ASTV.ผู้จัดการรายวัน - ศาลสั่งจำคุก 10 ปี จ.ส.ต.ปริญญา มณีโคตม์ อดีตผู้บังคับหมู่ สน.คูคต ขนระเบิดเอ็ม 79 รวม 65 นัด ช่วงม็อบแดงชุมนุม แล้วถูกจับได้ เผยหาหลักฐานมาหักล้างไม่ได้ที่อ้าง "ผู้บังคับบัญชา" สั่งให้มาแฝงตัวกับผู้ชุมนุม ชี้ ดีเอ็นเอ ชัด!
วานนี้ (31 ม.ค. 2556) ศาลอาญาออกนั่งบังลังก์พิพากษาในคดีที่จ.ส.ต.ปริญญา มณีโคตม์ อดีตผู้บังคับหมู่ป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธรคูคต จังหวัดปทุมธานี ตกเป็นจำเลยในความผิดฐานมีเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยผิดกฏหมาย จากกรณีถูกจับกุมพร้อมกระสุนเครื่องยิงลูกระเบิด เอ็ม 79 รวม 65 นัด ขณะขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าด่านความมั่นคงใกล้อนุสรณ์สถาน เมื่อวันที่ 28 เม.ย. 2553 ช่วงระหว่างการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมานั้น มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ ที่จำเลยอ้างถึงเหตุผลที่เข้าร่วมการชุมนุมกับกลุ่มนปช. เนื่องจากมีคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้แฝงตัวกับกลุ่มผู้ชุมนุม แต่จำเลยไม่ได้นำผู้บังคับบัญชาและเอกสารที่เป็นลายลักษณ์อักษรมายืนยัน ส่วนที่จำเลยอ้างว่าไม่ใช่ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์นั้น จากผลการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ พบดีเอ็นเอของจำเลยติดอยู่ที่หมวกกันน็อค ข้อนำสืบของจำเลยเป็นการกล่าวอ้างเลื่อนลอย ไม่มีหลักฐานหักล้างพยานโจทก์ได้ เห็นว่าจำเลยเป็นผู้ครอบครองเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวและเป็นความผิดตามพ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พิพากษาลงโทษจำคุก 10 ปี
ภายหลังฟังคำพิพากษา นายสาคร ศิริชัย ทนายความจำเลยกล่าวว่าจะขอยื่นอุทธรณ์เพื่อต่อสู้คดีในประเด็นสงสัยเกี่ยวกับพยานหลักฐานโจทก์ ที่ตรวจพบดีเอ็นเอของจำเลยที่หมวกกันน็อก แต่กลับไม่พบลายนิ้วของจำเลยบนวัตถุพยานอื่นๆ นอกจากนี้ยังขอให้ศาลกำหนดโทษสถานเบา เนื่องจากเห็นว่าโทษที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้น สูงเกินไป
วานนี้ (31 ม.ค. 2556) ศาลอาญาออกนั่งบังลังก์พิพากษาในคดีที่จ.ส.ต.ปริญญา มณีโคตม์ อดีตผู้บังคับหมู่ป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธรคูคต จังหวัดปทุมธานี ตกเป็นจำเลยในความผิดฐานมีเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยผิดกฏหมาย จากกรณีถูกจับกุมพร้อมกระสุนเครื่องยิงลูกระเบิด เอ็ม 79 รวม 65 นัด ขณะขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าด่านความมั่นคงใกล้อนุสรณ์สถาน เมื่อวันที่ 28 เม.ย. 2553 ช่วงระหว่างการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมานั้น มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ ที่จำเลยอ้างถึงเหตุผลที่เข้าร่วมการชุมนุมกับกลุ่มนปช. เนื่องจากมีคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้แฝงตัวกับกลุ่มผู้ชุมนุม แต่จำเลยไม่ได้นำผู้บังคับบัญชาและเอกสารที่เป็นลายลักษณ์อักษรมายืนยัน ส่วนที่จำเลยอ้างว่าไม่ใช่ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์นั้น จากผลการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ พบดีเอ็นเอของจำเลยติดอยู่ที่หมวกกันน็อค ข้อนำสืบของจำเลยเป็นการกล่าวอ้างเลื่อนลอย ไม่มีหลักฐานหักล้างพยานโจทก์ได้ เห็นว่าจำเลยเป็นผู้ครอบครองเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวและเป็นความผิดตามพ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พิพากษาลงโทษจำคุก 10 ปี
ภายหลังฟังคำพิพากษา นายสาคร ศิริชัย ทนายความจำเลยกล่าวว่าจะขอยื่นอุทธรณ์เพื่อต่อสู้คดีในประเด็นสงสัยเกี่ยวกับพยานหลักฐานโจทก์ ที่ตรวจพบดีเอ็นเอของจำเลยที่หมวกกันน็อก แต่กลับไม่พบลายนิ้วของจำเลยบนวัตถุพยานอื่นๆ นอกจากนี้ยังขอให้ศาลกำหนดโทษสถานเบา เนื่องจากเห็นว่าโทษที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้น สูงเกินไป
