ASTVผู้จัดการรายวัน - สรุปอุบัติเหตุปีใหม่ 5 วันอันตราย ตายแล้ว 254 ศพ บาดเจ็บ 2,454 คน นครปฐมดับมากสุด 12 ศพ ส่วนเชียงใหม่ ครองแชมป์เกิดอุบัติเหตุและผู้บาดเจ็บมากสุด ขณะที่ “ชุมพร” วันเดียวตาย6เจ็บ10 ส่วนโคราชวันที่5ดับแล้ว10ราย ตำรวจระดมกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 1,000 นาย รับมือวันกลับกทม. ขนส่งจังหวัดโคราชเพิ่มรถ 400 เที่ยว รถไฟถูกจองยาวถึง 5 ม.ค. คุมเข้มแท็กซี่เก็บเงินตามมิเตอร์
วานนี้ (1 ม.ค.) ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2556 โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สรุปอุบัติเหตุบนท้องถนน ตั้งแต่วันที่ 27-31 ธ.ค. 2555 รวม 5 วัน ว่าได้เกิดอุบัติเหตุขึ้น 2,351 ครั้ง ทำให้มีผู้เสียชีวิต 254 ราย และบาดเจ็บ 2,454 คน ส่วนอุบัติเหตุ ประจำวันที่ 31 ธ.ค. 2555 เกิดขึ้น 524 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 52 ราย
ทั้งนี้ จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ นครปฐม 12 ราย จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บและอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ บาดเจ็บ 105 คน อุบัติเหตุรวม 104 ครั้ง ส่วนจังหวัดที่ไม่เกิดอุบัติเหตุในช่วง 5 วัน ได้แก่ ตราด จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิตในช่วง 5 วัน รวม 11 จังหวัด ได้แก่ น่าน อุตรดิตถ์ อุทัยธานี นครพนม หนองคาย ตราด นครนายก อ่างทอง ตรัง พังงา และระนอง
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า วันที่ 1 เป็นสุดท้ายของวันหยุดยาวช่วงเทศกาลปีใหม่ 2556 ประชาชนส่วนใหญ่จะเดินทางกลับจากภูมิลำเนาและท่องเที่ยว จึงได้สั่งการให้ทุกจังหวัดปรับแผนการปฏิบัติงานให้สอดคล้องกับสภาพการจราจร เพื่อรองรับการเดินทางกลับของประชาชน โดยเน้นการจัดตั้งจุดตรวจบนถนนสายหลัก เรียกตรวจผู้ขับขี่ที่กระทำผิดกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด พร้อมกวดขันพนักงานขับรถโดยสารสาธารณะทุกประเภทต้องมีระดับแอลกอฮอล์เป็นศูนย์
สำหรับจังหวัดที่เป็นเส้นทางหลักไปยังภูมิภาคต่างๆ โดยเฉพาะเส้นทางที่มุ่งสู่กรุงเทพมหานคร ให้เตรียมช่องทางพิเศษและจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังตามจุดเสี่ยงจุดอันตราย เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางแก่ผู้ใช้รถใช้ถนน และขอให้ประชาชนวางแผนการเดินทางและตรวจสอบเส้นทางจราจร พร้อมทั้งหลีกเลี่ยงเส้นทางที่มีการจราจรหนาแน่น กรณีประสบอุบัติเหตุให้แจ้งขอความช่วยเหลือทางสายด่วน 1669 ซึ่งสามารถเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลทุกแห่ง โดยไม่ต้องแจ้งสิทธิการรักษา
**ชุมพร สยอง วันเดียวตาย6เจ็บ10
พ.ต.อ.ภคพล ทวิชศรี ผกก.สภ.หลังสวน จ.ชุมพร เปิดเผยว่า ได้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงในพื้นที่ 2 รายซ้อน โดยรายแรก เหตุเกิดที่บริเวณใกล้กับ สถานีขนส่ง อ.หลังสวน จ.ชุมพร โดยที่เกิดเหตุพบกระบะ ชนกับรถทัวร์ สายกระบี่ - กทม. ขาล่องไปภาคใต้ สภาพพังยับเยิน พบศพในที่เกิด 3 ศพ และเสียชีวิตที่ ร.พ.หลังสวน อีก 1 ราย และมาเสียชีวิตเพิ่มเติมอีก 1 ราย ระหว่างนำส่ง ร.พ. รวมเสียชีวิตทั้งหมด 5 ราย และบาดเจ็บอีก 5 ราย ส่วนคนขับรถทัวร์ บาดเจ็บเล็กน้อย จากการสอบสวนทราบว่า รถกระบะคันกล่าว ขับย้อนศรมาด้วยความเร็ว เพื่อไล่ตามคู่อริ ที่ขี่ จยย. ย้อยศร มาเช่นกัน จนเกิดอุบัติเหตุสยองดังกล่าว
ส่วนอีกเหตุหนึ่ง เกิดขึ้นที่ ต.บ้านครวน อ.หลังสวน เป็นทางโค้งลงเนิน กระบะ ขับมาด้วยความเร็ว สูง แหกโค้ง ทำให้ไปชนต้นไม้ จนกระบะขาดสองท่อน มีผู้เสียชีวิตทันที 1 นาย บาดเจ็บอีก 5 นาย โดยทั้งหมดเป็นทหาร ที่กำลังจะเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
***โคราชวันที่5ดับแล้ว10ราย
นายวัลลภ เทพภักดี ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 5 นครราชสีมา สรุปผลการดำเนินงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2556 พื้นที่ 4 จังหวัดเขตความรับผิดชอบ คือ นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์และสุรินทร์ (ข้อมูลจากรายงานของศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนระดับจังหวัด) ระหว่างวันที่ 27 - 31 ธันวาคม 2555 รวม 5 วัน เกิดอุบัติเหตุ 166 ครั้ง (เปรียบเทียบกับปีใหม่ 2555 เพิ่มขึ้น 11 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 172 ผู้เสียชีวิต 25 คน โดย จังหวัดนครราชสีมา เกิดอุบัติเหตุ 48 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 42 คน เสียชีวิต 10 คน บุรีรัมย์ เกิดอุบัติเหตุ 67 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 72 คน เสียชีวิต 9 คน สุรินทร์ เกิดอุบัติเหตุ 50 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 58 คน เสียชีวิต 5 คน ชัยภูมิ เกิดอุบัติเหตุ 1 ครั้ง ไม่มีผู้บาดเจ็บ เสียชีวิต 1 คน สาเหตุการเกิดอุบัติเหตุมากที่สุดคือ เมาสุราแล้วขับขี่ รองลงมาได้แก่ ความเร็วเกินกำหนด และการตัดหน้าในระยะกระชั้นชิด ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุมากที่สุดคือ รถจักรยานยนต์ รองมาได้แก่ รถปิกอัพและรถเก๋ง มูลค่าความเสียหายประมาณ 46,285,689 บาท
***อ่างทองกระบะชน4คันรวดตาย3เจ็บ11
ขณะที่จังหวัดอ่างทอง ได้เกิดเหตุบนถนนสายอ่างทอง-สิงห์บุรี (สายเก่า) หมู่ที่ 6 ต.เทวราช อ.ไชโย จ.อ่างทอง ใกล้กับสถานีวิทยุชุมชนเกษไชโย รถกระบะที่เกิดเหตุ ยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ 4 ประตู สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน กค-8263 อ่างทอง ในสภาพพังยับเยิน ภายในรถมีผู้บาดเจ็บทั้งสิ้น 5 คน ติดอยู่ภายในจำนวน 1 ราย เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องใช้เครื่องตัดถ่างนำร่างออกมาและนำส่งโรงพยาบาล นอกจากนั้นรถคันดังกล่าวมีเด็กหญิงวัย 2 เดือน กระเด็นออกมาอยู่นอกรถ แพทย์และพยาบาลนำส่งโรงพยาบาลอ่างทอง และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ติดกันพบรถกระบะ ยี่ห้อโตโยต้า แคป สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน บจ-6882 อ่างทอง ในสภาพพังยับ มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตติดอยู่ภายในรถ จำนวน 3 ราย ผู้ขับขี่เสียชีวิตคือ น.ส.ปราณี วงษ์สิงโต อายุ 54 ปี บ้านเลขที่ 12/9 ถ.อ่างทอง-สิงห์บุรี ต.ตลาดหลวง อ.เมือง จ.อ่างทอง เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ และ นางสำเริง อเนกลาภ อายุ 51 ปี ไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลอ่างทอง
นอกจากนั้น ยังพบรถกระบะอีซูซุ แคป สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน บท-8216 นครปฐม มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 ราย ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลไชโย ห่างไปอีกไม่ไกลพบรถอีซูซุ หมายเลขทะเบียน กต-913 ลพบุรี มีผู้บาดเจ็บจำนวน 2 ราย รวมทั้งสิ้นมีผู้เสียชีวิต จำนวน 3 ราย บาดเจ็บจำนวน 11 ราย
**ระยอง ตายแล้ว 8 พ่อเมืองสั่งเข้มจุดตรวจ
ที่จังหวัดระยอง สรุปผลการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2556 ประจำวันที่ 31 ธ.ค. 55 เกิดอุบัติเหตุรวม 5 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 2 ราย รายแรกเป็นหญิง ทราบชื่อคือ น.ส.อมรรัตน์ แก้วงาม อายุ 19 ปี เกิดอุบัติเหตุจักรยานยนต์เสียหลักล้ม บนถนนหนองมะปริง-ปากแพรก ต.แม่น้ำคู้ อ.ปลวกแดง เหตุเกิดเวลา 02.00 น. รายที่สอง ทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ นางดวงใจ ดวงเพชรแสง อายุ 39 ปี เหตุเกิดเวลา 03.00 น. บริเวณถนนสาย 36 ต.ทับมา อ.เมืองระยอง เกิดจาก รถยนต์กระบะ ชนรถจักรยานยนต์ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 5 ราย ทั้งนี้ สรุปรวมการเกิดอุบัติเหตุ ตั้งแต่วันที่ 27 ธ.ค. 55 - 31 ม.ค. 55 รวม 15 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ 14 ราย ตายแล้ว 8 ราย
นายวิชิต ชาตไพสิฐ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง กล่าวว่า การเกิดอุบัติเหตุดังกล่าวส่วนใหญ่จะเกิดช่วงเวลา 01.00-04.00 น. ซึ่งสาเหตุเกิดจากการขับขี่รถจักรยานยนต์ด้วยความเร็ว ไม่สวมหมวกกันน็อค เมาแล้วขับ และไม่เคารพกฎจราจร โดยมักเกิดในถนนสายรอง ในเบื้องต้นได้สั่งการให้ทุกอำเภอ โดยเฉพาะพื้นที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง เช่น อ.แกลง อ.เมือง และ อ.ปลวกแดง ให้บูรณาการทำงานร่วมกันกับสถานีตำรวจในพื้นที่ โดยเข้มงวดในการตรวจตราผู้ขับขี่รถในช่วงเวลาที่เกิดเหตุบ่อยครั้ง และในถนนสายรอง ซึ่งเป็นถนนสายที่กลุ่มนักเที่ยว และประชาชนใช้เป็นเส้นทางหลีกเลี่ยงในการถูกตรวจตราบนถนนสายหลัก ทั้งนี้ให้ดำเนินการตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เพื่อป้องกันคนเจ็บและตายเพิ่มขึ้น
** ระดมกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 1,000 นาย รับมือ
พลตำรวจตรี ปิยะ ต๊ะวิชัย ผู้บังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) กล่าวถึง มาตรการรองรับประชาชนเข้าสู่กรุงเทพมหานคร หลังเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ ว่า ในวันที่ 1- 2 มกราคม 2556 ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 1,000 นาย คอยอำนวยความสะดวก โดยจะประมวลข้อมูลการจราจรขาเข้าจากกล้องวงจรปิด ซึ่งติดตั้งอยู่ที่ประตูทางเข้ากรุงเทพมหานคร ทั้ง 4 เส้นทาง ประกอบด้วย ถนนวิภาวดี ถนนบางนา-ตราด ถนนพระราม 2 และถนนบรมราชชนนี โดยคาดว่าการจราจรจะหนาแน่นตั้งแต่วันนี้จนถึงวันพรุ่งนี้
นอกจากนี้ ยังได้ประสานตำรวจท้องที่ เข้าไปดูแลการจราจรในเส้นทางที่มีลักษณะเป็นคอขวด และมีการรับส่งผู้โดยสารจำนวนมาก ประกอบด้วย สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ หรือ หมอชิต 2 สถานีขนส่งเอกมัย และสถานีขนส่งสายใต้ พร้อมบูรณาการร่วมกับบริษัทขนส่ง จำกัด (มหาชน) และสมาคมชมรมรถแท็กซี่ในกรุงเทพมหานคร จัดเตรียมรถสาธารณะให้มีจำนวนเพียงพอ เพื่อรองรับผู้โดยสารที่เดินทางเข้ากรุงเทพมหานคร ในช่วง 1-2 วันนี้
***ศปถ.สั่งจังหวัดเข้มสายหลัก-พขร.โดยสาร
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน(ศปถ.) ได้สั่งการให้จังหวัด ปรับแผนการปฏิบัติงานให้สอดคล้องกับสภาพการจราจร โดยเน้นการจัดตั้งจุดตรวจบนถนนสายหลัก เรียกตรวจผู้ขับขี่ที่กระทำผิดกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด พร้อมกวดขันพนักงานขับรถโดยสารสาธารณะในทุกประเภท ต้องมีระดับแอลกอฮอล์เป็นศูนย์
สำหรับจังหวัดที่เป็นเส้นทางหลัก ให้เตรียมช่องทางพิเศษ และจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังประจำจุดเสี่ยง เพื่ออำนวยความสะดวก ในการเดินทางกลับของพี่น้องประชาชนในแต่ละเส้นทาง
***บขส.คาดวันนี้ปชช.ทยอยเข้ากรุง3แสนคน
นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เปิดเผยว่า คาดเว่าจะมีประชาชนเดินทางกลับจากภูมิลำเนาในช่วงเทศกาลปีใหม่ ไม่น้อยกว่า 3 แสนคน และนอกจากนี้ ประชาชนเข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่งผลให้ขณะนี้ เกิดปัญหาแท็กซี่ไม่เพียงพอกับความต้องการของผู้ใช้บริการ ทาง บขส. ยังมีการประสานงานไปยังสมาคมรถแท็กซี่ต่างๆ และ ขสมก. ในการจัดหารถมาอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการ
ทั้งนี้การเดินทางของประชาชนและช่วงเทศกาลปีใหม่ ปีนี้พบว่าจำนวนน้อยลงกว่าปีที่ผ่านมา หรือประมาณ 1.3 ล้านคน ซึ่งเมื่อเทียบกับปีก่อนอยู่ที่ 1.5 ล้านคน ทั้งนี้อาจมีสาเหตุจากนโยบายด้วยรถคันแรกของรัฐบาลและประชาชนต้องการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลมากกว่ารถโดยสารสาธารณะ
*** ขนส่งจังหวัดโคราชเพิ่มรถ 400 เที่ยว
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการเดินทางกลับเข้าทำงานกรุงเทพฯ ของประชาชนชาวอีสาน หลังเสร็จสิ้นการฉลองเทศกาลปีใหม่ โดยที่บรรยากาศที่สถานีขนส่งนครราชสีมา ทั้ง 2 แห่ง ขณะนี้เต็มไปด้วยประชาชนที่หอบกระเป๋าสัมภาระและของฝากเดินทางมาซื้อตั๋ว เพื่อรอขึ้นรถโดยสารกลับไปทำงานที่กรุงเทพฯ เป็นจำนวนมาก จนแน่นสถานีขนส่ง ซึ่งขณะเดียวกันบริษัทรถบัสโดยสารได้นำแผ่นป้ายมีข้อความว่า งดจำหน่ายตั๋วโดยสารชั่วคราว
เนื่องจาก ตั๋วที่ได้จำหน่ายให้กับประชาชนที่มาซื้อตั๋วล่วงหน้าหมดลง ตั๋วรถบัสโดยสาร ยังไม่สามารถติดรถกลับมารับผู้โดยสารที่สถานีขนส่งโคราชได้ เนื่องจากรถโดยสารจะต้องใช้ระยะเวลาในการเดินทางที่นานกว่าปกติ เนื่องจากสภาพการจราจรที่ติดขัด โดยเฉพาะช่วงที่บริเวณขึ้นเขาที่ อ.สีคิ้ว และ อ.ปากช่อง
ล่าสุดขนส่งจังหวัดนครราชสีมา สั่งเพิ่มเที่ยวรถ สายนครราชสีมา-กรุงเทพฯ จากเดิมกว่า 200 เที่ยว เพิ่มเป็นกว่า 400 เที่ยว พร้อมได้สั่งเสริมรถโดยสารปรับอากาศไม่ประจำทาง (รถทัวร์ท่องเที่ยว) อีกจำนวน 80 คัน เพื่อเร่งระบายรับผู้โดยสารออกจากสถานีขนส่งทั้งนี้ประเมินว่า ตลอดทั้งวันนี้จะมีประชาชนเดินทางมาใช้บริการที่สถานีขนส่งผู้โดยสารนครราชสีมาทั้ง 2 แห่ง รวม 30,000 คน
***รถไฟสายใต้จองยาวถึง 5 ม.ค.
บรรยากาศที่สถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่ จ.สงขลา ขบวนรถไฟเส้นทางไปกลับกรุงเทพฯ-หาดใหญ่-3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทุกขบวน ทั้งขบวนรถสายยาว และขบวนรถท้องถิ่น มีผู้โดยสารเดินทางอย่างเนืองแน่นตลอดทั้งวันและเต็มทุกขบวน เพื่อจะกลับภูมิลำเนา และให้ทันกับการเริ่มต้นทำงานในวันพรุ่งนี้ โดยเฉพาะรถไฟสายยาว ไปกลับกรุงเทพฯ ทุกขบวนตั๋วโดยสารชั้น 1 ถูกจองเต็มล่วงหน้าไปจนถึงวันที่ 5 มกราคม เหลือเฉพาะชั้น 2 และชั้น 3 รวมทั้งรถไฟฟรี อย่างไรก็ตาม ทางศูนย์ภาคใต้การรถไฟฯ ยืนยันว่าจะไม่มีปัญหาผู้โดยสารตกค้างในเส้นทางไปกลับกรุงเทพฯ เนื่องจากได้มีการเสริมตู้โบกี้เต็มพิกัดการลากจูงทุกขบวน เพื่อให้เพียงพอกับจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น
*** คุมเข้มแท็กซี่เก็บเงินตามมิเตอร์
วานนี้ (1 ม.ค.) ที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร) ขาเข้า พล.ต.ท.เรืองศักดิ์ จริตเอก ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบก.จร. พร้อมด้วยคุณวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้จัดการใหญ่บริษัท ขนส่ง จำกัด ได้ร่วมกับสมาคมแท็กซี่แห่งประเทศไทย ทำพันธสัญญากับแท็กซี่จิตอาสา ให้บริการกับประชาชนที่สถานีขนส่งหมอชิต, สถานีขนส่งสายใต้, สถานีขนส่งเอกมัย ตามโครงการ “แท็กซี่ใจดี” บริการประชาชน 24 ชั่วโมง
พล.ต.ท.เรืองศักดิ์เปิดเผยว่า ตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ได้เห็นความเดือดร้อนของประชาชนที่เดินทางสัญจรด้วยความลำบาก จึงได้ร่วมมือกับสมาคมแท็กซี่แห่งประเทศไทยทั่วประเทศ ซึ่งเป็นแท็กซี่จิตอาสากว่า 2,000 คัน ร่วมทำสัญญาประชาคมต้องมีจิตอาสา ตั้งสัตย์ปฏิญาณว่าจะไม่ปฏิเสธในการรับผู้โดยสาร คิดราคาค่าบริการทั้งชาวไทยและต่างชาติตามมิเตอร์ และได้เน้นย้ำให้ผู้ขับขี่รถแท็กซี่ทุกคนมีจิตสำนึกในการให้บริการประชาชน ทั้งในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้และเวลาปกติ โครงการจะเริ่มตั้งแต่วันนี้ (1 ม.ค. 56) เป็นวันแรกจนหมดเทศกาลและต่อไป
พล.ต.ท.เรืองศักดิ์กล่าวอีกว่า ในส่วนแท็กซี่ที่ยังคงปฏิเสธผู้โดยสารรวมถึงคิดราคาค่าโดยสารเกินจริง ได้มีมาตรการให้เจ้าหน้าที่ตรวจขัน ซึ่งอาจถูกจับกุมตามความผิด พ.ร.บ.จราจร พ.ศ. 2522 มาตรา 93 ปรับไม่เกิน 1,000 บาท โทษทางปกครองตัดคะแนน 20 คะแนน และยึดพักใช้ใบอนุญาตขับขี่จำนวน 15 วัน ซึ่งเป็นโครงการที่ฝากความยินดีมอบเป็นของขวัญปีใหม่รับประชาชนกลับบ้านอีกด้วย
วานนี้ (1 ม.ค.) ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2556 โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สรุปอุบัติเหตุบนท้องถนน ตั้งแต่วันที่ 27-31 ธ.ค. 2555 รวม 5 วัน ว่าได้เกิดอุบัติเหตุขึ้น 2,351 ครั้ง ทำให้มีผู้เสียชีวิต 254 ราย และบาดเจ็บ 2,454 คน ส่วนอุบัติเหตุ ประจำวันที่ 31 ธ.ค. 2555 เกิดขึ้น 524 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 52 ราย
ทั้งนี้ จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ นครปฐม 12 ราย จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บและอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ บาดเจ็บ 105 คน อุบัติเหตุรวม 104 ครั้ง ส่วนจังหวัดที่ไม่เกิดอุบัติเหตุในช่วง 5 วัน ได้แก่ ตราด จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิตในช่วง 5 วัน รวม 11 จังหวัด ได้แก่ น่าน อุตรดิตถ์ อุทัยธานี นครพนม หนองคาย ตราด นครนายก อ่างทอง ตรัง พังงา และระนอง
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า วันที่ 1 เป็นสุดท้ายของวันหยุดยาวช่วงเทศกาลปีใหม่ 2556 ประชาชนส่วนใหญ่จะเดินทางกลับจากภูมิลำเนาและท่องเที่ยว จึงได้สั่งการให้ทุกจังหวัดปรับแผนการปฏิบัติงานให้สอดคล้องกับสภาพการจราจร เพื่อรองรับการเดินทางกลับของประชาชน โดยเน้นการจัดตั้งจุดตรวจบนถนนสายหลัก เรียกตรวจผู้ขับขี่ที่กระทำผิดกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด พร้อมกวดขันพนักงานขับรถโดยสารสาธารณะทุกประเภทต้องมีระดับแอลกอฮอล์เป็นศูนย์
สำหรับจังหวัดที่เป็นเส้นทางหลักไปยังภูมิภาคต่างๆ โดยเฉพาะเส้นทางที่มุ่งสู่กรุงเทพมหานคร ให้เตรียมช่องทางพิเศษและจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังตามจุดเสี่ยงจุดอันตราย เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางแก่ผู้ใช้รถใช้ถนน และขอให้ประชาชนวางแผนการเดินทางและตรวจสอบเส้นทางจราจร พร้อมทั้งหลีกเลี่ยงเส้นทางที่มีการจราจรหนาแน่น กรณีประสบอุบัติเหตุให้แจ้งขอความช่วยเหลือทางสายด่วน 1669 ซึ่งสามารถเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลทุกแห่ง โดยไม่ต้องแจ้งสิทธิการรักษา
**ชุมพร สยอง วันเดียวตาย6เจ็บ10
พ.ต.อ.ภคพล ทวิชศรี ผกก.สภ.หลังสวน จ.ชุมพร เปิดเผยว่า ได้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงในพื้นที่ 2 รายซ้อน โดยรายแรก เหตุเกิดที่บริเวณใกล้กับ สถานีขนส่ง อ.หลังสวน จ.ชุมพร โดยที่เกิดเหตุพบกระบะ ชนกับรถทัวร์ สายกระบี่ - กทม. ขาล่องไปภาคใต้ สภาพพังยับเยิน พบศพในที่เกิด 3 ศพ และเสียชีวิตที่ ร.พ.หลังสวน อีก 1 ราย และมาเสียชีวิตเพิ่มเติมอีก 1 ราย ระหว่างนำส่ง ร.พ. รวมเสียชีวิตทั้งหมด 5 ราย และบาดเจ็บอีก 5 ราย ส่วนคนขับรถทัวร์ บาดเจ็บเล็กน้อย จากการสอบสวนทราบว่า รถกระบะคันกล่าว ขับย้อนศรมาด้วยความเร็ว เพื่อไล่ตามคู่อริ ที่ขี่ จยย. ย้อยศร มาเช่นกัน จนเกิดอุบัติเหตุสยองดังกล่าว
ส่วนอีกเหตุหนึ่ง เกิดขึ้นที่ ต.บ้านครวน อ.หลังสวน เป็นทางโค้งลงเนิน กระบะ ขับมาด้วยความเร็ว สูง แหกโค้ง ทำให้ไปชนต้นไม้ จนกระบะขาดสองท่อน มีผู้เสียชีวิตทันที 1 นาย บาดเจ็บอีก 5 นาย โดยทั้งหมดเป็นทหาร ที่กำลังจะเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
***โคราชวันที่5ดับแล้ว10ราย
นายวัลลภ เทพภักดี ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 5 นครราชสีมา สรุปผลการดำเนินงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2556 พื้นที่ 4 จังหวัดเขตความรับผิดชอบ คือ นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์และสุรินทร์ (ข้อมูลจากรายงานของศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนระดับจังหวัด) ระหว่างวันที่ 27 - 31 ธันวาคม 2555 รวม 5 วัน เกิดอุบัติเหตุ 166 ครั้ง (เปรียบเทียบกับปีใหม่ 2555 เพิ่มขึ้น 11 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 172 ผู้เสียชีวิต 25 คน โดย จังหวัดนครราชสีมา เกิดอุบัติเหตุ 48 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 42 คน เสียชีวิต 10 คน บุรีรัมย์ เกิดอุบัติเหตุ 67 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 72 คน เสียชีวิต 9 คน สุรินทร์ เกิดอุบัติเหตุ 50 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 58 คน เสียชีวิต 5 คน ชัยภูมิ เกิดอุบัติเหตุ 1 ครั้ง ไม่มีผู้บาดเจ็บ เสียชีวิต 1 คน สาเหตุการเกิดอุบัติเหตุมากที่สุดคือ เมาสุราแล้วขับขี่ รองลงมาได้แก่ ความเร็วเกินกำหนด และการตัดหน้าในระยะกระชั้นชิด ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุมากที่สุดคือ รถจักรยานยนต์ รองมาได้แก่ รถปิกอัพและรถเก๋ง มูลค่าความเสียหายประมาณ 46,285,689 บาท
***อ่างทองกระบะชน4คันรวดตาย3เจ็บ11
ขณะที่จังหวัดอ่างทอง ได้เกิดเหตุบนถนนสายอ่างทอง-สิงห์บุรี (สายเก่า) หมู่ที่ 6 ต.เทวราช อ.ไชโย จ.อ่างทอง ใกล้กับสถานีวิทยุชุมชนเกษไชโย รถกระบะที่เกิดเหตุ ยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ 4 ประตู สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน กค-8263 อ่างทอง ในสภาพพังยับเยิน ภายในรถมีผู้บาดเจ็บทั้งสิ้น 5 คน ติดอยู่ภายในจำนวน 1 ราย เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องใช้เครื่องตัดถ่างนำร่างออกมาและนำส่งโรงพยาบาล นอกจากนั้นรถคันดังกล่าวมีเด็กหญิงวัย 2 เดือน กระเด็นออกมาอยู่นอกรถ แพทย์และพยาบาลนำส่งโรงพยาบาลอ่างทอง และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ติดกันพบรถกระบะ ยี่ห้อโตโยต้า แคป สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน บจ-6882 อ่างทอง ในสภาพพังยับ มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตติดอยู่ภายในรถ จำนวน 3 ราย ผู้ขับขี่เสียชีวิตคือ น.ส.ปราณี วงษ์สิงโต อายุ 54 ปี บ้านเลขที่ 12/9 ถ.อ่างทอง-สิงห์บุรี ต.ตลาดหลวง อ.เมือง จ.อ่างทอง เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ และ นางสำเริง อเนกลาภ อายุ 51 ปี ไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลอ่างทอง
นอกจากนั้น ยังพบรถกระบะอีซูซุ แคป สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน บท-8216 นครปฐม มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 ราย ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลไชโย ห่างไปอีกไม่ไกลพบรถอีซูซุ หมายเลขทะเบียน กต-913 ลพบุรี มีผู้บาดเจ็บจำนวน 2 ราย รวมทั้งสิ้นมีผู้เสียชีวิต จำนวน 3 ราย บาดเจ็บจำนวน 11 ราย
**ระยอง ตายแล้ว 8 พ่อเมืองสั่งเข้มจุดตรวจ
ที่จังหวัดระยอง สรุปผลการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2556 ประจำวันที่ 31 ธ.ค. 55 เกิดอุบัติเหตุรวม 5 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 2 ราย รายแรกเป็นหญิง ทราบชื่อคือ น.ส.อมรรัตน์ แก้วงาม อายุ 19 ปี เกิดอุบัติเหตุจักรยานยนต์เสียหลักล้ม บนถนนหนองมะปริง-ปากแพรก ต.แม่น้ำคู้ อ.ปลวกแดง เหตุเกิดเวลา 02.00 น. รายที่สอง ทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ นางดวงใจ ดวงเพชรแสง อายุ 39 ปี เหตุเกิดเวลา 03.00 น. บริเวณถนนสาย 36 ต.ทับมา อ.เมืองระยอง เกิดจาก รถยนต์กระบะ ชนรถจักรยานยนต์ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 5 ราย ทั้งนี้ สรุปรวมการเกิดอุบัติเหตุ ตั้งแต่วันที่ 27 ธ.ค. 55 - 31 ม.ค. 55 รวม 15 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ 14 ราย ตายแล้ว 8 ราย
นายวิชิต ชาตไพสิฐ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง กล่าวว่า การเกิดอุบัติเหตุดังกล่าวส่วนใหญ่จะเกิดช่วงเวลา 01.00-04.00 น. ซึ่งสาเหตุเกิดจากการขับขี่รถจักรยานยนต์ด้วยความเร็ว ไม่สวมหมวกกันน็อค เมาแล้วขับ และไม่เคารพกฎจราจร โดยมักเกิดในถนนสายรอง ในเบื้องต้นได้สั่งการให้ทุกอำเภอ โดยเฉพาะพื้นที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง เช่น อ.แกลง อ.เมือง และ อ.ปลวกแดง ให้บูรณาการทำงานร่วมกันกับสถานีตำรวจในพื้นที่ โดยเข้มงวดในการตรวจตราผู้ขับขี่รถในช่วงเวลาที่เกิดเหตุบ่อยครั้ง และในถนนสายรอง ซึ่งเป็นถนนสายที่กลุ่มนักเที่ยว และประชาชนใช้เป็นเส้นทางหลีกเลี่ยงในการถูกตรวจตราบนถนนสายหลัก ทั้งนี้ให้ดำเนินการตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เพื่อป้องกันคนเจ็บและตายเพิ่มขึ้น
** ระดมกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 1,000 นาย รับมือ
พลตำรวจตรี ปิยะ ต๊ะวิชัย ผู้บังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) กล่าวถึง มาตรการรองรับประชาชนเข้าสู่กรุงเทพมหานคร หลังเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ ว่า ในวันที่ 1- 2 มกราคม 2556 ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 1,000 นาย คอยอำนวยความสะดวก โดยจะประมวลข้อมูลการจราจรขาเข้าจากกล้องวงจรปิด ซึ่งติดตั้งอยู่ที่ประตูทางเข้ากรุงเทพมหานคร ทั้ง 4 เส้นทาง ประกอบด้วย ถนนวิภาวดี ถนนบางนา-ตราด ถนนพระราม 2 และถนนบรมราชชนนี โดยคาดว่าการจราจรจะหนาแน่นตั้งแต่วันนี้จนถึงวันพรุ่งนี้
นอกจากนี้ ยังได้ประสานตำรวจท้องที่ เข้าไปดูแลการจราจรในเส้นทางที่มีลักษณะเป็นคอขวด และมีการรับส่งผู้โดยสารจำนวนมาก ประกอบด้วย สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ หรือ หมอชิต 2 สถานีขนส่งเอกมัย และสถานีขนส่งสายใต้ พร้อมบูรณาการร่วมกับบริษัทขนส่ง จำกัด (มหาชน) และสมาคมชมรมรถแท็กซี่ในกรุงเทพมหานคร จัดเตรียมรถสาธารณะให้มีจำนวนเพียงพอ เพื่อรองรับผู้โดยสารที่เดินทางเข้ากรุงเทพมหานคร ในช่วง 1-2 วันนี้
***ศปถ.สั่งจังหวัดเข้มสายหลัก-พขร.โดยสาร
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน(ศปถ.) ได้สั่งการให้จังหวัด ปรับแผนการปฏิบัติงานให้สอดคล้องกับสภาพการจราจร โดยเน้นการจัดตั้งจุดตรวจบนถนนสายหลัก เรียกตรวจผู้ขับขี่ที่กระทำผิดกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด พร้อมกวดขันพนักงานขับรถโดยสารสาธารณะในทุกประเภท ต้องมีระดับแอลกอฮอล์เป็นศูนย์
สำหรับจังหวัดที่เป็นเส้นทางหลัก ให้เตรียมช่องทางพิเศษ และจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังประจำจุดเสี่ยง เพื่ออำนวยความสะดวก ในการเดินทางกลับของพี่น้องประชาชนในแต่ละเส้นทาง
***บขส.คาดวันนี้ปชช.ทยอยเข้ากรุง3แสนคน
นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เปิดเผยว่า คาดเว่าจะมีประชาชนเดินทางกลับจากภูมิลำเนาในช่วงเทศกาลปีใหม่ ไม่น้อยกว่า 3 แสนคน และนอกจากนี้ ประชาชนเข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่งผลให้ขณะนี้ เกิดปัญหาแท็กซี่ไม่เพียงพอกับความต้องการของผู้ใช้บริการ ทาง บขส. ยังมีการประสานงานไปยังสมาคมรถแท็กซี่ต่างๆ และ ขสมก. ในการจัดหารถมาอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการ
ทั้งนี้การเดินทางของประชาชนและช่วงเทศกาลปีใหม่ ปีนี้พบว่าจำนวนน้อยลงกว่าปีที่ผ่านมา หรือประมาณ 1.3 ล้านคน ซึ่งเมื่อเทียบกับปีก่อนอยู่ที่ 1.5 ล้านคน ทั้งนี้อาจมีสาเหตุจากนโยบายด้วยรถคันแรกของรัฐบาลและประชาชนต้องการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลมากกว่ารถโดยสารสาธารณะ
*** ขนส่งจังหวัดโคราชเพิ่มรถ 400 เที่ยว
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการเดินทางกลับเข้าทำงานกรุงเทพฯ ของประชาชนชาวอีสาน หลังเสร็จสิ้นการฉลองเทศกาลปีใหม่ โดยที่บรรยากาศที่สถานีขนส่งนครราชสีมา ทั้ง 2 แห่ง ขณะนี้เต็มไปด้วยประชาชนที่หอบกระเป๋าสัมภาระและของฝากเดินทางมาซื้อตั๋ว เพื่อรอขึ้นรถโดยสารกลับไปทำงานที่กรุงเทพฯ เป็นจำนวนมาก จนแน่นสถานีขนส่ง ซึ่งขณะเดียวกันบริษัทรถบัสโดยสารได้นำแผ่นป้ายมีข้อความว่า งดจำหน่ายตั๋วโดยสารชั่วคราว
เนื่องจาก ตั๋วที่ได้จำหน่ายให้กับประชาชนที่มาซื้อตั๋วล่วงหน้าหมดลง ตั๋วรถบัสโดยสาร ยังไม่สามารถติดรถกลับมารับผู้โดยสารที่สถานีขนส่งโคราชได้ เนื่องจากรถโดยสารจะต้องใช้ระยะเวลาในการเดินทางที่นานกว่าปกติ เนื่องจากสภาพการจราจรที่ติดขัด โดยเฉพาะช่วงที่บริเวณขึ้นเขาที่ อ.สีคิ้ว และ อ.ปากช่อง
ล่าสุดขนส่งจังหวัดนครราชสีมา สั่งเพิ่มเที่ยวรถ สายนครราชสีมา-กรุงเทพฯ จากเดิมกว่า 200 เที่ยว เพิ่มเป็นกว่า 400 เที่ยว พร้อมได้สั่งเสริมรถโดยสารปรับอากาศไม่ประจำทาง (รถทัวร์ท่องเที่ยว) อีกจำนวน 80 คัน เพื่อเร่งระบายรับผู้โดยสารออกจากสถานีขนส่งทั้งนี้ประเมินว่า ตลอดทั้งวันนี้จะมีประชาชนเดินทางมาใช้บริการที่สถานีขนส่งผู้โดยสารนครราชสีมาทั้ง 2 แห่ง รวม 30,000 คน
***รถไฟสายใต้จองยาวถึง 5 ม.ค.
บรรยากาศที่สถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่ จ.สงขลา ขบวนรถไฟเส้นทางไปกลับกรุงเทพฯ-หาดใหญ่-3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทุกขบวน ทั้งขบวนรถสายยาว และขบวนรถท้องถิ่น มีผู้โดยสารเดินทางอย่างเนืองแน่นตลอดทั้งวันและเต็มทุกขบวน เพื่อจะกลับภูมิลำเนา และให้ทันกับการเริ่มต้นทำงานในวันพรุ่งนี้ โดยเฉพาะรถไฟสายยาว ไปกลับกรุงเทพฯ ทุกขบวนตั๋วโดยสารชั้น 1 ถูกจองเต็มล่วงหน้าไปจนถึงวันที่ 5 มกราคม เหลือเฉพาะชั้น 2 และชั้น 3 รวมทั้งรถไฟฟรี อย่างไรก็ตาม ทางศูนย์ภาคใต้การรถไฟฯ ยืนยันว่าจะไม่มีปัญหาผู้โดยสารตกค้างในเส้นทางไปกลับกรุงเทพฯ เนื่องจากได้มีการเสริมตู้โบกี้เต็มพิกัดการลากจูงทุกขบวน เพื่อให้เพียงพอกับจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น
*** คุมเข้มแท็กซี่เก็บเงินตามมิเตอร์
วานนี้ (1 ม.ค.) ที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร) ขาเข้า พล.ต.ท.เรืองศักดิ์ จริตเอก ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบก.จร. พร้อมด้วยคุณวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้จัดการใหญ่บริษัท ขนส่ง จำกัด ได้ร่วมกับสมาคมแท็กซี่แห่งประเทศไทย ทำพันธสัญญากับแท็กซี่จิตอาสา ให้บริการกับประชาชนที่สถานีขนส่งหมอชิต, สถานีขนส่งสายใต้, สถานีขนส่งเอกมัย ตามโครงการ “แท็กซี่ใจดี” บริการประชาชน 24 ชั่วโมง
พล.ต.ท.เรืองศักดิ์เปิดเผยว่า ตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ได้เห็นความเดือดร้อนของประชาชนที่เดินทางสัญจรด้วยความลำบาก จึงได้ร่วมมือกับสมาคมแท็กซี่แห่งประเทศไทยทั่วประเทศ ซึ่งเป็นแท็กซี่จิตอาสากว่า 2,000 คัน ร่วมทำสัญญาประชาคมต้องมีจิตอาสา ตั้งสัตย์ปฏิญาณว่าจะไม่ปฏิเสธในการรับผู้โดยสาร คิดราคาค่าบริการทั้งชาวไทยและต่างชาติตามมิเตอร์ และได้เน้นย้ำให้ผู้ขับขี่รถแท็กซี่ทุกคนมีจิตสำนึกในการให้บริการประชาชน ทั้งในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้และเวลาปกติ โครงการจะเริ่มตั้งแต่วันนี้ (1 ม.ค. 56) เป็นวันแรกจนหมดเทศกาลและต่อไป
พล.ต.ท.เรืองศักดิ์กล่าวอีกว่า ในส่วนแท็กซี่ที่ยังคงปฏิเสธผู้โดยสารรวมถึงคิดราคาค่าโดยสารเกินจริง ได้มีมาตรการให้เจ้าหน้าที่ตรวจขัน ซึ่งอาจถูกจับกุมตามความผิด พ.ร.บ.จราจร พ.ศ. 2522 มาตรา 93 ปรับไม่เกิน 1,000 บาท โทษทางปกครองตัดคะแนน 20 คะแนน และยึดพักใช้ใบอนุญาตขับขี่จำนวน 15 วัน ซึ่งเป็นโครงการที่ฝากความยินดีมอบเป็นของขวัญปีใหม่รับประชาชนกลับบ้านอีกด้วย