xs
xsm
sm
md
lg

คดีถล่มรถข่าวASTVไม่คืบ มือยิงมีอิทธิพลหนุน"แจ๊ด"รีบสรุปไม่ใช่ทหาร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผบ.ตร.สั่ง บช.น.เร่งติดตามจับกุมมือยิงรถข่าวเอเอสทีวี พร้อมให้รายงานความคืบหน้าทางคดีอย่างต่อเนื่อง ด้าน "คำรณวิทย์" เชื่อมือยิงรถข่าวไม่น่าใช่ฝีมือกลุ่มทหารที่เคยตบเท้าไปที่หน้าสำนักงานเอเอสทีวีผู้จัดการ เตรียมเรียกสอบปากคำ รปภ.และขอข้อมูลผู้บริหาร ด้าน สน.ชนะสงครามรับยังไม่คืบหน้า ต้องเร่งหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม “เสรีพิศุทธ์ ” เชื่อมือยิงไม่ธรรมดา ต้องมีอิทธิพลหนุน สาเหตุเกิดจากการทำหน้าสื่ออย่างตรงไปตรงมา ขณะที่สมาคมสื่อออกแถลงการณ์ประณามพฤติกรรมข่มขู่คุกคาม

วานนี้ (27 ม.ค.) พล.ต.ต.ธนา ชูวงศ์ ผู้บังคับการกองสารนิเทศ ในฐานะรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ได้สั่งการในที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) ให้เร่งรัดสืบสวนสอบติดตามตัวคนร้ายให้ได้โดยเร็ว พร้อมทั้งกำชับให้ทำคดีอย่างรอบคอบ ตรงไปตรงมา นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้ พล.ต.ต.วิชาญญ์วัชร์ บริรักษ์กุล ผบก.น.1 รายงานความคืบหน้าของคดี ทั้งการสืบสวนสอบสวน การรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ผ่านทาง ศปก.ตร. ทั้งนี้ ยืนยันว่าคดีนี้ตำรวจไม่นิ่งนอนใจ และพร้อมจะให้ความเป็นธรรมอย่างเต็มที่

ด้าน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีคนร้ายบุกยิงรถข่าวของสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวีได้รับความเสียหายจำนวน 4 คัน บริเวณหน้าบ้านเจ้าพระยา พร้อมกับยิงกระจกสำนักงานในเครือของเอเอสทีวีจนได้รับความเสียหาย เมื่อกลางดึกวันที่ 26 ม.ค.ที่ผ่านมาว่า ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนเร่งตรวจสอบและได้ตรวจดูภาพจากกล้องวงจรปิดที่คาดว่าคนร้ายจะใช้หลบหนีเพื่อนำมาประกอบ อีกทั้งได้สั่งการให้ชุดสืบสวนสอบสวนลงพื้นที่หาข่าวเพื่อแกะรอยคนร้ายอย่างใกล้ชิดแล้ว

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่าคนร้ายยิงมาจากฝั่งตรงข้ามจุดเกิดเหตุ ซึ่งจะต้องสอบสวน รปภ.ของเอเอสทีวีว่า เหตุใดขณะเกิดเหตุจึงไม่มีใครได้ยินเสียงปืน นอกจากนี้ อยากให้ทางผู้บริหารของเอเอสทีวีให้ข้อมูลสำคัญ เพราะหากเป็นการคุกคามสื่อก็จะต้องดูว่าคนที่ได้รับผลกระทบจากการถูกสื่อโจมตี คือใครบ้าง และกลุ่มใดมีศักยภาพพอที่จะก่อเหตุแบบนี้ ส่วนจะเป็นคนมีสีหรือไม่นั้น ตนยังไม่ทราบ เพราะหากไปโยงเรื่องที่ทหารเคยตบเท้าไปที่หน้าสำนักข่าวในเครือเอเอสทีวี-ผู้จัดการ ตนเองคิดว่าระดับผู้บังคับบัญชาไม่ทำแบบนี้แน่ ดังนั้นจะต้องดูในหลายๆ ประเด็น เพราะหากโจทย์ที่เจ้าหน้าที่ตั้งไว้ผิด ก็จะตอบผิดไปด้วย

พ.ต.อ.คณิศร์ชัย มหินทรเทพ ผกก.สส.บกน.1 ระบุว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนได้ตรวจสอบภาพจากล้องวงจรปิดในบริเวณดังกล่าวอย่างละเอียด แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าภาพจากกล้องวงจรปิด ใครคือผู้ต้องสงสัย รวมทั้งที่ระบุว่าเห็นชายคนหนึ่งเดินวนเวียนไปในที่เกิดเหตุ ก็ยังระบุไม่ได้ว่าเป็นคนกระทำ ส่วนหัวกระสุนปืนจะเป็นชนิดไหนนั้น ต้องรอผลตรวจพิสูจน์ จาก กองพฐ.ก่อน และคดีดังกล่าวยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นคดีทางการเมืองหรือไม่อย่างไร

ที่โรงแรมเวียงใต้ ถ.ข้าวสาร พ.ต.อ.จักรภพ สุคนธราช ผกก.สน.ชนะสงคราม เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนบก.สส.บช.น. เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน บก.น.1 และฝ่ายสืบสวน สน.ชนะสงคราม เพื่อติดตามความคืบหน้าด้านคดีว่า ได้รับคำสั่งจากทาง ผบช.น. กำชับให้เร่งคลี่คลายคดีดังกล่าว โดยวันนี้ได้เรียกทางชุดสืบสวน บก.สส.บช.น. บก.น.1 และฝ่ายสืบสวน สน.ชนะสงคราม เพื่อนำภาพวงจรปิดที่ได้ทั้งหมดนอกเหนือจากที่ได้จากบ้านเจ้าพระยาของบริษัท เอเอสทีวี-ผู้จัดการ จำกัด มาประมวลภาพวิเคราะห์ถึงรูปพรรณสัณฐานคนร้ายและจำลองเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุ เพื่อแบ่งหน้าที่ในการหาข่าว โดยจะให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่กระจายกำลังหาข่าวบริเวณรอบและใกล้เคียงรวมถึงซอยที่คนร้ายใช้เป็นเส้นทางหลบหนี เพื่อเร่งหาพยานแวดล้อมใช้เป็นเบาะแสสำคัญในการติดตามตัวคนร้าย

พ.ต.อ.จักรภพ กล่าวอีกว่า ซึ่งความคืบหน้าขณะนี้ถือว่ายังไม่มากนัก ต้องเร่งหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมและภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียงที่คนอาจเห็นเส้นทางที่คนร้ายใช้หลบหนี รวมถึงการสอบปากคำพยานแวดล้อมซึ่งวานนี้สอบไปแล้ว 2 ปาก และในวันนี้จะทำการสอบเพิ่มอีกจำนวน 3 ปาก รวมถึงการนัดผู้บริหารของทางบริษัท เอเอสทีวี ผู้จัดการ จำกัด เข้าให้ปากคำในวันพรุ่งนี้ (28 ม.ค.) ซึ่งต้องทำการนัดเสียก่อนว่าจะเป็นผู้บริหารท่านใดมาพบ ส่วนปมสาเหตุนั้นยังไม่ทราบแน่ชัด โดยไม่ได้ให้น้ำหนักไปทางด้านใดเป็นพิเศษ จะต้องรอพยานหลักฐานทั้งหมดประกอบกับคำให้การของทางผู้บริหารบริษัท เอเอสทีวี-ผู้จัดการ จำกัด เสียก่อนว่ามีความขัดแย้งกลุ่มใดและสงสัยใครบ้าง ซึ่งหลังจากประชุมเสร็จสิ้นจะมีการรายงานไปยังผู้บังคับบัญชาให้ทราบอีกครั้ง

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ผู้ว่าฯกทม. ในนามอิสระ กล่าวถึงเหตุคนร้ายใช้ปืนยิงรถข่าวของสำนักข่าวเอเอสทีวีผู้จัดการ บริเวณหน้าสำนักงาน บนถนนพระอาทิตย์ เมื่อช่วงกลางดึกของคืนวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมาว่า สื่อมวลชนมีความสำคัญในสังคมไทย การคุ้มครองดูแล ก็ต้องมีความสำคัญเช่นเดียวกับความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน ซึ่งการเฝ้าระวังป้องกันเหตุมีความสำคัญที่สุด ซึ่งแม้ผู้ว่าฯกทม. จะไม่ได้มีหน้าที่ในการสืบสวน สอบสวน จับกุมโดยตรง แต่ก็จะเข้ามาเสริมในส่วนของการป้องกันเหตุที่จะเกิดขึ้น รวมไปถึงการดูแลความปลอดภัยของประชาชน ทั้งจากเหตุการณ์นี้ หรือก่อนหน้านี้ที่มีคนร้ายปล้นบ้านประชาชนที่อยู่ใกล้ๆ บ้านผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.รายหนึ่งด้วย

"คนที่กล้ายิงสื่อต้องพิเศษกว่าคนอื่น เพราะสื่อคงไม่ไปมีปัญหากับคนจน ผู้ที่ไม่มีอำนาจ หรือตาสีตาสา อีกทั้งทราบกันดีว่า หลายปีที่ผ่านมา เอเอสทีวี ก็ค่อนข้างมีปัญหากับหลายกลุ่มจากการทำหน้าที่สื่อมวลชน ดังนั้นผู้รับผิดชอบและเจ้าหน้าที่ต้องเร่งในการสืบสวนสอบสวนจับกุมโดยเร็ว และเพิ่มความเข้มงวดในการดูแลความปลอดภัยไม่ให้เกิดขึ้นอีก" พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว

สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ได้ออกแแถลงการณ์ร่วมองค์กรวิชาชีพสื่อ กรณีบุกยิงรถข่าวของสำนักข่าว ASTV บนถนนพระอาทิตย์ดังนี้
จากกรณีที่มีบุคคลไม่ทราบฝ่ายบุกยิงรถข่าวของ ASTV 4 คัน ขณะจอดอยู่บริเวณหน้าบ้านเจ้าพระยา ถนนพระอาทิตย์ แขวงวัดชนะสงคราม เขตพระนคร กทม. และยิงกระจกสำนักงานในเครือของ ASTV เมื่อเวลาประมาณ 03.20 น.ของวันเสาร์ที่ 26 มกราคมที่ผ่านมา

องค์กรวิชาชีพสื่อ โดยสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และ สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย มีความเห็นร่วมกันว่า

1.เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการกระทำที่มีความอุกอาจ ใช้ความรุนแรงเพื่อมุ่งข่มขู่และการคุกคามสิทธิเสรีภาพในการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชนโดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย

จึงขอเรียกร้องให้ผู้ที่ก่อเหตุดังกล่าวและผู้ที่เกี่ยวข้องเคารพสิทธิเสรีภาพ และเข้าใจในการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชน ที่ปฏิบัติหน้าที่เพื่อนำความจริงมาเสนอต่อสาธารณชนอย่างครบถ้วนรอบด้าน

2.การปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชน สามารถตรวจสอบได้ตามกลไกที่ชอบด้วยกฎหมาย หากผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน เห็นว่าสื่อมวลชนใช้สิทธิเกินขอบเขต สามารถใช้อำนาจฟ้องร้องได้ตามกฎหมาย หรือใช้กลไกในการควบคุมทางจริยธรรมขององค์กรสื่อผ่านสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ และ สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย แต่จะต้องไม่ใช้ความรุนแรงคุกคามสื่อ ซึ่งไม่สามารถแก้ไขปัญหาใด ๆ ได้ และมีแต่จะสร้างความเสียหายแก่ทุกฝ่าย

3.ขอเรียกร้องต่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้เร่งติดตามจับกุมคนร้ายมาลงโทษตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว ไม่ปล่อยให้เรื่องเงียบหายไป เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างในการข่มขู่คุกคามสิทธิเสรีภาพสื่อมวลชน รวมทั้งขอให้แถลงผลความคืบหน้าคดีต่อสาธารณชนทราบโดยเร็ว เพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยแก่ประชาชนและสังคมไทย

ทั้งนี้ องค์กรวิชาชีพสื่อ ขอให้สื่อมวลชนทุกแขนงทำหน้าที่นำเสนอข่าวสารและแสดงความคิดเห็น โดยยึดมั่นในกรอบจริยธรรมแห่งวิชาชีพ ไม่ละเว้นการเสนอข่าวเพราะความลำเอียง หรือมีอคติจนเป็นเหตุให้ข่าวนั้นคลาด เคลื่อนหรือเกินจากความเป็นจริง การไม่ละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้ตกเป็นข่าว และพึงหลีกเลี่ยงคำไม่สุภาพและมีความหมายเหยียดหยาม ฯลฯ

องค์กรวิชาชีพสื่อ ขอเป็นกำลังใจให้สื่อมวลชนทุกแขนงทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง ซื่อสัตย์ในวิชาชีพ เพื่อประโยชน์และสิทธิในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชนต่อไป.
กำลังโหลดความคิดเห็น