ในขณะที่ นรม.ยิ่งลักษณ์แห่งประเทศไทย ออกนโยบายให้คนไทยซื้อรถคันแรก ซึ่งทำให้บริษัทผลิตรถยนต์ต่างชาติ (โดยเฉพาะญี่ปุ่น) รวยไปตามๆ กัน ส่วนคนไทยเป็นหนี้กันระงม แถมปัญหาการจราจรติดขัดเพิ่มขึ้นที่จะตามมา มลพิษที่สุดวิกฤตอยู่แล้ว (โดยเฉพาะกทม.) ก็จะยิ่งเลวร้ายมากขึ้น
ในเวลาเดียวกันเขมรเขาก็มีนโยบาย “รถคันแรก” เหมือนกัน เพียงแต่ของเขาแทนที่จะซื้อ เขากลับ “สร้างรถคันแรก” ด้วยการออกแบบผลิต โดยคนสัญชาติเขมร โดยพึ่งเทคโนต่างชาติ(จีน) เท่าที่จำเป็น (ไปพลางก่อน) รูป ข่าว เรื่องรถเขมรลองดูที่ลิงก์นี้นะครับ http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9560000003016 ผมว่า...รูปโฉบเฉี่ยว สวยมากยิ่งกว่ารถอีโคคาร์ญี่ปุ่น แถมนวัตกรรมประตูแนวดิ่งที่ใช้พื้นที่น้อย ดูปุ๊บก็รู้ว่า เขาออกแบบมาให้เป็นรถในเมืองที่การจราจรติดขัดหนัก มีพื้นที่ออกจอดน้อย เช่น กทม. ..ปรบมือให้ดังๆๆๆๆๆๆ
แม้ผมจะเขียนบทความวิจารณ์เขมรมามาก ในเรื่องเขาพระวิหารและนครวัด แต่ก็ว่าไปตามหลักวิชาการบริสุทธิ์ ไม่ได้เกลียดคนเขมรเป็นการส่วนตัวแต่อย่างใด มาวันนี้ ผมขอปรบมือสนั่นให้คนเขมร และขอเป็นกำลังใจให้ประสบผลสำเร็จในการพัฒนาอุตสาหกรรมรถยนต์ ให้พึ่งตัวเองให้ได้สักวัน
เมื่อ ๑๐ ปีก่อน ผมได้มีโอกาสไปแถลงโครงการวิจัยต่อหน่วยงานของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตอนท้ายพอเสนอเสร็จผมเลยฉวยโอกาสหักดิบกลางที่ประชุมออกนอกเรื่อง โดยเสนอว่ากระทรวงวิทย์ฯ น่าจะประกาศเป้าหมายว่าภายใน ๑๐ ปีจากนี้ไปประเทศไทยต้องผลิตเครื่องยนต์สี่สูบ ๑๖๐๐ ซีซี ให้ได้ โดยออกแบบเอง และผลิตชิ้นส่วนทุกชิ้นเองภายในประเทศ
โดยผมกระตุกด้วยว่า มันน่าอนาถใจที่ประเทศไทยเรามีคน ๖๐ ล้านคน มีเศรษฐกิจดี มี ดร.วิศวกรรมศาสตร์ วิทยาศาสตร์ มากพอๆ กับนายพลทหารสามเหล่าทัพรวมกัน แต่ทำไมป่านนี้ยังผลิตแม้เครื่องยนต์รถตัดหญ้าไม่ได้เลย ซึ่งสำหรับผม การผลิตเครื่องยนต์ได้ด้วยตนเองคือตัวชี้วัดที่สำคัญที่สุดของการเป็นอารยประเทศในด้านเทคโนโลยี (ส่วนอารยะด้านจิตวิญญาณก็อีกเรื่อง ก็คงต้องพัฒนาคู่กันไป)
อย่าว่าแต่เครื่องยนต์สี่สูบ วันนี้ปลั๊กไฟง่ายๆ ไทยเรายังผลิตให้ดีไม่ได้เลยครับ เสียบหลุดๆ โยกคลอนไปมา เกิดประกายไฟหวาดเสียว แม้เพียงจิ้งจกเดินผ่านไฟยังดับเพราะปลั๊กมันโยก หาปลั๊กแน่นๆ แบบอารยประเทศไม่ได้เลย ไม่ว่าจะพลิกแผ่นดินหาอย่างไรก็ตาม ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมเวลาไฟไหม้ตำรวจมักสรุปว่า เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรเสมอ
ส่วนก๊อกน้ำก็รั่ว และหมุนบิดไปมาเวลาเปิดปิด ลูกบิดประตูก็หลวมง่อกแง่ก สวิตช์ไฟก็กระโดกกระเดก ฝักบัวอาบน้ำก็หันหน้ากำหนดทิศทางไม่ได้ เพราะช่องเสียบมันหลวม ปากกาลูกลื่นก็ไม่ลื่นและหมึกแห้งก่อนหมด ไม้บรรทัดก็สีลอกมองสเกลไม่เห็น
มูลเหตุคือ ผมว่า เพราะวิศวกรเก่งๆ ดีๆ ไปเป็นขี้ข้าบริษัทต่างชาติหมดแล้ว เพราะพวกนี้เขาให้เงินเดือนดีพอควร (ทั้งที่ถูกกว่าแรงงานบ้านเขา 10 เท่า) จึงเหลือแต่พวกหางแถว ตกสำรวจ มาเป็นวิศวกรผลิตปลั๊กไฟฟ้ามาตรฐาน มอก. ไทย
มาเลย์เขาผลิตรถ proton มานานแล้ว วันนี้คุณภาพดีมากๆ ผมเกือบซื้อไปแล้ว คือ รุ่นจิ๋ว Savvy แต่เสียดายเงินที่มันแพงไปหน่อย ตั้งเกือบสี่แสน เลยไปซื้อรถเก่าสองแสนมาใช้ดีกว่า
วันนี้ดีใจแทนคนเขมร ที่มีการผลิตรถยนต์ออกมา แม้เทคโนส่วนใหญ่จะยังมาจากเมืองจีนก็ตาม แต่มันเป็นบันไดขั้นแรกที่สำคัญมากในการพัฒนาชาติ เพื่อไต่เต้าไปสู่การพึ่งตนเองในที่สุด อีกหน่อยคงผลิตรถถัง เรือบินได้เอง ก่อนไทยเป็นแน่
ส่วนไทยภายใต้นโยบายง่าวของรัฐบาลคงจะเป็นขี้ข้าต่างชาติไปชั่วกัลปาวสานเป็นแน่
ขอเสนอให้มาทำตลาดในไทยนะ ทำตลาดดีๆ คงมีคนซื้อมากหลาย เพราะไร้มลพิษ (รถไฟฟ้า) เสียงเงียบ ประหยัดพื้นที่ แถมพอมีอาเซียนแล้ว ไม่มีภาษี ก็ขายได้ในราคาแสนถูก
ยี่ห้อ “อังกอร์” ก็ฟังดูดีมากๆ เพราะนอกจากจะเป็น Ankor “นครวัด” (ที่สยามเป็นผู้สร้าง...ตามทฤษฎีที่ผมได้เขียนไว้มากแล้ว) แล้ว ยังเป็นคำกล่าวฝรั่ง(เศส) ที่ยังแปลได้ว่า “ขออีกที” (Encore ออกเสียงว่า อังกอร์ เป๊ะเลย ไม่รู้ว่าเขาตั้งใจหรือว่าบังเอิญ)
ท้ายสุดนี้ อยากเสนอให้รัฐบาลไทยหันมาให้ความสนใจโครงการ “รถคันสุดท้าย” บ้าง เพราะต้องซื้อใช้กันทุกคนอย่างแน่นอน มันคือ รถเข็นศพขึ้นเมรุเผาน่ะครับ อยากเห็นรัฐบาลมีโปรโมชันเด็ดๆ ให้คนรีบซื้อกันมากๆ โดยผู้ซื้อจะต้องมีคุณสมบัติเป็นคนที่ไม่เคยมีคุณงามความดีมาก่อน เช่น พวกโกงชาติโดยอาศัยธุรกิจการเมืองเป็นเครื่องมือ
อยากขอพรพระสยามเทวาธิราชเจ้าดลบันดาลให้ไอ้พวกโกงชาติเหล่านั้นมันได้มีโอกาสซื้อรถคันสุดท้ายกันเร็วๆ มากๆ ก่อนที่ชาติไทยจะถูกพวกมันล้างผลาญจนเพื่อนบ้านแซงหน้าเราไปหมดเสียก่อน
ในเวลาเดียวกันเขมรเขาก็มีนโยบาย “รถคันแรก” เหมือนกัน เพียงแต่ของเขาแทนที่จะซื้อ เขากลับ “สร้างรถคันแรก” ด้วยการออกแบบผลิต โดยคนสัญชาติเขมร โดยพึ่งเทคโนต่างชาติ(จีน) เท่าที่จำเป็น (ไปพลางก่อน) รูป ข่าว เรื่องรถเขมรลองดูที่ลิงก์นี้นะครับ http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9560000003016 ผมว่า...รูปโฉบเฉี่ยว สวยมากยิ่งกว่ารถอีโคคาร์ญี่ปุ่น แถมนวัตกรรมประตูแนวดิ่งที่ใช้พื้นที่น้อย ดูปุ๊บก็รู้ว่า เขาออกแบบมาให้เป็นรถในเมืองที่การจราจรติดขัดหนัก มีพื้นที่ออกจอดน้อย เช่น กทม. ..ปรบมือให้ดังๆๆๆๆๆๆ
แม้ผมจะเขียนบทความวิจารณ์เขมรมามาก ในเรื่องเขาพระวิหารและนครวัด แต่ก็ว่าไปตามหลักวิชาการบริสุทธิ์ ไม่ได้เกลียดคนเขมรเป็นการส่วนตัวแต่อย่างใด มาวันนี้ ผมขอปรบมือสนั่นให้คนเขมร และขอเป็นกำลังใจให้ประสบผลสำเร็จในการพัฒนาอุตสาหกรรมรถยนต์ ให้พึ่งตัวเองให้ได้สักวัน
เมื่อ ๑๐ ปีก่อน ผมได้มีโอกาสไปแถลงโครงการวิจัยต่อหน่วยงานของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตอนท้ายพอเสนอเสร็จผมเลยฉวยโอกาสหักดิบกลางที่ประชุมออกนอกเรื่อง โดยเสนอว่ากระทรวงวิทย์ฯ น่าจะประกาศเป้าหมายว่าภายใน ๑๐ ปีจากนี้ไปประเทศไทยต้องผลิตเครื่องยนต์สี่สูบ ๑๖๐๐ ซีซี ให้ได้ โดยออกแบบเอง และผลิตชิ้นส่วนทุกชิ้นเองภายในประเทศ
โดยผมกระตุกด้วยว่า มันน่าอนาถใจที่ประเทศไทยเรามีคน ๖๐ ล้านคน มีเศรษฐกิจดี มี ดร.วิศวกรรมศาสตร์ วิทยาศาสตร์ มากพอๆ กับนายพลทหารสามเหล่าทัพรวมกัน แต่ทำไมป่านนี้ยังผลิตแม้เครื่องยนต์รถตัดหญ้าไม่ได้เลย ซึ่งสำหรับผม การผลิตเครื่องยนต์ได้ด้วยตนเองคือตัวชี้วัดที่สำคัญที่สุดของการเป็นอารยประเทศในด้านเทคโนโลยี (ส่วนอารยะด้านจิตวิญญาณก็อีกเรื่อง ก็คงต้องพัฒนาคู่กันไป)
อย่าว่าแต่เครื่องยนต์สี่สูบ วันนี้ปลั๊กไฟง่ายๆ ไทยเรายังผลิตให้ดีไม่ได้เลยครับ เสียบหลุดๆ โยกคลอนไปมา เกิดประกายไฟหวาดเสียว แม้เพียงจิ้งจกเดินผ่านไฟยังดับเพราะปลั๊กมันโยก หาปลั๊กแน่นๆ แบบอารยประเทศไม่ได้เลย ไม่ว่าจะพลิกแผ่นดินหาอย่างไรก็ตาม ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมเวลาไฟไหม้ตำรวจมักสรุปว่า เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรเสมอ
ส่วนก๊อกน้ำก็รั่ว และหมุนบิดไปมาเวลาเปิดปิด ลูกบิดประตูก็หลวมง่อกแง่ก สวิตช์ไฟก็กระโดกกระเดก ฝักบัวอาบน้ำก็หันหน้ากำหนดทิศทางไม่ได้ เพราะช่องเสียบมันหลวม ปากกาลูกลื่นก็ไม่ลื่นและหมึกแห้งก่อนหมด ไม้บรรทัดก็สีลอกมองสเกลไม่เห็น
มูลเหตุคือ ผมว่า เพราะวิศวกรเก่งๆ ดีๆ ไปเป็นขี้ข้าบริษัทต่างชาติหมดแล้ว เพราะพวกนี้เขาให้เงินเดือนดีพอควร (ทั้งที่ถูกกว่าแรงงานบ้านเขา 10 เท่า) จึงเหลือแต่พวกหางแถว ตกสำรวจ มาเป็นวิศวกรผลิตปลั๊กไฟฟ้ามาตรฐาน มอก. ไทย
มาเลย์เขาผลิตรถ proton มานานแล้ว วันนี้คุณภาพดีมากๆ ผมเกือบซื้อไปแล้ว คือ รุ่นจิ๋ว Savvy แต่เสียดายเงินที่มันแพงไปหน่อย ตั้งเกือบสี่แสน เลยไปซื้อรถเก่าสองแสนมาใช้ดีกว่า
วันนี้ดีใจแทนคนเขมร ที่มีการผลิตรถยนต์ออกมา แม้เทคโนส่วนใหญ่จะยังมาจากเมืองจีนก็ตาม แต่มันเป็นบันไดขั้นแรกที่สำคัญมากในการพัฒนาชาติ เพื่อไต่เต้าไปสู่การพึ่งตนเองในที่สุด อีกหน่อยคงผลิตรถถัง เรือบินได้เอง ก่อนไทยเป็นแน่
ส่วนไทยภายใต้นโยบายง่าวของรัฐบาลคงจะเป็นขี้ข้าต่างชาติไปชั่วกัลปาวสานเป็นแน่
ขอเสนอให้มาทำตลาดในไทยนะ ทำตลาดดีๆ คงมีคนซื้อมากหลาย เพราะไร้มลพิษ (รถไฟฟ้า) เสียงเงียบ ประหยัดพื้นที่ แถมพอมีอาเซียนแล้ว ไม่มีภาษี ก็ขายได้ในราคาแสนถูก
ยี่ห้อ “อังกอร์” ก็ฟังดูดีมากๆ เพราะนอกจากจะเป็น Ankor “นครวัด” (ที่สยามเป็นผู้สร้าง...ตามทฤษฎีที่ผมได้เขียนไว้มากแล้ว) แล้ว ยังเป็นคำกล่าวฝรั่ง(เศส) ที่ยังแปลได้ว่า “ขออีกที” (Encore ออกเสียงว่า อังกอร์ เป๊ะเลย ไม่รู้ว่าเขาตั้งใจหรือว่าบังเอิญ)
ท้ายสุดนี้ อยากเสนอให้รัฐบาลไทยหันมาให้ความสนใจโครงการ “รถคันสุดท้าย” บ้าง เพราะต้องซื้อใช้กันทุกคนอย่างแน่นอน มันคือ รถเข็นศพขึ้นเมรุเผาน่ะครับ อยากเห็นรัฐบาลมีโปรโมชันเด็ดๆ ให้คนรีบซื้อกันมากๆ โดยผู้ซื้อจะต้องมีคุณสมบัติเป็นคนที่ไม่เคยมีคุณงามความดีมาก่อน เช่น พวกโกงชาติโดยอาศัยธุรกิจการเมืองเป็นเครื่องมือ
อยากขอพรพระสยามเทวาธิราชเจ้าดลบันดาลให้ไอ้พวกโกงชาติเหล่านั้นมันได้มีโอกาสซื้อรถคันสุดท้ายกันเร็วๆ มากๆ ก่อนที่ชาติไทยจะถูกพวกมันล้างผลาญจนเพื่อนบ้านแซงหน้าเราไปหมดเสียก่อน