“เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ” เข้าซื้อเหมืองที่อินโดนีเซียจาก PT.Hary Niaga มูลค่า 3,695 ล้านบาท มี
ปริมาณสำรองถ่านหินไม่เกิน 40 ล้านตัน ใช้วิธีเพิ่มทุนขายพีพีนำหุ้นไปแลกเหมืองใหม่ 454,464,945 หุ้น กำหนดราคาเสนอขายหุ้นละ 8.13 บาทต่อหุ้น งานนี้ผู้ถือหุ้น EARTH ไม่ต้องจ่าย แถมรับวอร์แรนต์สัดส่วน 3 หุ้นเดิมต่อ 1 วอร์แรนต์ฟรี เพื่อรักษาสัดส่วนการถือหุ้นเอาไว้ ด้าน “ขจรพงศ์” เผยขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการศึกษาการจัดตั้งโรงไฟฟ้าในเหมืองถ่านหิน เพื่อจะเดินหน้าผลักดันธุรกิจและผลประกอบการในอนาคตเติบโตอย่างมีศักยภาพ
นายขจรพงศ์ คำดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด (มหาชน) หรือ EARTH เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัทครั้งที่ 5/2555 เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2555 ได้มีมติอนุมัติให้เพิ่มทุนจดทะเบียนจากทุนจทะเบียนเดิม 3,027,615,570 บาท ทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 2,605,495,683 บาท ให้เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ไม่เกิน 4,500 ล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ไม่เกิน 1,472,384,430 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท
พร้อมกันนี้ บอร์ดได้มีมติอนุมัติเข้าซื้อหุ้นสามัญทั้งหมดจากผู้ถือหุ้นของ PT.Hary Niaga ซึ่งเป็นบริษัทที่อยู่ในประเทศอินโดนีเซีย และได้รับสัมปทานประเภท Izin Usaha Pertambanhan Eksplorasi (IUP Exploration) จากรัฐบาลอินโดนีเซีย ซึ่งบริษัทจะขอเข้าถือหุ้น ใน PT.Hary Niaga 100% จากผู้ถือหุ้นเดิมของ PT.Hary Niaga ทั้งสิ้นไม่เกิน 3,694,800,000 บาท จากผู้ถือหุ้นของ PT.Hary Niaga ซึ่งมูลค่าหุ้นที่ซื้อคำนวณจากปริมาณสำรองถ่านหิน (Reserve) ไม่เกิน 40 ล้านตัน (คิดเป็นพื้นที่สัมปทานประมาณ 4,940 Hector หรือ 30,875 ไร่) บนพื้นที่อีสต์กาลิมันตัน
โดยบอร์ดมีมติอนุมัติให้สรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ไม่เกิน 454,464,945 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท เพื่อขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นเดิมของ PT.Hary Niaga ในราคาหุ้นละ 8.13 บาท ด้วยวิธีการแลกหุ้น (Share swap)
“ในเบื้องต้น สำรวจพบปริมาณถ่านหินอยู่ 30-40 ล้านตัน ส่วนปริมาณถ่านหินที่แน่นอนอย่างเป็นทางการบริษัทได้แต่งตั้งให้บริษัทผู้ประเมินอิสระเป็นผู้ตรวจอบความถูกต้องขั้นตอนสุดท้ายตามวิธีการที่ยอมรับทั่วไป JORC และคาดว่าจะได้รับรายงานได้ภายใน 4-6 เดือน หากปริมาณสำรองมีน้อยกว่า 30.0 ล้านตัน ผู้ขายจะจัดหาสัมปทานแปลงอื่นเพิ่มเติมให้มีปริมาณไม่น้อยกว่า 30.0 ล้านตัน ซึ่งการลงทุนซื้อเหมืองแห่งใหม่ในครั้งนี้ไม่ต้องลงทุนเป็นเงินสด เราใช้วิธีเพิ่มทุนเพื่อแลกกับการถือหุ้นร้อยละ100 ใน PT.Hary Niaga”
นอกจากจะเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการดำเนินธุรกิจตามแผน 5 ปีข้างหน้าเพื่อผลักดันให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งอย่างมีศักยภาพแล้ว ยังจะทำให้บริษัทมีแหล่งถ่านหินสำรองเพิ่มขึ้น สามารถรองรับความต้องการของลูกค้าได้นานถึง 10 ปี และที่สำคัญ เป็นการเพิ่มมูลค่าให้แก่ถ่านหินที่ออกจากเหมืองของ EARTH เอง โดยคาดว่าจะทำให้อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit) ของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 30-40%
อย่างไรก็ตาม บริษัทได้มีแผนที่จะเข้าซื้อสัมปทานจากผู้ขายรายเดิมในเหมืองถัดไป ซึ่งได้มีการเจรจาไว้ล่วงหน้าแล้ว เพื่อเป็นการรองรับ Mission ตามแผน 5 ปีข้างหน้า และในขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการสร้างโรงไฟฟ้าในเหมืองถ่านหิน เพื่อจำหน่ายกระแสไฟฟ้าให้แก่รัฐบาลประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นแผนในอนาคตในการต่อยอดธุรกิจ
พร้อมกันนี้ ยังจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ไม่เกิน1,002,971,168 หุ้น รองรับการใช้สิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิ หรือวอร์แรนต์ที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ รุ่นที่4 (EARTH-W4) ซึ่งจะจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น ในอัตราส่วน 3 หุ้นสามัญเดิมต่อใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วย โดยไม่คิดมูลค่า ทั้งนี้ วอร์แรนต์ 1 หน่วยสามารถใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญได้ 1 หุ้นในราคาหุ้นละ 8.13 บาท อายุไม่เกิน 2 ปี ซึ่งราคาในการแปลงวอร์แรนต์เป็นราคาเดียวกันกับที่บริษัทออกหุ้นเพิ่มทุนเพื่อจำหน่ายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของ PT.Hary Niaga และหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่จำนวนไม่เกิน 14,948,317 หุ้น จัดสรรเพื่อรองรับการใช้สิทธิตามวอร์แรนต์ของบริษัท ครั้งที่ 3 (EARTH-W3) จากการปรับสิทธิของวอร์แรนต์ในอนาคต
สำหรับการเข้าลงทุนในครั้งนี้จะยิ่งทำให้ EARTH มีความมั่นคงทางธุรกิจถ่านหินมากขึ้น โดยการเป็นเจ้าของเหมืองถ่านหิน (Mining) ที่มีปริมาณสำรองของถ่านหินในปริมาณค่อนข้างสูง ซึ่งจะเป็นลดความเสี่ยงในด้านการจัดหาวัตถุดิบ และการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาวต่อบริษัท และยังช่วยเพิ่มรายได้ในระยะยาวเนื่องจากมีแหล่งวัตถุดิบเป็นของตนเอง รวมถึงทำให้อัตรากำไรดีขึ้น ทำให้โครงสร้างเงินทุนให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยบริษัทมีอัตราหนี้สินต่อทุนลดลง ที่สำคัญ ช่วยเพิ่มมูลค่าหลักทรัพย์ในระยะยาวได้อีกด้วย