินิกที่บ้าน หมอและภรรยามีบ้านอยู่ที่ทางเหนือสุดของเกาะเหนือ เป็นสถานที่ที่สงบมาก ทางเหนือนี้ผมเคยไปอยู่ทำงานค่ายอาสาสมัครให้ชาวเมารี คนเมารีอยู่อย่างง่ายๆ จะเรียกว่า “พอเพียง” ก็ได้ ชอบร้องเพลงและหัวเราะ ผู้หญิงก็ขี้อายคล้ายๆ หญิงไทย อาหารที่มีชื่อของชาวเมารีคือหมูย่าง แต่การย่างต้องขุดหลุมลงไป เอาหมู และผักต่างๆ เช่น มันหวานวางข้างบน กลิ่นควันไฟทำให้หมูหอม ที่หอพักนักเรียนมีชาวเมารีชื่อ “ปุ๊กกี้ตาปู” เป็นคนทำครัว ผมไม่เคยทานหมูย่างที่ไหนอร่อยเท่านี้เลย มีหนังกรอบและทานกับข้าวราดน้ำเกรวี่ หมูย่างนี้เป็นอาหารพิเศษวันหยุด พวกเราชอบชวนเพื่อนมากินด้วย
สำหรับเมืองไทยเรา การตากอากาศเป็นเรื่องใหม่ เพิ่งมามีสมัยรัชกาลที่ 5 นี้เอง คือ ที่เกาะสีชัง หมอฝรั่งแนะนำเจ้านายให้ไปพักผ่อนรักษาตัวที่นั่น แต่สมัยนี้ศรีราชา และพัทยาแน่นมาก เปลี่ยนไปเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแทน สถานตากอากาศ คนจึงย้ายไปหัวหิน และก่อนจะเกิดหัวหินก็มีชะอำซึ่งเป็นสถานที่ตากอากาศสมัยรัชกาลที่ 6 จนมีการสร้างพระราชวังมฤคทายวัน เวลานี้หัวหินแน่นมาก แถบภูเขามีคนปลูกบ้านจัดสรรเต็มไปหมด ยังดีที่แถบชายทะเลมีการออกกฎห้ามสร้างอาคารสูง ทราบว่าเป็นผลงานขององคมนตรี พลากร สุวรรณรัฐ สมัยที่เป็นรองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เวลานี้คนจึงหนีออกไปอยู่แถวปราณบุรี แต่ก็เริ่มมีรีสอร์ตมากขึ้น
เมื่อหัวหินแน่นคนที่มีสตางค์ที่หนีไปเขาใหญ่ทีแรกก็อยู่บนถนนธนะรัชต์ หนักๆ เข้าก็หนีเข้าไปอยู่ข้างใน ห่างออกจากตัวถนนเข้าไปอีกหลายสิบกิโล อากาศที่เขาใหญ่นี้ต้องนับว่าเป็นหนึ่ง เพราะเย็นสบายไม่หนาวเกินไป แถบบ้านผมตกอยู่ราวๆ 18-19 องศาเซลเซียส เวลานอนไม่ต้องเปิดแอร์ บ้านเพื่อนผมอยู่ลึกเข้าไปติดแนวอุทยาน วันดีคืนดีช้างป่าก็ลงมากินพืชอ้อย บางทีก็มีหมีป่าลงมาเดินเล่น เวลานี้เขาใหญ่ก็เริ่มแน่นเพราะมีบ้านจัดสรรและเริ่มมีคอนโดฯ แล้ว จึงมีข่าวว่าอีกสองปีจะห้ามไม่ให้ทำรีสอร์ตหรือบ้านจัดสรร
มาอยู่เขาใหญ่ดีตรงที่ได้เห็นต้นไม้ บ้านผมปลูกมะม่วง ขนุน ลำไย ลิ้นจี่ และมีต้นทุเรียนก้านยาวด้วย เสียแต่ว่าผมเป็นเบาหวานกินไม่ได้ นอกนั้นก็ปลูกผักกินเอง การได้อากาศที่ดีทำให้สุขภาพแข็งแรง หวังจะอยู่ไปนานๆ
ประเทศที่มีอากาศดีมลพิษน้อยก็คือ นิวซีแลนด์ เมืองหลวงของนิวซีแลนด์ได้รับการขนานนามว่า Windy Wellington ลมแรงขนาดคนผอมบางยืนไม่ติดที่เกือบจะปลิวไปตามแรงลม เวลลิงตันยามค่ำคืนดูแล้วคล้ายฮ่องกง เพียงแต่ไม่มีตึกสูงเท่านั้น สถานที่ที่คนไปกันมากตอนวันหยุดก็คือ สวนพฤกษชาติหรือ Botanical Garden มีดอกไม้สวยงามมากมาย สมัยผมอยู่ เราจะไปเดินและถ่ายรูปกัน ที่เวลลิงตันนอกจากสวนแล้ว ร้านรวงก็ยังมีไม่มาก ตั้งอยู่บนถนนไม่กี่สาย มหาวิทยาลัยวิคตอเรียตั้งตระหง่านอยู่บนเขา ทางขึ้นหากไม่อาศัยรถเคเบิลคาร์ ก็ต้องไต่บันได้นับร้อยขั้น ผมเดินขึ้นทุกวันเพราะไม่มีเงินขึ้นเคเบิลคาร์ ทำให้น่องแข็งขนที่น่องก็หายไปหมด คนนิวซีแลนด์ชอบเดิน บ้านผมอยู่บนเขา รถเมล์จอดที่ถนนข้างล่างต้องเดินขึ้นไปอีก 20 นาที ข้างทางเต็มไปด้วยใบเฟิร์นอากาศดีมาก
ส่วนนอกเมืองหลวงออกไปก็เป็นเมืองเล็กๆ มากมาย โดยเฉพาะทางเกาะใต้แถบเมืองเนลสัน และเมืองใกล้เคียง เดี๋ยวนี้มีการทำไร่องุ่น ไวน์ขาวของที่นี่มีคุณภาพดีเป็นที่เลื่องลือ ผมเคยนั่งรถเลาะเลี้ยวไปตามทางชนบท และชิมไวน์ และดูถ้วยชามเซรามิกซึ่งมีศิลปินปั้นอยู่ตามบ้าน ผมขนพวกจานชามถ้วยเซรามิกกลับมามากมาย ไร่ไวน์บางแห่งก็ทำอาหารพื้นบ้านอย่างสองอย่างไว้ด้วย ที่อร่อยก็คือพายที่อบกันร้อนๆ และบางร้านก็มีแกะย่างรสชาตินุ่มนวล คนนิวซีแลนด์มีอัธยาศัยดีรักธรรมชาติ วันหยุดก็ไม่ไปไหน ทำสวนอยู่กับบ้าน ครอบครัวที่ผมสนิทสนมเป็นคนอังกฤษเชื้อสายยิว เป็นหมอเปิดคลินิกที่บ้าน หมอและภรรยามีบ้านอยู่ที่ทางเหนือสุดของเกาะเหนือ เป็นสถานที่ที่สงบมาก ทางเหนือนี้ผมเคยไปอยู่ทำงานค่ายอาสาสมัครให้ชาวเมารี คนเมารีอยู่อย่างง่ายๆ จะเรียกว่า “พอเพียง” ก็ได้ ชอบร้องเพลงและหัวเราะ ผู้หญิงก็ขี้อายคล้ายๆ หญิงไทย อาหารที่มีชื่อของชาวเมารีคือหมูย่าง แต่การย่างต้องขุดหลุมลงไป เอาหมู และผักต่างๆ เช่น มันหวานวางข้างบน กลิ่นควันไฟทำให้หมูหอม ที่หอพักนักเรียนมีชาวเมารีชื่อ “ปุ๊กกี้ตาปู” เป็นคนทำครัว ผมไม่เคยทานหมูย่างที่ไหนอร่อยเท่านี้เลย มีหนังกรอบและทานกับข้าวราดน้ำเกรวี่ หมูย่างนี้เป็นอาหารพิเศษวันหยุด พวกเราชอบชวนเพื่อนมากินด้วย
สำหรับเมืองไทยเรา การตากอากาศเป็นเรื่องใหม่ เพิ่งมามีสมัยรัชกาลที่ 5 นี้เอง คือ ที่เกาะสีชัง หมอฝรั่งแนะนำเจ้านายให้ไปพักผ่อนรักษาตัวที่นั่น แต่สมัยนี้ศรีราชา และพัทยาแน่นมาก เปลี่ยนไปเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแทน สถานตากอากาศ คนจึงย้ายไปหัวหิน และก่อนจะเกิดหัวหินก็มีชะอำซึ่งเป็นสถานที่ตากอากาศสมัยรัชกาลที่ 6 จนมีการสร้างพระราชวังมฤคทายวัน เวลานี้หัวหินแน่นมาก แถบภูเขามีคนปลูกบ้านจัดสรรเต็มไปหมด ยังดีที่แถบชายทะเลมีการออกกฎห้ามสร้างอาคารสูง ทราบว่าเป็นผลงานขององคมนตรี พลากร สุวรรณรัฐ สมัยที่เป็นรองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เวลานี้คนจึงหนีออกไปอยู่แถวปราณบุรี แต่ก็เริ่มมีรีสอร์ตมากขึ้น
เมื่อหัวหินแน่นคนที่มีสตางค์ที่หนีไปเขาใหญ่ทีแรกก็อยู่บนถนนธนะรัชต์ หนักๆ เข้าก็หนีเข้าไปอยู่ข้างใน ห่างออกจากตัวถนนเข้าไปอีกหลายสิบกิโล อากาศที่เขาใหญ่นี้ต้องนับว่าเป็นหนึ่ง เพราะเย็นสบายไม่หนาวเกินไป แถบบ้านผมตกอยู่ราวๆ 18-19 องศาเซลเซียส เวลานอนไม่ต้องเปิดแอร์ บ้านเพื่อนผมอยู่ลึกเข้าไปติดแนวอุทยาน วันดีคืนดีช้างป่าก็ลงมากินพืชอ้อย บางทีก็มีหมีป่าลงมาเดินเล่น เวลานี้เขาใหญ่ก็เริ่มแน่นเพราะมีบ้านจัดสรรและเริ่มมีคอนโดฯ แล้ว จึงมีข่าวว่าอีกสองปีจะห้ามไม่ให้ทำรีสอร์ตหรือบ้านจัดสรร
มาอยู่เขาใหญ่ดีตรงที่ได้เห็นต้นไม้ บ้านผมปลูกมะม่วง ขนุน ลำไย ลิ้นจี่ และมีต้นทุเรียนก้านยาวด้วย เสียแต่ว่าผมเป็นเบาหวานกินไม่ได้ นอกนั้นก็ปลูกผักกินเอง การได้อากาศที่ดีทำให้สุขภาพแข็งแรง หวังจะอยู่ไปนานๆ