ASTV.ผู้จัดการรายวัน - “เหลิม”อ้ำอึ้ง ถูกจี้ใจดำ ตามจับ “นช.วัฒนา อัศวเหม” พ่วง “นช.ทักษิณ ชินวัตร”ได้เหมือน “กำนันเป๊าะ”หรือไม่ ก่อนทำตัวขี้ข้าไม่เกรงใจนาย! โวใครมีคดีติดตัว รวบเข้าซังเตหมด โวยไม่มีตำรวจขัดแย้งกันเอง ส่วน“บิ๊กอู๋”อึกอัก“ขอเอาเรื่องนี้ยืนให้อยู่ก่อน” ด้านลูกเมีย “กำนันเป๊าะ”เครียด เข้า รพ.ราชฑัณท์ เยี่ยม! เผยต้องใช้ยา-เครื่องช่วยหายใจ
วานนี้ (31 ม.ค.2556) เวลา 09.10 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงห์แก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวก่อนเข้าพบร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ถึงคดีการจับกุมตัวนายสมชาย คุณปลื้ม หรือ "กำนันเป๊าะ" ว่า ในส่วนของตำรวจได้ทำหน้าที่เสร็จสิ้นแล้ว หลังจากได้นำตัวส่งศาลและศาลได้นำตัวส่งเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่านายสมชายได้เข้ามาไทยตามแนวชายแดนและอยู่ในประเทศไทยเป็นเวลานาน ผบ.ตร. กล่าวว่า ในเรื่องนี้ต้องมีการดูแลต่อไป ยืนยันเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ละเลยในการปฏิบัติหน้าที่ และไม่ลำบากใจ
สำหรับกรณีนี้จะถูกมองหรือไม่ว่าได้รับสิทธิพิเศษทางการเมือง ผบ.ตร. กล่าวว่า นักการเมืองไม่ได้มีสิทธิ์พิเศษ หากมีคดีความติดตัว ซึ่งตำรวจได้ทำตามหน้าที่ เมื่อผู้สื่อข่าวถามจี้ว่า มีการพูดถึงนักโทษการเมืองคนอื่น เช่น กรณีนายวัฒนา อัศวเหม และพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือไม่ ผบ.ตร. กล่าวว่า ก็ดูแลอยู่
สำหรับการตั้งคณะกรรมการสอบตำรวจในพื้นที่จังหวัดชลบุรี ที่ละเลยการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่นั้น เพราะดูเหมือนว่าทราบข้อมูลมาก่อนหน้านี้ ผบ.ตร. กล่าวว่า ต้องพิจารณาดูก่อนมีรายงานข่าวว่า พื้นที่จ.ชลบุรีนั้น อยู่ในเขตอำนาจความรับผิดชอบของพล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.ภ.2 ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานเขยของคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภริยาพ.ต.ท.ทักษิณ และมีพล.ต.ต.คัชชา ธาตุศาสตร์ (นรต.รุ่น 36) เป็นผบก.ภ.จ.ชลบุรี เจ้าของพื้นที่
**ขี้ข้าไม่เกรงใจนาย !โวจับเข้าซังเตหมด
เวลา 13.30 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า ไม่มีใครรู้จริงหรอกว่านายสมชายเข้ามาเมื่อไหร่ ไม่ถือว่าตำรวจมีข้อบกพร่อง ต้องยอมรับว่าตำรวจขยันขันแข็ง ได้เบาะแส ก็ดำเนินการจับกุมตามหมายจับได้ บางคนถามว่าผู้ให้ที่พักพิงจะผิดหรือไม่ ผิดถ้าเป็นบุคคลอื่น ถ้าเขาอยู่บ้านพักของตัวเองจะผิดอะไรกรณีนี้ก็จับได้ในที่สาธารณะ อย่าไปขยายความเลย จบแล้ว ตนว่าเรื่องนี้น่าจะยุติแล้ว
ส่วนที่มีเสียงวิจารณ์ว่าตำรวจท้องที่ละเลยหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่ละเลย คนอยู่บางแสน พัทยา คนอยู่ตั้งเท่าไหร่ เมื่อถามว่าการข่าวระบุว่ามีการเข้าๆออกๆอยู่ตั้งนานแล้วแต่ทำไมไม่สามารถจับกุมตัวได้ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่ตำรวจสนใจ แต่ก็มีเรื่องอื่นอีกมากที่ต้องทำควบคู่กันไป ความเห็นส่วนตัวตนไม่ถือว่าตำรวจที่ไหนบกพร่อง มีแต่ชื่นชมพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผบ.ช.ก และเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ที่ดำเนินการจับตามหมายศาล “จบเถอะครับเรื่องนี้”
ประเด็นการระบุว่ามีความขัดแย้งระหว่างตำรวจด้วยกันเอง ร.ต.อ.เฉลิม ย้อนถามว่า จะไปขัดแย้งอย่างไร ไม่เกี่ยว ใครเจอก็จับ ไม่จับ จะไปขัดแย้งอย่างไร หรือจับแล้วลดความขัดแย้งอย่างไร ไม่มีหรอก เมื่อถามว่าเป็นการจับง่ายเกินไปหรือไม่ทั้งที่ตามมาหลายปี ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า บางคนหนีมา 20 ปี เหลืออีกอาทิตย์เดียวก็ถูกจับ และคดีนี้ตำรวจไม่ได้มีการรายงานตน เพราะมีหมายจับอยู่แล้ว และขั้นตอนจบหมดแล้ว บางคนบอกว่ารัฐบาลจะแทรกแซงคดีได้หรือไม่แล้วจะเอามุมไหนไปแทรกแซง เพราะศาลฎีกาตัดสินนายสมชายไม่ไปฟังก็ออกหมายจับ
เมื่อถามว่ามีการขยายความไปถึงกรณีของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือนายวัฒนา อัศวเหม อดีตรมช.มหาดไทย หลบหนีโทษจำคุก 10 ปี จะต้องถูกดำเนินคดีหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่ว่าใครก็ตามถ้ามีหมายจับ ตำรวจเขาทำตามหน้าที่ ตนไม่ระบุชื่อ ตนทำผิดเขาก็จับ อย่าไปขยายความอะไรเลย ส่วนว่านายสมชายมีดีกรีเป็นถึงบิดารัฐมนตรีนั้นก็ได้รับสิทธิเท่านักโทษคนอื่น ไม่มีสิทธิพิเศษ เมื่อถามว่ามีการโยงว่าเป็นการเมืองอาจโยงไปถึงนายสนธยาได้ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า จะโยงการเมืองได้อย่างไร ถ้าไม่มีหมายจับศาลจะจับได้หรือไม่ เรื่องนี้คนละเรื่องและคงไม่ส่งผลถึงภาพลักษณ์รัฐบาลที่บิดารัฐมนตรีถูกจับเพราะเป็นคนละคน รัฐมนตรีไม่ได้ทำผิด เมื่อถามว่าเป็นการบีบเพื่อให้เข้าพรรคหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า จะเกี่ยวได้อย่างไร นายสนธยา ไม่ใช่คนขี้เมื่อย คนที่ถูกบีบได้คือคนขี้เมื่อย อย่าไปคิดไกล ส่วนว่าจะเข้าเกณฑ์การนิรโทษกรรมหรือไม่นั้นเร็วไปเพราะยังไม่ได้รับโทษ
** กำนันเป๊าะต้องใช้ยา-เครื่องช่วยหายใจ
ช่วงเช้าวันเดียวกัน มีรายงานข่าวจากส่วนควบคุมแรกรับนักโทษเรือนจำพิเศษกรุงเทพ มหานคร แจ้งว่า ทางเรือนจำได้ส่งตัวกำนันเป๊าะ ที่ถูกจับกุมเมื่อวานนี้ไปยังโรงพยาบาลทัณฑสถาน กรมราชทัณฑ์ ตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 31 ม.ค.56แล้ว หลังนักโทษมีอาการป่วยหนักที่เป็นอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว โดยเป็นไปตามคำสั่งของแพทย์ประจำ รพ.ราชทัณฑ์
นายสนธยา คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม บุตรชายคนโต ให้สัมภาษณ์ ว่า ทราบตามข่าวที่สื่อมวลชนเสนอว่าบิดาเข้าโรงพยาบาลด่วน ขณะที่อาการปกติอย่างที่เขาเป็นอยู่ คนอายุ 76 ปีแล้ว ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า การจับกุมกำนันเป๊าะครั้งนี้มีนัยทางการเมืองหรือไม่ นายสนธยา กล่าวว่า คิดว่าไม่มีใครจะไปโยงทางการเมืองไม่มีหรอก ไม่มีการพูดคุยประเด็นทางการเมืองทั้งนั้น
เมื่อถามต่อว่า ได้คุยกับนายกรัฐมนตรีหรือยัง นายสนธยา กล่าวว่า ยังไม่ได้คุยกับใคร การเมืองไม่เกี่ยว เพราะเราเองไม่มีอะไร โดยในช่วงคำถามนี้นายสนธยาเริ่มมีสีหน้าเคร่งเครียดมากขึ้น โดยผู้สื่อข่าวถามอีกว่า จะเดินทางไปเยี่ยมกำนันเป๊าะ หรือไม่ นายสนธยา กลับหันมาตอบด้วยรอยยิ้มว่า "ไปวันนี้เลยดีกว่า แต่ขอเข้าประชุมก่อน" จากนั้นนายสนธยา ก็เดินเข้าห้องประชุมไปทันที
**ลูกเมียเข้าเยี่ยมอาการ รพ.ราชทัณฑ์
เวลา 12.45 น. นางสติล คุณปลื้ม ภรรยากำนันเป๊าะ พร้อมด้วยนายวิทยา คุณปลื้ม บุตรชายคนที่ 2 นายกองค์บริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ชลบุรี ได้เดินทางมาติดต่อขอเข้าเยี่ยม จากนั้นเวลา 13.30 น. นางสาวจิราภรณ์ คุณปลื้ม บุตรสาวลูกคนที่ 3 นายอิทธิพล คุณปลื้ม บุตรชายคนที่ 4 นายกเมืองพัทยา นายณรงค์ชัย คุณปลื้ม บุตรชายคนสุดท้อง นายกเทศบาลเมืองแสนสุขจังหวัดชลบุรี และนายวินัย พ้นภัยพาล กำนันตำบลเสม็ด เมืองพัทยา ชลบุรี ได้เดินทางมาสมทบและลงทะเบียนเข้าเยี่ยม ทั้งนี้กลุ่มญาติใกล้ชิดของกำนันเป๊าะมีสีหน้าเคร่งเครียด ไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆกับสื่อมวลชนที่ปักหลักรอทำข่าวอยู่ด้านหน้าทัณฑสถานตั้งแต่ช่วงเช้า และยังพยายามหลบไม่ให้ช่างภาพบันทึกภาพด้วย
นายวิทยา เปิดเผยหลังจากที่เข้าเยี่ยมอาการ นานกว่า 3 ชั่วโมง ว่า อาการของกำนันเป๊าะ ยังต้องใช้ยา และเครื่องช่วยหายใจเวลานอน พร้อมปฏิเสธตอบคำถามว่าจะมีการยื่นเรื่องขอย้ายโรงพยาบาลเพื่อรักษาอาการป่วยหรือไม่ ขณะที่นางสติล ตอบด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดว่า กำนันเป๊าะสบายดีไม่ต้องเป็นห่วง ทั้งนี้ตลอดทั้งวัน ไม่พบว่านายสนธยา บุตรชาย คนโตมีการติดต่อขอเยี่ยม
**สั่งสอบ ใช้ชื่อปลอมรักษารพ.สมิติเวช
ส่วนความคืบหน้าของคดีด้าน พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) กล่าวว่าการจับกุมครั้งนี้ไม่มีประเด็นทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องแต่อย่างใด ตำรวจดำเนินการไปตามกฎหมายในการติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่หลบหนีหมายศาล โดยข้อมูลเบาะแสที่ได้รับแจ้งนั้นได้มาจากข้อมูลของพี่น้องประชาชนในสังคมออนไลน์ที่มีแจ้งเบาะเเสเข้ามาเป็นเวลานานหลายเดือนว่านายสมชายอาศัยอยู่ในพื้นที่ จ.ชลบุรี ไม่ได้หลบหนีออกไปต่างประเทศ หลังจากนั้นจึงสั่งการให้ พ.ต.อ.อธิป แท่นนิล ผกก.ปพ.บก.ป.พร้อมด้วยชุดสืบสวน กก.ปพ.บก.ป.ประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในโครงการตำรวจผู้รับใช้ชุมชนเข้าไปฝังตัวอยู่ในพื้นที่ สืบสวนหาข่าวเป็นเวลาประมาณ 2 เดือน ก่อนจะสามารถติดตามจับกุม
ส่วนกรณีที่ผ่านมาตำรวจไม่สามารถติดตามจับกุมนายสมชายได้นั้น เข้าใจว่าการทำงานของตำรวจในพื้นที่อาจทำได้ยากลำบาก เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นผู้กว้างขวาง และหากดำเนินการโดยไม่มีข้อมูลหลักฐานที่ชัดเจนก็อาจถูกพิจารณาฟ้องร้องได้ อย่างไรก็ดี สำหรับการจับกุมที่เกิดขึ้นตนยืนยันอีกครั้งได้เลยว่าไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลังอะไรแอบแฝงอย่างแน่นอน การปฏิบัติการของกองบังคับการปราบปรามครั้งนี้จะเป็นการกอบกู้ภาพลักษณ์ของตำรวจให้ดีขึ้นเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม การดำเนินการในขั้นตอนต่างๆ ทาง พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์จะพิจารณาสั่งการมายัง บก.ป.ต่อไป โดยเฉพาะการดำเนินคดีกับผู้ที่ให้การพักพิงแก่ผู้ต้องหา รวมทั้งกรณีที่ใช้ชื่อปลอมว่า “นายกิม แซ่ตั้ง” ในการเข้ารับการรักษาโรคประจำตัว ที่ รพ.สมิติเวช ศรีนครินทร์
**เช้าอ้างกม.ไม่เอาผิด“ลูก-รพ.” ให้ที่พักพิง
ที่กองปราบปราม พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผบก.ป.กล่าวว่า ได้สั่งการให้ตำรวจประสานไปยัง รพ.สมิติเวช ศรีนครินทร์ เพื่อขอทราบรายละเอียดเกี่ยวกับการใช้ชื่อปลอม แต่ทาง รพ.สมิติเวชแจ้งว่าไม่สามารถให้ข้อมูลได้ในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม ทางพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างพิจารณาขออนุมัติหมายศาล เพื่อขอข้อมูลจากทาง รพ.ดังกล่าวนำมาประกอบการพิจารณาอีกครั้ง
ต่อมา พล.ต.ต.สุพิศาล กล่าวอีกครั้งว่า กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องของมนุษย์ธรรม แพทย์ก็ถือว่าต้องช่วยเหลือรักษาคนไข้ ส่วนบ้านที่พักอาศัยอยู่ก็กำลังอยู่ระหว่างการพิสูจน์ แต่การให้ที่พักพิงครั้งนี้นั้นถือว่าเป็นเรื่องของความกตัญญูในรูปแบบของสังคมไทย เช่น ลูกชายไปฆ่าคนตายมาแล้วหนีกลับเข้ามาในบ้าน คนเป็นพ่อก็ต้องให้เข้าบ้าน จะไม่ให้เข้าบ้านหรืออย่างไร
กรณีนี้ถ้าจะมีความผิดจะต้องถือว่ามีเจตนาจริงๆ หรือที่เรียกว่าเจตนาพิเศษ เช่น พาผู้ต้องหาขับรถแหกด่านตรวจของตำรวจ การพาหลบหนีออกนอกประเทศ หรือให้ที่พักพิงกับผู้ต้องหาที่แหกคุกมา หรือก่อนหน้านี้มีการค้นบ้านพักไปแล้วแต่ยังให้ที่หลบซ่อน เป็นต้น
ในเบื้องต้นการพิจารณาข้อหานี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 59 ถือว่าหลักฐานยังไม่เพียงพอที่จะแจ้งข้อหาในตอนนี้ ตนได้ย้ำให้ชุดสืบสวนไปหาหลักฐานเพิ่มเติมที่ส่อให้เห็นถึงเจตนาพิเศษมาก่อน การกล่าวหาใครจะต้องมีหลักฐานเพื่อความเป็นธรรม อย่างไรก็ตามขณะนี้ชุดสืบสวนได้ออกหาข้อมูลมาประกอบแล้ว
** ตกเย็น"บิ๊กอู๋" ลั่นสั่งป.ฟันผู้ให้ที่พัก
มีรายงานว่า พล.ต.อ.อดุลย์ ได้สั่งการให้ตำรวจกองปราบปราม ตรวจสอบกรณีการให้ที่พักพิง กำนันเป๊าะ ที่ถูกตำรวจคอมมานโดจับกุม พร้อมยืนยัน เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานอย่างเต็มที่ ไม่ได้ปละปล่อยละเลย
ด้าน พล.ต.ท.ภาณุ เกิดลาภผล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เชื่อว่า กำนันเป๊าะ เดินทางเข้า - ออกประเทศไทยด้วยช่องทางธรรมชาติ ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงว่า จะเป็นช่องทางทางทะเล ระหว่างไทยกับกัมพูชา เนื่องจากมีช่องทางทางธรรมชาติไป-มาระหว่างกันมากถึง 35 ช่องทาง อาทิ ทาง จ.ระยอง จันทบุรี ตราด พร้อมยืนยันว่า กำนันเป๊าะ ไม่มีทางผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองทั้ง 6 จุด ระหว่างไทย - กัมพูชาได้ เพราะมีการขึ้นแบล็กลิสต์ เนื่องจากเป็นบุคคลตามหมายจับมาตั้งแต่ปี 2546 ไม่ว่าจะมีการเปลี่ยนชื่อหรือไม่ก็ตาม
** บิ๊กอู๋ขอเอาเรื่องนี้ยืนให้อยู่ก่อน
ต่อมาเมื่อเวลา 17.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.อดุลย์ ได้เรียกพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ เข้าพบเพื่อสอบถามถึงการเข้าจับกุม โดยใช้เวลาพูดคุยกันประมาณ 1 ชั่วโมง
พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ กล่าวภายหลังการเข้าพบผบ.ตร.ว่า พล.ต.อ.อดุลย์ได้เรียกมาชี้แจงถึงกรณีการจับกุมนายสมชาย โดยไม่ได้มีการว่ากล่าวหรือตำหนิอะไร ซึ่งประเด็นหลักที่สอบถามคือมีเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือข้าราชการเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในการช่วยเหลือหรือรู้เห็นให้เกิดการหลบหนีหรือไม่ ตนก็ได้ชี้แจงไปว่าจากการตรวจสอบไม่พบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องหรือรู้เห็นช่วยเหลือให้นายสมชายหลบหนี โดยการหลบหนีเข้ามาในประเทศคิดว่าไม่ได้ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง แต่มาจากเส้นทางพิเศษที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองไม่ได้รู้เห็น
เมื่อถามต่อว่า จะมีการดำเนินการจับกุมผู้ต้องหาคดีอื่นๆ ที่กำหลังอยู่ระหว่างหลบหนีหรือไม่ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ กล่าวว่า “ขอเอาเรื่องนี้ยืนให้อยู่ก่อน”