ASTVผู้จัดการรายวัน - สรรพสามิตเล็งดัดหลังผู้ประกอบการเครื่องดื่มชูกำลังหัวใสแปลงสูตรหวังเลี่ยงภาษี เตรียมเสนอ ครม.เก็บตามอัตราส่วนผสมใหม่ หวังรายได้เพิ่มหลายร้อยล้านบาท ส่วนคอเบียร์และไวน์สบายดี หลังยืดเวลาแก้กฎหมายขยายเพดานภาษีออกไปก่อน ด้านผลการจัดเก็บ 4 เดือนแรก 1.57 แสนล้าน สูงกว่าเป้าจัดเก็บถึง 2.1 หมื่นล้าน
นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า กรมสรรพสามิตอยู่ระหว่างการแก้ไขอัตราการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตเครื่องดื่มในกลุ่มเครื่องดื่มบำรุงกำลังและเครื่องดื่มประเภทต่างๆ ที่ผู้ประกอบการบางรายมีการปรับปรุงแก้ไขสูตร ด้วยการผสมน้ำผลไม้ลงไปในเครื่องดื่มประเภทดังกล่าวเพื่อลดอัตราการจัดเก็บภาษีลงจากปัจจุบันที่กรมสรรพสามิตจัดเก็บภาษีเครื่องดื่มประเภทไม่มีแอลกอฮอล์ที่อัตรา 20% และจัดเก็บภาษีจากเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของน้ำผลไม้ในอัตรา 10% จึงเป็นแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการปรับปรุงสูตรของส่วนผสมเพื่อเสียภาษีน้อยลง
“เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ในท้องตลาดนับร้อยรายการที่อยู่ในเงื่อนไขที่ได้รับการยกเว้นภาษีที่อยู่ภายใต้เงื่อนไขเครื่องดื่มเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและเครื่องดื่มเพื่อส่งเสริมเกษตรกร จึงทำให้ผู้ประกอบการบางรายอาศัยช่องว่างจุดนี้เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี โดยกรมสรรพสามิตเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) เพื่อแก้ไขบัญชีแนบท้ายประกาศกรมสรรพสามิตเพื่อให้การจัดเก็บภาษีมีความโปร่งใสและทันสถานการณ์ ซึ่งจะทำให้กรมสรรพสามิตจัดเก็บรายได้เพิ่มอีกหลายร้อยล้านบาท” นายสมชายกล่าว
ขณะที่การจัดเก็บภาษีเบียร์และไวน์ที่ปัจจุบันกรมสรรพสามิตได้จัดเก็บเต็มเพดานตามที่กฎหมายกำหนดไว้แล้ว และยังไม่มีแนวคิดที่จะขยายเพดานการจัดเก็บภาษีในเร็วๆ นี้ เนื่องจากการจัดเก็บภาษีเบียร์และไวน์นั้นต้องแก้ไขพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) สุรา พ.ศ. 2493 ในหมวดของ สุราแช่ที่ประกอบไปด้วย เบียร์ ไวน์และสปาร์กลิ้งไวน์ที่ทำจากองุ่น ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาดำเนินการแก้ไขกฎหมายตามขั้นตอนกระบวนการของรัฐสภาจึงยังไม่มีแนวคิดแก้ไขกฎหมายดังกล่าวในเร็วๆ นี้
สำหรับผลการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพสามิตในช่วง 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2555 - มกราคม 2556 จัดเก็บได้ทั้งสิ้น 1.57 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.59 หมื่นล้านบาทหรือ 41.36% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และสูงกว่าประมาณการถึง 2.11 หมื่นล้านบาท หรือ 15.58% โดย 5 อันดับแรกของสินค้าที่สามารถจัดเก็บรายได้สูงสุดประกอบไปด้วย ภาษีรถยนต์ จัดเก็บได้ 6 หมื่นล้านบาท ภาษีเบียร์ 2.6 หมื่นล้านบาท ภาษียาสูบ 2.15 หมื่นล้านบาท ภาษีน้ำมัน 2.14 ล้านบาท และภาษีสุรา 1.84 หมื่นล้านบาท.
นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า กรมสรรพสามิตอยู่ระหว่างการแก้ไขอัตราการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตเครื่องดื่มในกลุ่มเครื่องดื่มบำรุงกำลังและเครื่องดื่มประเภทต่างๆ ที่ผู้ประกอบการบางรายมีการปรับปรุงแก้ไขสูตร ด้วยการผสมน้ำผลไม้ลงไปในเครื่องดื่มประเภทดังกล่าวเพื่อลดอัตราการจัดเก็บภาษีลงจากปัจจุบันที่กรมสรรพสามิตจัดเก็บภาษีเครื่องดื่มประเภทไม่มีแอลกอฮอล์ที่อัตรา 20% และจัดเก็บภาษีจากเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของน้ำผลไม้ในอัตรา 10% จึงเป็นแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการปรับปรุงสูตรของส่วนผสมเพื่อเสียภาษีน้อยลง
“เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ในท้องตลาดนับร้อยรายการที่อยู่ในเงื่อนไขที่ได้รับการยกเว้นภาษีที่อยู่ภายใต้เงื่อนไขเครื่องดื่มเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและเครื่องดื่มเพื่อส่งเสริมเกษตรกร จึงทำให้ผู้ประกอบการบางรายอาศัยช่องว่างจุดนี้เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี โดยกรมสรรพสามิตเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) เพื่อแก้ไขบัญชีแนบท้ายประกาศกรมสรรพสามิตเพื่อให้การจัดเก็บภาษีมีความโปร่งใสและทันสถานการณ์ ซึ่งจะทำให้กรมสรรพสามิตจัดเก็บรายได้เพิ่มอีกหลายร้อยล้านบาท” นายสมชายกล่าว
ขณะที่การจัดเก็บภาษีเบียร์และไวน์ที่ปัจจุบันกรมสรรพสามิตได้จัดเก็บเต็มเพดานตามที่กฎหมายกำหนดไว้แล้ว และยังไม่มีแนวคิดที่จะขยายเพดานการจัดเก็บภาษีในเร็วๆ นี้ เนื่องจากการจัดเก็บภาษีเบียร์และไวน์นั้นต้องแก้ไขพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) สุรา พ.ศ. 2493 ในหมวดของ สุราแช่ที่ประกอบไปด้วย เบียร์ ไวน์และสปาร์กลิ้งไวน์ที่ทำจากองุ่น ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาดำเนินการแก้ไขกฎหมายตามขั้นตอนกระบวนการของรัฐสภาจึงยังไม่มีแนวคิดแก้ไขกฎหมายดังกล่าวในเร็วๆ นี้
สำหรับผลการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพสามิตในช่วง 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2555 - มกราคม 2556 จัดเก็บได้ทั้งสิ้น 1.57 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.59 หมื่นล้านบาทหรือ 41.36% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และสูงกว่าประมาณการถึง 2.11 หมื่นล้านบาท หรือ 15.58% โดย 5 อันดับแรกของสินค้าที่สามารถจัดเก็บรายได้สูงสุดประกอบไปด้วย ภาษีรถยนต์ จัดเก็บได้ 6 หมื่นล้านบาท ภาษีเบียร์ 2.6 หมื่นล้านบาท ภาษียาสูบ 2.15 หมื่นล้านบาท ภาษีน้ำมัน 2.14 ล้านบาท และภาษีสุรา 1.84 หมื่นล้านบาท.
