ASTVผู้จัดการรายวัน- กลุ่มหนุนพยุงศักดิ์นัดถกสมาชิกกลุ่มอุตสาหกรรมวาระพิเศษวันนี้(4ก.พ.) แจงปัญหาเจรจาล่มพร้อมแสดงจุดยืนหนุน”พยุงศักดิ์” ย้ำเจรจาต้องมีเงื่อนไขไม่เคลื่อนไหวใดๆ ขณะที่ฝ่าย”ธนิต โสรัตน์”โต้เดินทางไปทำงานไม่ได้ผิดอะไรลั่นถ้าไม่เจรจาก็พร้อมจะกดดันให้”พยุงศักดิ์”ออกต่อเนื่อง
นายเกรียงไกร เธียรนุกูล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า วันที่ 4 ก.พ. ส.อ.ท.จะประชุมสายงานอุตสาหกรรมวาระพิเศษเพื่อชี้แจงสถานการณ์ส.อ.ท.และหาจุดยืนของกลุ่มอุตสาหกรรมต่อปัญหาความขัดแย้งภายในองค์กรโดยเฉพาะกรณีการตั้งคณะกรรมการส.อ.ท.สัมพันธ์เพื่อเดินหน้าเจรจานั้นจะต้องอยู่ภายใต้กรอบเงื่อนไขที่จะไม่เคลื่อนไหวใดๆ
เพื่อให้ปัญหาทั้งหมดคลี่คลายโดยเร็ว
“กลุ่มอุตสาหกรรมเองส่วนใหญ่ก็ให้การสนับสนุนนายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่สบายใจและไม่ต้องการให้มีการนำประเด็นว่ารายใหญ่ไม่สนใจรายเล็กที่อยู่ต่างจังหวัดเพราะนั่นเป็นการสร้างความแตกแยก
จุดยืนภาคอุตสาหกรรมต้องการเจรจาให้ปัญหาจบโดยเร็วแต่ต้องอยู่ภายใต้กติกาและเงื่อนไขและจริงใจที่จะมาแบบสันติภาพไม่ใช่พอลับหลังก็กลับไปเคลื่อนไหวกดดัน”นายเกรียงไกรกล่าว
ทั้งนี้การตั้งกรรมการฝ่ายละ 5คนเจรจานั้นยังไม่ได้เริ่มก็ต้องมีปัญหาไม่สามารถหันหน้าเจรจาได้เพราะฝ่ายของนายธนิต โสรัตน์ ผิดเงื่อนไขที่ตกลงไว้ว่าต้องไม่เคลื่อนไหวในการกดดันใดๆ
รวมถึงการให้สัมภาษณ์ที่จะทำให้ภาพลักษณ์ส.อ.ท.เสียหายซึ่งจะทำให้บรรยากาศการเจรจาไปได้ด้วยดีแต่ก็ผิดสัญญาที่นายธนิตและพวกได้เข้าไปยังสำนักงานส.อ.ท.ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์วันที่ 30 ม.ค.จึงต้องทำให้ฝ่ายของตนต้องเลื่อนเจรจาออกไปก่อน ซึ่งหากนายธนิตไม่รับเงื่อนไขนี้การเจรจาคงไม่ง่ายและปัญหานี้อาจลากยาวได้
นายธนิต โสรัตน์ เลขาธิการและรักษาการประธานส.อ.ท.กล่าวว่า การที่ตนเดินทางไปยังสำนักงานส.อ.ท.ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับสัญญาเพราะถือว่าผมได้เข้าไปทำงานเป็นปกติในเมื่อทุกคนยังเป็นสมาชิกอยู่และกรณีระบุว่านำตำรวจไปก็ให้ขอไปดูที่กล้องวงจรปิดได้เลยซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นเพราะแท้ที่จริงแล้วฝ่ายของนายพยุงศักดิ์ไม่ต้องการจะเจรจาหรือไม่
ดังนั้นฝ่ายของตนก็จะแสดงจุดยืนเหมือนเดิมคือการที่นายพยุงศักดิ์ต้องพ้นจากตำแหน่งและจะเดินหน้ากดดันต่อไป
“ การตั้งคณะกรรมการเจรจาแท้จริงแล้วการประชุมคณะกรรมการสภาฯหรือกส.วันที่ 28 ม.ค.เขาเองก็ไม่ต้องการอยู่แล้วแต่เพราะถูกกดดัน สงครามยังต้องมีการเจรจาเลยวันนี้มันเลยจุดถูก ผิด ทั้งหมดหากเป็นเช่นนี้ก็ต้องการแตกแยกตลอดไปไหม”นายธนิตกล่าว
นอกจากนี้การที่ตนเข้าไปยังสำนักงานมีพนักงานบางส่วนออกมาต้อนรับตนล่าสุดพบว่ามีการถูกย้ายตำแหน่งไปไว้ที่อื่นหมดอย่างน้อย 10 รายแล้วซึ่งผมพร้อมจะเปิดเผยคำสั่ง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าองค์กรนี้บริหารแบบไม่มีธรรมาภิบาลแต่อย่างใดซึ่งการที่ไม่ให้อีกฝ่ายเข้าไปทำงานกลุ่มของนายพยุงศักดิ์ก็ไม่มีสิทธิ์เช่นกัน
นายเกรียงไกร เธียรนุกูล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า วันที่ 4 ก.พ. ส.อ.ท.จะประชุมสายงานอุตสาหกรรมวาระพิเศษเพื่อชี้แจงสถานการณ์ส.อ.ท.และหาจุดยืนของกลุ่มอุตสาหกรรมต่อปัญหาความขัดแย้งภายในองค์กรโดยเฉพาะกรณีการตั้งคณะกรรมการส.อ.ท.สัมพันธ์เพื่อเดินหน้าเจรจานั้นจะต้องอยู่ภายใต้กรอบเงื่อนไขที่จะไม่เคลื่อนไหวใดๆ
เพื่อให้ปัญหาทั้งหมดคลี่คลายโดยเร็ว
“กลุ่มอุตสาหกรรมเองส่วนใหญ่ก็ให้การสนับสนุนนายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่สบายใจและไม่ต้องการให้มีการนำประเด็นว่ารายใหญ่ไม่สนใจรายเล็กที่อยู่ต่างจังหวัดเพราะนั่นเป็นการสร้างความแตกแยก
จุดยืนภาคอุตสาหกรรมต้องการเจรจาให้ปัญหาจบโดยเร็วแต่ต้องอยู่ภายใต้กติกาและเงื่อนไขและจริงใจที่จะมาแบบสันติภาพไม่ใช่พอลับหลังก็กลับไปเคลื่อนไหวกดดัน”นายเกรียงไกรกล่าว
ทั้งนี้การตั้งกรรมการฝ่ายละ 5คนเจรจานั้นยังไม่ได้เริ่มก็ต้องมีปัญหาไม่สามารถหันหน้าเจรจาได้เพราะฝ่ายของนายธนิต โสรัตน์ ผิดเงื่อนไขที่ตกลงไว้ว่าต้องไม่เคลื่อนไหวในการกดดันใดๆ
รวมถึงการให้สัมภาษณ์ที่จะทำให้ภาพลักษณ์ส.อ.ท.เสียหายซึ่งจะทำให้บรรยากาศการเจรจาไปได้ด้วยดีแต่ก็ผิดสัญญาที่นายธนิตและพวกได้เข้าไปยังสำนักงานส.อ.ท.ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์วันที่ 30 ม.ค.จึงต้องทำให้ฝ่ายของตนต้องเลื่อนเจรจาออกไปก่อน ซึ่งหากนายธนิตไม่รับเงื่อนไขนี้การเจรจาคงไม่ง่ายและปัญหานี้อาจลากยาวได้
นายธนิต โสรัตน์ เลขาธิการและรักษาการประธานส.อ.ท.กล่าวว่า การที่ตนเดินทางไปยังสำนักงานส.อ.ท.ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับสัญญาเพราะถือว่าผมได้เข้าไปทำงานเป็นปกติในเมื่อทุกคนยังเป็นสมาชิกอยู่และกรณีระบุว่านำตำรวจไปก็ให้ขอไปดูที่กล้องวงจรปิดได้เลยซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นเพราะแท้ที่จริงแล้วฝ่ายของนายพยุงศักดิ์ไม่ต้องการจะเจรจาหรือไม่
ดังนั้นฝ่ายของตนก็จะแสดงจุดยืนเหมือนเดิมคือการที่นายพยุงศักดิ์ต้องพ้นจากตำแหน่งและจะเดินหน้ากดดันต่อไป
“ การตั้งคณะกรรมการเจรจาแท้จริงแล้วการประชุมคณะกรรมการสภาฯหรือกส.วันที่ 28 ม.ค.เขาเองก็ไม่ต้องการอยู่แล้วแต่เพราะถูกกดดัน สงครามยังต้องมีการเจรจาเลยวันนี้มันเลยจุดถูก ผิด ทั้งหมดหากเป็นเช่นนี้ก็ต้องการแตกแยกตลอดไปไหม”นายธนิตกล่าว
นอกจากนี้การที่ตนเข้าไปยังสำนักงานมีพนักงานบางส่วนออกมาต้อนรับตนล่าสุดพบว่ามีการถูกย้ายตำแหน่งไปไว้ที่อื่นหมดอย่างน้อย 10 รายแล้วซึ่งผมพร้อมจะเปิดเผยคำสั่ง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าองค์กรนี้บริหารแบบไม่มีธรรมาภิบาลแต่อย่างใดซึ่งการที่ไม่ให้อีกฝ่ายเข้าไปทำงานกลุ่มของนายพยุงศักดิ์ก็ไม่มีสิทธิ์เช่นกัน