วานนี้ ( 2 ม.ค.) นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวตอนหนึ่งระหว่างเป็นประธาน การอบรมคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร และคณะกรรมการการเลือกตั้งท้องถิ่นกรุงเทพมหานคร เพื่อเตรียมการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) ว่า การเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ที่จะมีขึ้น ถือว่ามีความสำคัญที่สุดไม่น้อยกว่าการเลือกตั้ง ส.ส. จากการติดตามข่าวสารพบว่า มีการเปิดตัวผู้สมัคร และพรรคการเมืองให้ความสนใจ จึงเชื่อว่าการแข่งขันจะเป็นไปอย่างเข้มข้น ในส่วนกกต.ที่มีหน้าที่จัดการเลือกตั้ง ยืนยันว่าจะจัดการเลือกตั้งด้วยความเป็นกลาง สุจริต เที่ยงธรรม ซึ่งขณะนี้ กกต.ได้ออกระเบียบเกี่ยวกับวิธีการหาเสียงของผู้สมัครรับเลือกตั้งท้องถิ่นเพิ่มเติม สาระสำคัญ คือ ไม่ให้ผู้สมัครนำเรื่องของสถาบันฯ มาหาเสียง และอยู่ระหว่างการประกาศในราชกิจจานุเบกษา ที่คาดว่าจะใช้ได้ทันกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ที่จะมีขึ้น
นายประพันธ์ กล่าวด้วยว่า ดีใจที่ กกต.กทม.ตั้งเป้าผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งถึงร้อยละ 70 ส่วนตัวเห็นว่าถ้ามีผู้มาใช้สิทธิ์ เกินกว่าร้อยละ 60 ก็ดีใจแล้ว เพราะในอดีตที่ผ่านมา การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. มีผู้มาใช้สิทธิ์ไม่ถึงร้อยละ 60 ดังนั้นเมื่อคาดการณ์ว่า จะมีการแข่งขันกันมาก จึงอยากให้ผู้ที่เกี่ยวข้องพยายามรณรงค์จัดการเลือกตั้งให้มีผู้ออกมาใช้สิทธิ์ให้มาก เพราะจะทำให้การซื้อเสียงไม่เป็นผล
อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ที่ผ่านมา มักไม่มีการร้องเรียนทุจริตของผู้สมัครด้วยกัน แต่จะเป็นเรื่องการร้องเรียนการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ ทั้งในเรื่องการตั้งผู้ไม่มีคุณสมบัติเป็นกรรมการประจำหน่วย การวินิจฉัยบัตรดี บัตรเสียไม่ได้มาตราฐาน จึงขอให้ทาง กกต.กทม. ได้ฝึกอบรมให้เจ้าหน้าที่ปฎิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย อีกทั้งขอให้เน้นย้ำในเรื่องการอำนวยความสะดวกให้กับผู้มาใช้สิทธิ์ โดยเฉพาะกับผู้สูงอายุ และคนพิการ
นายประพันธ์ ยังกล่าวว่า ขณะนี้คงต้องรอดูว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร จะอยู่ครบวาระ หรือลาออกจากตำแหน่งก่อนครบวารระ เพราะมีผลต่อการกำหนดวันเลือกตั้งจะแตกต่างกัน หากอยู่ครบวาระกกต.จะต้องจัดการเลือกตั้งภายใน 45 วัน แต่หากลาออกก่อนครบวาระ กกต.จะต้องจัดการเลือกตั้งภายใน 60 วัน ซึ่งไม่ว่าจะตัดสินใจอย่างไร กกต.ก็เตรียมการไว้พร้อมหมดแล้ว
ทั้งนี้ยังได้ตั้งข้อสังเกตุว่า ภายหลังการเลือกตั้งตามระเบียบ กทม. กำหนดให้ผู้ว่าฯ กทม.ต้องเข้ารับตำแหน่งใหม่ภายใน 7 วัน นับแต่วันเลือกตั้ง แต่กฎหมายกกต. กำหนดให้ กกต.มีเวลาในการสืบสวนฯ กรณีมีการทุจริตภายใน 30 วัน ซึ่งที่ผ่านมา ไม่มีเรื่องร้องเรียน ทำให้กกต.สามารถประกาศรับรองผลได้เร็ว แต่ในครั้งนี้ ที่คาดว่าจะมีการแข่งขันสูง ก็เกรงว่าจะมีเรื่องร้องเรียน ที่ทำให้กกต.ไม่สามารถประกาศรับรองผลได้ภายใน 7 วัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการประชุมดังกล่าว ทางกรุงเทพมหานคร ได้รายการให้ทราบว่าการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ครั้งนี้ จะใช้งบประมาณ 165 ล้านบาท และได้เตรียมงบฯสำหรับการประชาสัมพันธ์ 20 ล้านบาท
นายประพันธ์ ยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีผู้ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯ กทม.ว่า ควรปฎิบัติตนอย่างไร ขณะนี้ยังไม่มีการประกาศให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. แต่คิดผู้ที่จะลงสมัครย่อมต้องรู้อยู่แล้ว ว่าควรทำอะไร ไม่ควรทำอะไร ซึ่งตนไม่มีข้อเสนอแนะ
นายประพันธ์ กล่าวด้วยว่า ดีใจที่ กกต.กทม.ตั้งเป้าผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งถึงร้อยละ 70 ส่วนตัวเห็นว่าถ้ามีผู้มาใช้สิทธิ์ เกินกว่าร้อยละ 60 ก็ดีใจแล้ว เพราะในอดีตที่ผ่านมา การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. มีผู้มาใช้สิทธิ์ไม่ถึงร้อยละ 60 ดังนั้นเมื่อคาดการณ์ว่า จะมีการแข่งขันกันมาก จึงอยากให้ผู้ที่เกี่ยวข้องพยายามรณรงค์จัดการเลือกตั้งให้มีผู้ออกมาใช้สิทธิ์ให้มาก เพราะจะทำให้การซื้อเสียงไม่เป็นผล
อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ที่ผ่านมา มักไม่มีการร้องเรียนทุจริตของผู้สมัครด้วยกัน แต่จะเป็นเรื่องการร้องเรียนการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ ทั้งในเรื่องการตั้งผู้ไม่มีคุณสมบัติเป็นกรรมการประจำหน่วย การวินิจฉัยบัตรดี บัตรเสียไม่ได้มาตราฐาน จึงขอให้ทาง กกต.กทม. ได้ฝึกอบรมให้เจ้าหน้าที่ปฎิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย อีกทั้งขอให้เน้นย้ำในเรื่องการอำนวยความสะดวกให้กับผู้มาใช้สิทธิ์ โดยเฉพาะกับผู้สูงอายุ และคนพิการ
นายประพันธ์ ยังกล่าวว่า ขณะนี้คงต้องรอดูว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร จะอยู่ครบวาระ หรือลาออกจากตำแหน่งก่อนครบวารระ เพราะมีผลต่อการกำหนดวันเลือกตั้งจะแตกต่างกัน หากอยู่ครบวาระกกต.จะต้องจัดการเลือกตั้งภายใน 45 วัน แต่หากลาออกก่อนครบวาระ กกต.จะต้องจัดการเลือกตั้งภายใน 60 วัน ซึ่งไม่ว่าจะตัดสินใจอย่างไร กกต.ก็เตรียมการไว้พร้อมหมดแล้ว
ทั้งนี้ยังได้ตั้งข้อสังเกตุว่า ภายหลังการเลือกตั้งตามระเบียบ กทม. กำหนดให้ผู้ว่าฯ กทม.ต้องเข้ารับตำแหน่งใหม่ภายใน 7 วัน นับแต่วันเลือกตั้ง แต่กฎหมายกกต. กำหนดให้ กกต.มีเวลาในการสืบสวนฯ กรณีมีการทุจริตภายใน 30 วัน ซึ่งที่ผ่านมา ไม่มีเรื่องร้องเรียน ทำให้กกต.สามารถประกาศรับรองผลได้เร็ว แต่ในครั้งนี้ ที่คาดว่าจะมีการแข่งขันสูง ก็เกรงว่าจะมีเรื่องร้องเรียน ที่ทำให้กกต.ไม่สามารถประกาศรับรองผลได้ภายใน 7 วัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการประชุมดังกล่าว ทางกรุงเทพมหานคร ได้รายการให้ทราบว่าการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ครั้งนี้ จะใช้งบประมาณ 165 ล้านบาท และได้เตรียมงบฯสำหรับการประชาสัมพันธ์ 20 ล้านบาท
นายประพันธ์ ยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีผู้ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯ กทม.ว่า ควรปฎิบัติตนอย่างไร ขณะนี้ยังไม่มีการประกาศให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. แต่คิดผู้ที่จะลงสมัครย่อมต้องรู้อยู่แล้ว ว่าควรทำอะไร ไม่ควรทำอะไร ซึ่งตนไม่มีข้อเสนอแนะ