วานนี้ (10 ก.พ.56) ที่พรรคเพื่อไทย(พท.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ แถลงว่า ตามที่การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 7 ก.พ.ที่ผ่านมา น.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ได้นำกระสอบข้าวสารซึ่งอ้างว่าเป็นข้าวสารจากคลังกลางในพื้นที่ จ.สุรินทร์ และเป็นข้าวสารที่ไม่มีคุณภาพมาแสดงระหว่างตั้งกระทู้ถามนั้น เมื่อวันที่ 8 ก.พ.คณะทำงานตรวจสอบและกำกับดูแลการรับจำนำข้าวเปลือก ปี 25552/2556 จ.สุรินทร์ พร้อมเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัด สำนักงานเกษตรจังหวัด ได้ร่วมกันตรวจสอบข้าวสารในคลังกลาง ห้างหุ้นส่วนจัดสหพืชผลท่าตูม จ.สุรินทร์ ต่อหน้าสื่อมวลชน การเก็บตัวอย่างพบว่าข้าวสารมีคุณภาพดีและได้รับการยืนยันจากผู้ตรวจสอบว่าเป็นข้าวหอมมะลิฤดูกาลผลิตปี 2555/2556 อีกทั้งมีจำนวน 136,672 กระสอบครบตามจำนวน
นอกจากนี้ได้สั่งการให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) ตรวจสอบคุณภาพข้าวทุกโกดังในจ.สุรินทร์ เพิ่มเติม ก็ไม่พบความผิดปกติตามที่กล่าวหา อคส.จึงได้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสุรินทร์ เมื่อวันที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา ดำเนินคดีกับน.พ.วรงค์ ฐานลักทรัพย์ เนื่องจากการลักลอบนำข้าวออกจากคลังเป็นความผิดอาญา นอกจากนี้ได้สั่งการให้ตรวจสอบภาพบันทึกจากกล้องวงจรปิดของโกดังข้าวในโครงการรัฐบาลทุกแห่ง ใน จ.สุรินทร์ เบื้องต้นยังไม่พบว่านพ.วรงค์ไปนำข้าวออกมา ดังนั้นสิ่งที่นพ.วรงค์ ต้องอธิบายคือข้าวที่นำมาแสดงในสภามาจากโกดังไหน และใครเป็นคนมอบให้ ถ้าปิดบังก็เท่ากับบุกเข้าไปโจรกรรมทรัพย์สินราชการ แต่ถ้าปฏิเสธว่าไม่ได้นำมาจากโกดังของรัฐบาล ก็เท่ากับว่าสร้างหลักฐานเท็จ ป้ายสีโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล
“แต่ผมมั่นใจว่าข้าวสารที่นำมาแสดง เป็นการแอบอ้างเพื่อหวังผลการเมืองมากกว่า เป็นพฤติการณ์ที่สังคมต้องประณามและคนเป็นผู้แทนฯต้องรับผิดชอบ กระทรวงพาณิชย์จะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านเลย จะตรวจสอบเต็มที่ สำหรับน.พ.วรงค์ ขอเรียกร้องว่าอย่าใช้เอกสิทธิ์ส.ส.คุ้มครองในระหว่างสมัยประชุม ยืดเวลาไม่ไปให้การต่อตำรวจ อย่าได้ช้าในการให้ข้อมูล เพราะจะได้ตรวจสอบหาความชัดเจนกันต่อไป การตรวจสอบใดๆต้องกระทำโดยชอบ ถ้าทำผิดกฎหมายไม่เรียกว่าตรวจสอบแต่เรียกว่าจงใจสร้างหลักฐานเท็จ” นายณัฐวุฒิ กล่าว
ด้านนพ.วรงค์ กล่าวว่า ตนว่ารัฐบาล และนายณัฐวุฒิ กำลังสับสน เพราะการที่นายณัฐวุฒิ บอกว่าจะฟ้องตนว่าขโมยทรัพย์สินทางราชการนั้น ข้อเท็จจริงคือ ชาวบ้านมาร้องเรียนตน ซึ่งหากชาวบ้านไม่เดือดร้อนจริง คงไม่มาร้องเรียน และการจะบอกว่าลักทรัพย์ ก็ไม่ใช่ เพราะตนไม่ได้เอามาเป็นของตนเอง แต่เอามาทำประโยชน์ให้ประเทศชาติ และที่สับสนมากกว่านั้นคือ นายณัฐวุฒิ ก็บอกเองว่ามีคณะทำงานตรวจสอบและกำกับดูแลการรับจำนำข้าวเปลือก จ.สุรินทร์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไปตรวจสอบโกดังตามรหัสข้างกระสอบข้าว ห้างหุ้นส่วนจำกัด สหพืชผลท่าตูม ก็พบเป็นข้าวปรกติ แล้วจะมาฟ้องตนว่าขโมยทรัพย์สินทางราชการได้อย่างไร
ส่วนที่บอกว่าตนสร้างหลักฐานเท็จนั้น ก็ยิ่งแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลยังไม่รู้เลยว่าตกลงเป็นข้าวจากโกดังรัฐบาลเองหรือไม่ เลยมีการพูดลักษณะที่ตีขลุมเช่นนี้ และที่สำคัญหลักฐานตนก็ส่งให้ประธานสภา ส่งให้กับรัฐบาลไปแล้ว ซึ่งรัฐบาล ก็สามารถตรวจสอบได้ว่า เป็นข้าวจากโกดังรัฐบาล จริงหรือไม่
"หลังฐานดังกล่าวมีประชาชนนำมาให้ผม เพื่อนำเสนอปัญหาให้รัฐบาลได้รู้ เพื่อนำไปแก้ไข แต่หากรัฐบาลทำแบบนี้ก็เท่ากับปิดปากประชาชน ไม่ให้มีการฟ้องร้องอะไรเลย ทั้งๆที่รู้ว่ามีการทุจริต และเป็นการคุกคามประชาชน พร้อมกับแทรกแซงการทำหน้าที่ของฝ่ายค้าน ทางที่ดีรัฐบาลควรตรวจสอบโกดังว่ามีข้าวเน่าจริงหรือไม่ และชี้แจงให้ประชาชนได้รู้ ไม่ใช่จ้องจะเล่นงานประชาชน และฝ่ายค้านอย่างเดียว" น.พ.วรงค์ กล่าว.
นอกจากนี้ได้สั่งการให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) ตรวจสอบคุณภาพข้าวทุกโกดังในจ.สุรินทร์ เพิ่มเติม ก็ไม่พบความผิดปกติตามที่กล่าวหา อคส.จึงได้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสุรินทร์ เมื่อวันที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา ดำเนินคดีกับน.พ.วรงค์ ฐานลักทรัพย์ เนื่องจากการลักลอบนำข้าวออกจากคลังเป็นความผิดอาญา นอกจากนี้ได้สั่งการให้ตรวจสอบภาพบันทึกจากกล้องวงจรปิดของโกดังข้าวในโครงการรัฐบาลทุกแห่ง ใน จ.สุรินทร์ เบื้องต้นยังไม่พบว่านพ.วรงค์ไปนำข้าวออกมา ดังนั้นสิ่งที่นพ.วรงค์ ต้องอธิบายคือข้าวที่นำมาแสดงในสภามาจากโกดังไหน และใครเป็นคนมอบให้ ถ้าปิดบังก็เท่ากับบุกเข้าไปโจรกรรมทรัพย์สินราชการ แต่ถ้าปฏิเสธว่าไม่ได้นำมาจากโกดังของรัฐบาล ก็เท่ากับว่าสร้างหลักฐานเท็จ ป้ายสีโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล
“แต่ผมมั่นใจว่าข้าวสารที่นำมาแสดง เป็นการแอบอ้างเพื่อหวังผลการเมืองมากกว่า เป็นพฤติการณ์ที่สังคมต้องประณามและคนเป็นผู้แทนฯต้องรับผิดชอบ กระทรวงพาณิชย์จะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านเลย จะตรวจสอบเต็มที่ สำหรับน.พ.วรงค์ ขอเรียกร้องว่าอย่าใช้เอกสิทธิ์ส.ส.คุ้มครองในระหว่างสมัยประชุม ยืดเวลาไม่ไปให้การต่อตำรวจ อย่าได้ช้าในการให้ข้อมูล เพราะจะได้ตรวจสอบหาความชัดเจนกันต่อไป การตรวจสอบใดๆต้องกระทำโดยชอบ ถ้าทำผิดกฎหมายไม่เรียกว่าตรวจสอบแต่เรียกว่าจงใจสร้างหลักฐานเท็จ” นายณัฐวุฒิ กล่าว
ด้านนพ.วรงค์ กล่าวว่า ตนว่ารัฐบาล และนายณัฐวุฒิ กำลังสับสน เพราะการที่นายณัฐวุฒิ บอกว่าจะฟ้องตนว่าขโมยทรัพย์สินทางราชการนั้น ข้อเท็จจริงคือ ชาวบ้านมาร้องเรียนตน ซึ่งหากชาวบ้านไม่เดือดร้อนจริง คงไม่มาร้องเรียน และการจะบอกว่าลักทรัพย์ ก็ไม่ใช่ เพราะตนไม่ได้เอามาเป็นของตนเอง แต่เอามาทำประโยชน์ให้ประเทศชาติ และที่สับสนมากกว่านั้นคือ นายณัฐวุฒิ ก็บอกเองว่ามีคณะทำงานตรวจสอบและกำกับดูแลการรับจำนำข้าวเปลือก จ.สุรินทร์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไปตรวจสอบโกดังตามรหัสข้างกระสอบข้าว ห้างหุ้นส่วนจำกัด สหพืชผลท่าตูม ก็พบเป็นข้าวปรกติ แล้วจะมาฟ้องตนว่าขโมยทรัพย์สินทางราชการได้อย่างไร
ส่วนที่บอกว่าตนสร้างหลักฐานเท็จนั้น ก็ยิ่งแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลยังไม่รู้เลยว่าตกลงเป็นข้าวจากโกดังรัฐบาลเองหรือไม่ เลยมีการพูดลักษณะที่ตีขลุมเช่นนี้ และที่สำคัญหลักฐานตนก็ส่งให้ประธานสภา ส่งให้กับรัฐบาลไปแล้ว ซึ่งรัฐบาล ก็สามารถตรวจสอบได้ว่า เป็นข้าวจากโกดังรัฐบาล จริงหรือไม่
"หลังฐานดังกล่าวมีประชาชนนำมาให้ผม เพื่อนำเสนอปัญหาให้รัฐบาลได้รู้ เพื่อนำไปแก้ไข แต่หากรัฐบาลทำแบบนี้ก็เท่ากับปิดปากประชาชน ไม่ให้มีการฟ้องร้องอะไรเลย ทั้งๆที่รู้ว่ามีการทุจริต และเป็นการคุกคามประชาชน พร้อมกับแทรกแซงการทำหน้าที่ของฝ่ายค้าน ทางที่ดีรัฐบาลควรตรวจสอบโกดังว่ามีข้าวเน่าจริงหรือไม่ และชี้แจงให้ประชาชนได้รู้ ไม่ใช่จ้องจะเล่นงานประชาชน และฝ่ายค้านอย่างเดียว" น.พ.วรงค์ กล่าว.