กระแสการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซี่ยน (AEC) ที่ขยับเข้าใกล้เข้ามาในทุกขณะ ส่งผลต่อธุรกิจ และอุตสาหกรรมภายในประเทศให้เริ่มเตรียมความพร้อมรับมือการแข่งขัน จากบริษัทขนาดใหญ่และคู่แข่งในไลน์ธุรกิจเดียวกันจากประเทศต่างๆ ในกลุ่มอาเซี่ยนที่คาดว่าจะหลังไหลเข้ามาลงทุนในประเทศไทยภายหลังการเปิด AEC ในปี2558 ที่กำลังจะมาถึง
ไม่เพียงกลุ่มธุรกิจและอุตสาหกรรมในภาคการผลิตต่างๆ เท่านั้น ที่มีการปรับตัวและแผนธุรกิจเตรียมความพร้อมรับมือ ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เอง ก็เป็นอีกภาคธุรกิจหนึ่งที่มีการตื่นตัวอย่างมาก โดยในปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ ต่างมีการปรับแผนการดำเนินธุรกิจและโครงสร้างองค์กร การรีแบรนด์สร้างการรับรู้ในกลุ่มลูกค้าเดิมและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ รวมถึงการขยายตลาดออกไปในตลาดใหม่ๆ เช่นตลาดต่างจังหวัด และตลาดต่างประเทศ
โดยผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ รายใหญ่ๆ ซึ่งได้ขยายตลาดออกไปในต่างประเทศได้แก่ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีการออกไปลงทุนพัฒนาโครงการในประเทศ เวียดนาม อินเดีย และมันดีป บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ซึ่งออกไปเทคโอเวอร์โครงการห้องชุดและปรับปรุงใหม่เพื่อจำหน่ายลูกค้าในประเทศอังกฤษ บริษัท พอร็อเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) ซึ่งเข้าไปเทคโอเวอร์ โครงการคิโรโระ และสกีรีสอร์ท พร้อมโรงแรม บนเกาะฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น ล่าสุด บริษัท แลนด์แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ที่ออกไปตั้งบริษัท ในประเทศสิงค์โปร เพื่อเข้าไปลงทุนพัฒนาโครงการอสังหาฯ ในประเทศสหรัฐอเมริกา
ในขณะที่ การลงทุนขยายตลาดออกไปในต่างจังหวัดนั้น บริษัทอสังหาฯในตลาดหลักทรัพย์แทบทุกรายต่างช่วงชิงกันเปิดตัวโครงการในจังหวัดหัวเมืองใหญ่ เพื่อเป็นรายแรกที่เข้าไปจับจองดีมานด์ใหม่ ไม่ว่าจะเป็นแสนสิริ ที่เข้าไปลงทุนโครงการคอนโดมิเนียมในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ5ปีที่มีบริษัทรายใหญ่เข้าไปลงทุนเปิดตัวคอนโด นอกจากนี้ยังมีการลงทุนโครงการใหม่ทั้งแนวราบและแนวสูงในจังหวัดภูเก็ต หัวหิน นครราชสีสม (เขาใหญ่)
นอกจากนี้ยังมีบริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ที่ขยายการลงทุนในจังหวัด หาดใหญ่ เชียงใหม่ ขอนแก่น บริษัท เอ็น.ซี. เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) ที่เปิดตัวโครงการคอนโด และบ้านเดี่ยวในพัทยา บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ที่ขยายการลงทุนคอนโดในจังหวัดชลบุรี และเมืองพัทยา ขณะที่พอร็อพเอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) เตรียมแผนการลงทุนเปิดตัวโครงการใหม่ในต่างจังหวัดในปีนี้ โดยคาดว่าจะบุกเชียงใหญ่เป้นครั้งแรกด้วย
ส่วนในภาคการผลิตและก่อสร้างที่อยู่อาศัยนั้น ก็เริ่มมีการนำเทคโนโลยีการก่อสร้างใหม่ๆ เข้ามาใช้ เช่น ระบบก่อสร้างบ้าน และอาคารสูงสำเร็จรูป เพื่อลดระยะเวลาการก่อสร้าง และแก้ปัญหาการส่งมอบที่อยู่อาศัยให้ลูกค้าได้รวดเร็วขึ้น และยังเป็นการลดต้นทุนด้านดอกเบี้ยจากสินเชื่อโครงการที่กู้ยืมจากสถาบันการเงินไปในตัว
ทั้งนี้ การขยายการลงทุนออกไปในต่างจังหวัดของผู้ประกอบการอสังหาฯ นั้นจะมีมานานแล้ว แต่ที่ผ่านมาตลาดหลักๆ ของผู้ประกอบการยังคงเป็นกทม.และปริมณฑล แต่หลังจากที่กระแสการเปิด AEC กระชุ้นชิดเข้ามา ในช่วงปีที่ผ่านมาเป็นปีแรกที่กลุ่มผู้ประกอบการอสังหาฯแทบทุกบริษัทกระจายการลงทุนออกไปในต่างจังหวัดจำนวนมาก และยังมีการเตรียมแผนการลงทุนใต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่อง
การขยายการลงทุนไปในต่างจังหวัดของผู้ประกอบการอสังหาฯ นั้นปัจจัยหลักมาจากการเห็นถึงแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการลงทุนจากภาคธุรกิจต่างๆ รวมถึงภาคอุตสาหกรรม เพื่อรองรับการขยายตัวเศรษฐกิจในจังหวัดหัวเมืองและจังหวัดที่อยู่ในรอยต่อระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งแน่นอนว่าจะมีการลงทุนจำนวนมากในพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ และสิ่งที่ตามมาคือการขยายตัวของแรงงานและความต้องการที่พักอาศัยและที่อยู่อาสัยอย่างมหาศาล
ทั้งนี้ นายธันยวัชร์ ไชยตระกูลชัย ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด กล่าวว่า จากการพูดคุยกับผู้บริหารบริษัทห้างค้าปลีก ผู้ประกอบการอสังหาฯ ในช่วงที่ผ่านมาเชื่อว่าทิศทางการขยายตัวของตลาดอสังหาฯในปี2556 และแนวโน้มการขยายตัวไปในต่างจังหวัดมากขึ้น โดย การขยายตัวของอสังหาฯในตลาดภูมิภาคหรือต่างจังหวัดมีความรวดเร็วมากกว่าตลาดกทม. และคาดว่าในอนาคตจะขยายตัวมากขึ้น ซึ่งจากการพูคุยกับผู้บริหารกลุ่มเซ้นทรั่ลพัฒนา ผู้ประกอบการห้างค้าปลีกรายใหญ่ของประเทศ พบว่าในปีที่ผ่านมาเซ็นทรั่ลได้มีการขยายการลงทุนและเปิดตัวห้างสรรพสินค้าในจังหวัดชายแดนและภาคอีสานหลายๆ แห่ง
โดยการลงทุนของเซ็นทรั่ลฯนั้นแบ่งออกเป็น2ส่วนคือส่วนของห้างสรรพสินค้า และร้านค้าวัสดุก่อสร้าง “ไทยวัสดุ”ซึ่งตั้งเป้าว่าจะให้เกิดการครอบคลุมพื้นที่ภาคอีสานมากที่สุด เพื่อรองรับการขยายตัวด้านที่อยู่อาศัยและความต้องการแหล่งช้อปปิ้งหลังหลังการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซี่ยน (AEC) การขยายการลงทุนดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าในอนาคตจะมีความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างในพื้นที่เมืองชายแดนเพิ่มมากขึ้น เพื่อรองรับงานก่อสร้างในภาคอุตสาหกรรมและที่อยู่อาศัยที่ขยายตัวตามตลาดแรงงาน
อย่างไรก็ตามในการขยายตัวของตลาดอสังหาฯ นั้นจะส่งผลให้ผู้ประกอบการท้องถิ่นต้องประสบกับภาวะการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น โดยเพฉาะการแข่งขันจากกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ ข้ามชาติ ซึ่งจะเข้ามาตีตลาดผู้ประกอบการท้องถิ่น ซึ่งเสียเปรียบด้านสภาพคล่องทางการเงิน ดังนั้นวิธีหนึ่งเดียวที่จะสามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการรายใหญ่และผู้ประกอบการข้ามชาติ คือการรักษากลุ่มลูกค้าเดิม ด้วยการสร้างแบรนด์ และการสร้างการพักดีในแบรนด์ พร้อมๆ กับการใช้ข้อได้เปรียบจากการเป็นเจ้าของพื้นที่ซึ่งเข้าใจความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่ดีมากกว่า
นายสิทธิพร สุวรรณสุต นายยกสมาคมไทยรับสร้างบ้าน (THCA)กล่าวว่า ตลาดรวมรับสร้างบ้านและอสังหาฯในช่วงไตรมาส1-3ของปี2555ได้รับปัจจัยลบจากความกังวลปัญหาน้ำท่วมอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตลาดโดยรวมจะชะตัวลง แต่ในส่วนของตลาดต่างจังหวัดกลับยังมีการขยายตัวจากปีก่อนหน้า โดยเฉพาะตลาดภาคอีสาน และภาคใต้ เนื่องจากไม่ได้รับปัจจับลบ จากความกังวลปัญหาน้ำท่วม นอกจากนี้ยังมีปัจจัยบวกในการการขยายตัวด้านการลงทุนของเอกชนเพื่อรองรับการเปิด AEC และการสร้างการรับรู้จากผู้ประกอบการที่เข้าไปทำตลาดในพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น
นายวีรพล จงเจริญใจ อุปนายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ จังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า การขยายตัวของกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งย้ายฐานการผลิตหนีปัญหาน้ำท่วมจากพื้นที่ภาคกลาง ไปตั้งโรงงานในภาคอีสานส่งผลให้เกิดดีมานด์ด้านที่อยู่อาศัยจำนวนมาก โดยเฉพาะดีมานด์จากกลุ่มบุคคลากรของโรงงานต่างๆ นอกจากนี้ ปัจจัยบวกจากการอนุมัติโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เช่น โครงการก่อสร้างถนน และโครงการต่างๆ ซึ่งมีวงเงินกว่า 2 แสนล้านบาท
นายอนุกูล รัฐพิทักษ์สันติ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายบริหารสินทรัพย์ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวถึงผลการวิจัยตลาดของ พลัสฯพอบว่า การขยายการลงทุนของบริษัทอสังหาฯรายใหญ่ในสนามระดับท้องถิ่น จะเป็นการสร้างมาตรฐานการขายใหม่ อาทิ ก่อนหน้านี้การทำโฆษณา หรือแม้แต่พัฒนาห้องตัวอย่าง เพื่อจำลองให้ลูกค้าได้เห็นอาจจะไม่มี ความสำคัญในการขายระดับท้องถิ่นแต่ปัจจุบัน ความคิดเช่นนี้เปลี่ยนไปเพราะความครบสูตร ในเรื่องกลยุทธ์การขายได้จุดกระแสให้เกิดการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวขึ้น ใครที่ต้องการขายได้ต้องไม่มองข้ามปัจจัย เหล่านี้”
หากพิจารณาถึงปัจจัยใหม่ๆ ที่จะส่งผลต่อทิศทางการเติบโตของ อสังหาริมทรัพย์ไทยในอนาคต แผนแม่บทของภาครัฐในการพัฒนาประเทศถือเป็น ปัจจัยสำคัญในการกำนดทิศทางการเติบโต ซึ่งในอนาคตเชื่อมั่นว่าจะเกิดการพัฒนาโครงการ อสังหาริมทรัพย์ใหม่ๆ ขึ้นตามรอยต่อเมืองเศรษฐกิจที่เชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ จังหวัดทางภาคเหนือ ที่เชื่อมต่อพม่าตอนบน และจีน,จังหวัดในภาคตะวันตกที่เชื่อมต่อพม่าตอนล่าง, จังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่เชื่อมต่อลาว และจังหวัดในภาคตะวันออกที่เชื่อมต่อกัมพูชา ซึ่งภาพดังกล่าวจะชัดเจนขึ้นในอีก 2-3 ปีข้างหน้ารับกระแส AEC”
“คาดการณ์ว่าในอนาคตอันใกล้ ธุรกิจบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ไทย จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งมีมาตรฐานและการพัฒนาอย่างเป็นระบบแบบแผนมากขึ้น ซึ่งการเข้ามาของ AEC จะเป็นสะพานและทางลัดเพื่อสร้าง การเรียนรู้ในแบบมาตรฐานสากล ซึ่งเชื่อว่าในเขตอาเซียน ไทยก็ยังเป็นประตูหลัก ในการเชื่อมต่อภูมิภาคอย่างแข็งแกร่ง”
ไม่เพียงกลุ่มธุรกิจและอุตสาหกรรมในภาคการผลิตต่างๆ เท่านั้น ที่มีการปรับตัวและแผนธุรกิจเตรียมความพร้อมรับมือ ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เอง ก็เป็นอีกภาคธุรกิจหนึ่งที่มีการตื่นตัวอย่างมาก โดยในปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ ต่างมีการปรับแผนการดำเนินธุรกิจและโครงสร้างองค์กร การรีแบรนด์สร้างการรับรู้ในกลุ่มลูกค้าเดิมและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ รวมถึงการขยายตลาดออกไปในตลาดใหม่ๆ เช่นตลาดต่างจังหวัด และตลาดต่างประเทศ
โดยผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ รายใหญ่ๆ ซึ่งได้ขยายตลาดออกไปในต่างประเทศได้แก่ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีการออกไปลงทุนพัฒนาโครงการในประเทศ เวียดนาม อินเดีย และมันดีป บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ซึ่งออกไปเทคโอเวอร์โครงการห้องชุดและปรับปรุงใหม่เพื่อจำหน่ายลูกค้าในประเทศอังกฤษ บริษัท พอร็อเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) ซึ่งเข้าไปเทคโอเวอร์ โครงการคิโรโระ และสกีรีสอร์ท พร้อมโรงแรม บนเกาะฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น ล่าสุด บริษัท แลนด์แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ที่ออกไปตั้งบริษัท ในประเทศสิงค์โปร เพื่อเข้าไปลงทุนพัฒนาโครงการอสังหาฯ ในประเทศสหรัฐอเมริกา
ในขณะที่ การลงทุนขยายตลาดออกไปในต่างจังหวัดนั้น บริษัทอสังหาฯในตลาดหลักทรัพย์แทบทุกรายต่างช่วงชิงกันเปิดตัวโครงการในจังหวัดหัวเมืองใหญ่ เพื่อเป็นรายแรกที่เข้าไปจับจองดีมานด์ใหม่ ไม่ว่าจะเป็นแสนสิริ ที่เข้าไปลงทุนโครงการคอนโดมิเนียมในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ5ปีที่มีบริษัทรายใหญ่เข้าไปลงทุนเปิดตัวคอนโด นอกจากนี้ยังมีการลงทุนโครงการใหม่ทั้งแนวราบและแนวสูงในจังหวัดภูเก็ต หัวหิน นครราชสีสม (เขาใหญ่)
นอกจากนี้ยังมีบริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ที่ขยายการลงทุนในจังหวัด หาดใหญ่ เชียงใหม่ ขอนแก่น บริษัท เอ็น.ซี. เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) ที่เปิดตัวโครงการคอนโด และบ้านเดี่ยวในพัทยา บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ที่ขยายการลงทุนคอนโดในจังหวัดชลบุรี และเมืองพัทยา ขณะที่พอร็อพเอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) เตรียมแผนการลงทุนเปิดตัวโครงการใหม่ในต่างจังหวัดในปีนี้ โดยคาดว่าจะบุกเชียงใหญ่เป้นครั้งแรกด้วย
ส่วนในภาคการผลิตและก่อสร้างที่อยู่อาศัยนั้น ก็เริ่มมีการนำเทคโนโลยีการก่อสร้างใหม่ๆ เข้ามาใช้ เช่น ระบบก่อสร้างบ้าน และอาคารสูงสำเร็จรูป เพื่อลดระยะเวลาการก่อสร้าง และแก้ปัญหาการส่งมอบที่อยู่อาศัยให้ลูกค้าได้รวดเร็วขึ้น และยังเป็นการลดต้นทุนด้านดอกเบี้ยจากสินเชื่อโครงการที่กู้ยืมจากสถาบันการเงินไปในตัว
ทั้งนี้ การขยายการลงทุนออกไปในต่างจังหวัดของผู้ประกอบการอสังหาฯ นั้นจะมีมานานแล้ว แต่ที่ผ่านมาตลาดหลักๆ ของผู้ประกอบการยังคงเป็นกทม.และปริมณฑล แต่หลังจากที่กระแสการเปิด AEC กระชุ้นชิดเข้ามา ในช่วงปีที่ผ่านมาเป็นปีแรกที่กลุ่มผู้ประกอบการอสังหาฯแทบทุกบริษัทกระจายการลงทุนออกไปในต่างจังหวัดจำนวนมาก และยังมีการเตรียมแผนการลงทุนใต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่อง
การขยายการลงทุนไปในต่างจังหวัดของผู้ประกอบการอสังหาฯ นั้นปัจจัยหลักมาจากการเห็นถึงแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการลงทุนจากภาคธุรกิจต่างๆ รวมถึงภาคอุตสาหกรรม เพื่อรองรับการขยายตัวเศรษฐกิจในจังหวัดหัวเมืองและจังหวัดที่อยู่ในรอยต่อระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งแน่นอนว่าจะมีการลงทุนจำนวนมากในพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ และสิ่งที่ตามมาคือการขยายตัวของแรงงานและความต้องการที่พักอาศัยและที่อยู่อาสัยอย่างมหาศาล
ทั้งนี้ นายธันยวัชร์ ไชยตระกูลชัย ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด กล่าวว่า จากการพูดคุยกับผู้บริหารบริษัทห้างค้าปลีก ผู้ประกอบการอสังหาฯ ในช่วงที่ผ่านมาเชื่อว่าทิศทางการขยายตัวของตลาดอสังหาฯในปี2556 และแนวโน้มการขยายตัวไปในต่างจังหวัดมากขึ้น โดย การขยายตัวของอสังหาฯในตลาดภูมิภาคหรือต่างจังหวัดมีความรวดเร็วมากกว่าตลาดกทม. และคาดว่าในอนาคตจะขยายตัวมากขึ้น ซึ่งจากการพูคุยกับผู้บริหารกลุ่มเซ้นทรั่ลพัฒนา ผู้ประกอบการห้างค้าปลีกรายใหญ่ของประเทศ พบว่าในปีที่ผ่านมาเซ็นทรั่ลได้มีการขยายการลงทุนและเปิดตัวห้างสรรพสินค้าในจังหวัดชายแดนและภาคอีสานหลายๆ แห่ง
โดยการลงทุนของเซ็นทรั่ลฯนั้นแบ่งออกเป็น2ส่วนคือส่วนของห้างสรรพสินค้า และร้านค้าวัสดุก่อสร้าง “ไทยวัสดุ”ซึ่งตั้งเป้าว่าจะให้เกิดการครอบคลุมพื้นที่ภาคอีสานมากที่สุด เพื่อรองรับการขยายตัวด้านที่อยู่อาศัยและความต้องการแหล่งช้อปปิ้งหลังหลังการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซี่ยน (AEC) การขยายการลงทุนดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าในอนาคตจะมีความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างในพื้นที่เมืองชายแดนเพิ่มมากขึ้น เพื่อรองรับงานก่อสร้างในภาคอุตสาหกรรมและที่อยู่อาศัยที่ขยายตัวตามตลาดแรงงาน
อย่างไรก็ตามในการขยายตัวของตลาดอสังหาฯ นั้นจะส่งผลให้ผู้ประกอบการท้องถิ่นต้องประสบกับภาวะการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น โดยเพฉาะการแข่งขันจากกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ ข้ามชาติ ซึ่งจะเข้ามาตีตลาดผู้ประกอบการท้องถิ่น ซึ่งเสียเปรียบด้านสภาพคล่องทางการเงิน ดังนั้นวิธีหนึ่งเดียวที่จะสามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการรายใหญ่และผู้ประกอบการข้ามชาติ คือการรักษากลุ่มลูกค้าเดิม ด้วยการสร้างแบรนด์ และการสร้างการพักดีในแบรนด์ พร้อมๆ กับการใช้ข้อได้เปรียบจากการเป็นเจ้าของพื้นที่ซึ่งเข้าใจความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่ดีมากกว่า
นายสิทธิพร สุวรรณสุต นายยกสมาคมไทยรับสร้างบ้าน (THCA)กล่าวว่า ตลาดรวมรับสร้างบ้านและอสังหาฯในช่วงไตรมาส1-3ของปี2555ได้รับปัจจัยลบจากความกังวลปัญหาน้ำท่วมอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตลาดโดยรวมจะชะตัวลง แต่ในส่วนของตลาดต่างจังหวัดกลับยังมีการขยายตัวจากปีก่อนหน้า โดยเฉพาะตลาดภาคอีสาน และภาคใต้ เนื่องจากไม่ได้รับปัจจับลบ จากความกังวลปัญหาน้ำท่วม นอกจากนี้ยังมีปัจจัยบวกในการการขยายตัวด้านการลงทุนของเอกชนเพื่อรองรับการเปิด AEC และการสร้างการรับรู้จากผู้ประกอบการที่เข้าไปทำตลาดในพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น
นายวีรพล จงเจริญใจ อุปนายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ จังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า การขยายตัวของกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งย้ายฐานการผลิตหนีปัญหาน้ำท่วมจากพื้นที่ภาคกลาง ไปตั้งโรงงานในภาคอีสานส่งผลให้เกิดดีมานด์ด้านที่อยู่อาศัยจำนวนมาก โดยเฉพาะดีมานด์จากกลุ่มบุคคลากรของโรงงานต่างๆ นอกจากนี้ ปัจจัยบวกจากการอนุมัติโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เช่น โครงการก่อสร้างถนน และโครงการต่างๆ ซึ่งมีวงเงินกว่า 2 แสนล้านบาท
นายอนุกูล รัฐพิทักษ์สันติ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายบริหารสินทรัพย์ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวถึงผลการวิจัยตลาดของ พลัสฯพอบว่า การขยายการลงทุนของบริษัทอสังหาฯรายใหญ่ในสนามระดับท้องถิ่น จะเป็นการสร้างมาตรฐานการขายใหม่ อาทิ ก่อนหน้านี้การทำโฆษณา หรือแม้แต่พัฒนาห้องตัวอย่าง เพื่อจำลองให้ลูกค้าได้เห็นอาจจะไม่มี ความสำคัญในการขายระดับท้องถิ่นแต่ปัจจุบัน ความคิดเช่นนี้เปลี่ยนไปเพราะความครบสูตร ในเรื่องกลยุทธ์การขายได้จุดกระแสให้เกิดการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวขึ้น ใครที่ต้องการขายได้ต้องไม่มองข้ามปัจจัย เหล่านี้”
หากพิจารณาถึงปัจจัยใหม่ๆ ที่จะส่งผลต่อทิศทางการเติบโตของ อสังหาริมทรัพย์ไทยในอนาคต แผนแม่บทของภาครัฐในการพัฒนาประเทศถือเป็น ปัจจัยสำคัญในการกำนดทิศทางการเติบโต ซึ่งในอนาคตเชื่อมั่นว่าจะเกิดการพัฒนาโครงการ อสังหาริมทรัพย์ใหม่ๆ ขึ้นตามรอยต่อเมืองเศรษฐกิจที่เชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ จังหวัดทางภาคเหนือ ที่เชื่อมต่อพม่าตอนบน และจีน,จังหวัดในภาคตะวันตกที่เชื่อมต่อพม่าตอนล่าง, จังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่เชื่อมต่อลาว และจังหวัดในภาคตะวันออกที่เชื่อมต่อกัมพูชา ซึ่งภาพดังกล่าวจะชัดเจนขึ้นในอีก 2-3 ปีข้างหน้ารับกระแส AEC”
“คาดการณ์ว่าในอนาคตอันใกล้ ธุรกิจบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ไทย จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งมีมาตรฐานและการพัฒนาอย่างเป็นระบบแบบแผนมากขึ้น ซึ่งการเข้ามาของ AEC จะเป็นสะพานและทางลัดเพื่อสร้าง การเรียนรู้ในแบบมาตรฐานสากล ซึ่งเชื่อว่าในเขตอาเซียน ไทยก็ยังเป็นประตูหลัก ในการเชื่อมต่อภูมิภาคอย่างแข็งแกร่ง”