xs
xsm
sm
md
lg

ค่ายรถขนเงินลงทุนในไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTV ผู้จัดการรายวัน – ค่ายรถหอบเงินเยนลงทุนไทยต่อเนื่อง “ฮอนด้า” ประกาศตั้งโรงงานแห่งใหม่ที่ปราจีนมูลค่าลงทุน 1.715 หมื่นล้านบาท พร้อมทุ่มเพิ่มการผลิตโรงงานเดิม รวมมูลค่าลงทุนล่าสุดกว่า 2 หมื่นล้านบาท ทำให้ในปี 2558 ไทยมีกำลังการผลิตรวม 4.2 แสนคันต่อปี ขณะที่ “นิสสัน” ยกระดับศูนย์วิจัยและพัฒนาภูมิภาค เพิ่มลงทุนกว่าพันล้านบาท

นายฮิโรชิ โคบายาชิ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท เอเชียนฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด และประธานบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล(ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า แม้ฮอนด้าจะประสบวิกฤตจากเหตุการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่เมื่อปลายปี 2554 แต่ฮอนด้ายังยึดมั่นพันธสัญญาต่อประเทศไทย ประกอบกับได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน จึงสามารถกลับมาได้อย่างแข็งแกร่งในระยะเวลารวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการกลับมาเริ่มผลิตใหม่ภายในเดือนมีนาคม 2555 และปีที่ผ่านมายังสามารถสร้างประวัติศาสตร์ฮอนด้าในไทย ด้วยยอดขายสูงสุดกว่า 1.7 แสนคัน

“เพื่อตอกย้ำพันธสัญญาที่มีกับประเทศไทย และภายใต้แผนการดำเนินธุรกิจระยะกลางในช่วงต่อไป ซึ่งจะสิ้นสุดในปีงบประมาณเดือนมีนาคม 2560 โดยเป้าหมายมีลูกค้าใช้รถยนต์ฮอนด้าอีก 6 ล้านคันทั่วโลก แบ่งเป็นเฉพาะอาเซียน-โอเชียเนีย 1.2 ล้านคัน และในจำนวนนี้ประเทศไทย 3 แสนคัน เหตุนี้ฮอนด้าจึงจำเป็นต้องเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานในไทย ด้วยการลงทุนตั้งโรงงานแห่งใหม่ 1.715 หมื่นล้านบาท และลงทุนเพิ่มกำลังการผลิตที่โรงงานอยุธยาแห่งเดิมร่วม 3 พันล้านบาท ทำให้มีมูลค่าลงทุนในไทยรวมทั้งสิ้น 2.006 หมื่นล้านบาท สำหรับยกระดับฮอนด้าในไทยให้เป็นฐานการผลิตรถยนต์และชิ้นส่วนระดับโลก”

ทั้งนี้โรงงานผลิตรถยนต์ฮอนด้าแห่งใหม่ หรือแห่งที่ 2 ตั้งอยู่นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดปราจีนบุรี ครอบคลุมพื้นที่กว่า 1.6 พันไร่ โดยมีพื้นที่อาคารสำนักงานและอาคารโรงงาน 134 ไร่ มีกำลังการผลิต 1.2 แสนคันต่อปี ผลิตภัณฑ์หลักที่จะผลิตโรงงานแห่งใหม่นี้เป็นรถยนต์ซับคอมแพ็กต์ เพื่อรองรับตลาดรถขนาดเล็กที่มีการขยายตัวอย่างมาก ทั้งในไทยและอาเซียน ตลอดจนตลาดอื่นๆ โลก มีกำหนดเปิดเดินสายการผลิตในปี 2558 และจะสร้างโอกาสในการจ้างงานประมาณ 2,500 อัตรา

โดยโรงงานฮอนด้าแห่งใหม่นี้ ได้นำนวัตกรรมการผลิตทันสมัยของโรงงานโยริอิในประเทศญี่ปุ่นมาประยุกต์ใช้ ซึ่งจะช่วยลดเวลาในกระบวนการผลิตแต่ละขั้นตอน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ตั้งแต่กระบวนการเชื่อมตัวถัง และพ่นสี ไปจนถึงการประกอบรถยนต์ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด จึงทำให้โรงงานผลิตรถยนต์แห่งใหม่นี้ ลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และมีระบบการใช้น้ำหมุนเวียน เพื่อลดการใช้น้ำในทุกขั้นตอนการผลิตด้วย

ในส่วนของโรงงานฮอนด้าแห่งแรกที่สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปัจจุบันได้มีการปรับเพิ่มการผลิตจาก 2.4 แสนคัน เป็น 2.8 แสนคันต่อปี เมื่อสิ้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยใช้เงินลงทุนขยายกำลังการผลิตในระยะแรกประมาณ 880 ล้านบาท และเพื่อยกระดับเครื่องมืออุปกรณ์และระบบต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพขึ้น ทั้งยังเตรียมเพิ่มการลงทุนระยะที่ 2 ในเดือนเมษายนที่จะถึงนี้อีก 2.03 พันล้านบาท เพื่อขยายกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 3 แสนคันต่อปี ภายในต้นปี 2557

“จากการลงทุนทั้งหมดของฮอนด้าล่าสุด ในปี 2558 กำลังการผลิตรถยนต์ของฮอนด้าในไทย รวมทั้งสองแห่ง 4.2 แสนคันต่อปี เพื่อรองรับตลาดในประเทศและส่งออกสัดส่วน 70 : 30 หรือผลิตป้อนตลาดในประเทศ 3 แสนคัน และส่งออกอีก 1.2 แสนคัน โดยการตัดสินใจลงทุนในไทยครั้งนี้ เป็นการดำเนินธุรกิจตามแผนธุรกิจระยะกลาง ไม่เกี่ยวกับการลดกำลังการผลิตในญี่ปุ่นและจีน หรือเกี่ยวข้องกับประเทศอื่นๆ แต่อย่างใด ขณะที่การลงทุนใหม่ในอินโดนีเซียที่จะเริ่มผลิตในปี 2557 จะรองรับตลาดในประเทศเป็นหลัก ขณะที่ไทยจะผลิตเพื่อตลาดต่างๆ ทั่วโลกด้วย”

นายมิตซูฮิโกะ ยามาชิดะ รองกรรมการผู้จัดการ อาวุโส บริษัท นิสสัน มอเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ จะขยายการลงทุนอีก 3.4 พันล้านเยน หรือประมาณ 1.22 พันล้านบาท เพิ่อขยายศักยภาพและเพิ่มบทบาทงานของนิสสัน เทคนิคคอล เซ็นเตอร์ เซาท์อีสท์ เอเซีย (NTCSEA) หรือศูนย์วิจัยและพัฒนา(R&D)ระดับภูมิภาค รับผิดชอบงานใน 10 ประเทศ ครอบคลุม 6 โรงงานในอาเซียน ซึ่งตั้งอยู่บนถนนบางนา-ตราด ด้วยการ สร้างสนามทดสอบ และศูนย์ทดสอบอื่นๆ อย่างการทดสอบสมรรถนะเครื่องยนต์และแชสซีส์ของรถยนต์นิสสัน เป็นต้น

จากการลงทุนเพิ่มศักยภาพของศูนย์วิจัยฯ ของนิสสันในไทย ทำให้ภายในปี 2558 รถยนต์ที่จะนำออกทำการตลาดในภูมิภาคนั้นๆ NTCSEA จะเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบในทุกขั้นตอนการดำเนินงานของการวิจัยและพัฒนา หลังจากขั้นตอนของการออกแบบ จากปัจจุบันศูนย์วิจัยและพัฒนาสำหรับตลาดทั่วโลกที่ตั้งอยู่ในประเทศญี่ปุ่นเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งการขยายความรับผิดชอบรูปแบบนี้จะช่วยให้ NTCSEA สามารถสะท้อนความชอบหรือรสนิยมของผู้บริโภคเฉพาะตลาดในภูมิภาคได้ดียิ่งขึ้น และจะช่วยเพิ่มคุณภาพและเสริมศักยภาพในด้านการแข่งขันทางการตลาดของรถยนต์นิสสัน
กำลังโหลดความคิดเห็น