xs
xsm
sm
md
lg

เปิดศูนย์รับมือ7วันอันตราย-สธ.ระดมพลนับแสนลดคนตาย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวภูมิภาค - "พล.ต.ท.ชัจจ์" เปิดศปถ.รับ 7 วันอันตราย ตั้งเป้ายอดตาย-เจ็บไม่เกิน 5% คุมเข้มดื่มเหล้าในรถ กทม.กำชับสถานบันเทิงดูแลทางหนีไฟ จัดเทศกิจ 1,600 นายเฝ้าทั่วกรุง บช.น.จัด 6 กองร้อยตั้งด่านรับเคานท์ดาวน์เซ็นทรัลเวิลด์ สธ.ผนึกรพ.รัฐ-เอกชน 1,500 แห่ง ระดมแพทย์ผ่าตัดทุกสาขา บุคลากรกว่าแสนคนประจำ 24 ชั่วโมง "ขนส่งอยุธยา"ลั่นรถตู้โดยสารห้ามบรรทุกเกิน ฝ่าฝืนเจอปรับสถานหนัก ป้ายดำก็ห้ามวิ่ง

วานนี้(27 ธ.ค.)พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน(ศปถ.) ช่วงเทศกาลปีใหม่ ตั้งแต่วันที่ 27ธันวาคม 2555 ถึงวันที่ 2 มการาคม 2556 ซึ่งเป็นช่วง 7 วันอันตราย ว่าได้ตั้งเป้าลดจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตให้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ดังนั้นอุบัติเหตุต้องไม่เกิน 2,939 ครั้ง ผู้เสียชีวิตไม่เกิน 320 ราย ผู้บาดเจ็บไม่เกิน 3,207 คน เนื่องจากทุกภาคส่วนได้ร่วมมือกันเต็มที่ ไม่ว่าส่วนราชการและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ร่วมกันรณรงค์อย่างน่าชื่นใจ ตรงนี้จะสื่อไปถึงผู้ใช้รถเกิดความระมัดระวัง ทำให้ลดการเกิดอุบัติเหตุได้ อย่างไรก็ตามได้ประกาศบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด กับผู้ที่นั่งมากับรถส่วนบุคคลรวมถึงรถโดยสาร หากพบว่ามีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จะมีโทษจำคุก 6 เดือนและถูกปรับด้วย ส่วนคนขับก็มีความผิด

"ขอให้เฉลิมฉลองให้พอดี อย่าคึกคะนอง ดื่มสุราแล้วขับรถ และสวมหมวกกันน็อกด้วย ลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิต รวมถึงพักผ่อนให้เพียงพอก่อนขับรถ เพื่อป้องกันอาการหลับใน"

ทั้งนี้ ศปถ.ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2555 สรุปสถิติรวม 7 วัน เกิดอุบัติเหตุ 3,093 ครั้ง เสียชีวิต 335 ราย บาดเจ็บ 3,375 คน

**เปิด7จุดเสี่ยงอุบัติเหตุบนทางหลวง

พ.ต.อ.ดิเรก ปลั่งดี รองผู้บังคับการตำรวจทางหลวง(บก.ทล.) กล่าวว่า จุดเสี่ยบนทางหลวงที่มักเกิดอุบัติเหตุรุนแรงในช่วงเทศกาลปีใหม่ 7 เส้นทางหลัก ได้แก่ ถนนพหลโยธิน ช่วงจ.พระนครศรีอยุธยา ถนนมิตรภาพ ช่วงอ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ถนนพระราม 2 ช่วงจ.สมุทรสาคร ทางหลวงหมายเลข 304 ตอนกบินทร์-ปักธงชัย ทางหลวงหมายเลข 348 ตอนอรัญประเทศ-โนนดินแดง จ.สระแก้ว ทางหลวงหมายเลข 2 ถนนมิตรภาพขาขึ้น จ.นครราชสีมา และถนนมิตรภาพขาล่อง จ.นครราชสีมา ซึ่งได้สั่งการให้ตำรวจทางหลวงทั้ง 8 กองกำกับการ 41 สถานี เร่งตั้งจุดตรวจจับความเร็วทุกระยะ โดยจะมีด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ตลอดเส้นทาง พร้อมจัดวิทยุสายตรวจเคลื่อนที่ ตรวจจับบริเวณเส้นแบ่งช่องทางเดินรถ และเส้นทึบสีเหลือง ซึ่งเป็นเขตห้ามแซง

วันเดียวกัน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) เปิดศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน เพื่อเป็นหน่วยรวบรวมข้อมูลและสั่งการไปยังเจ้าหน้าที่ในจุดพักรถและด่านตรวจ ให้คอยควบคุมพฤติกรรมเสี่ยง ทั้งขับรถเร็วกว่ากฎหมายกำหนด ขับรถจักรยานยนต์ไม่สวมหมวกนิรภัย โดยเฉพาะเมาแล้วขับ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก โดยระหว่างวันที่ 28 ธันวาคม 2555 ถึงวันที่ 3 มกราคม 2556 ทางศูนย์จะประกาศจำนวนอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในแต่วัน เพื่อย้ำเตือนประชาชนให้ระมัดระวังในการเดินทางมากขึ้น

**กทม.จัดเทศกิจ1600นายช่วยดูแล

ด้าน.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) กล่าวภายหลังตรวจกำลังพลเจ้าหน้าที่เทศกิจและหน่วยแพทย์ ว่าเพื่อเตรียมอำนวยความสะดวกให้กับคนกรุงเทพฯช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งประชาชนเดินทางเข้า-ออกจำนวนมาก ทำให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัดและอุบัติเหตุ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ให้นโยบายสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ดูแลเรื่องอัคคีภัย และที่เกี่ยวข้องกับสาธารณภัย โดยเฉพาะสถานบันเทิง จะมีรถดับเพลิงและรถพยาบาลประจำอยู่ โดยสั่งการให้สำนักงานเขตกำชับสถานบันเทิงเรื่องทางหนีไฟ เพราะหลายแห่งอาจจะตุนเครื่องดื่มไว้เยอะ หากเอาไปพักไว้ที่ทางเดินคงไม่เป็นไรแต่หากเป็นทางหนีไฟด้วยจะเป็นเรื่องอันตรายมาก จึงกำชับให้ดูแลเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดทุกสำนักงานเขต โดยเฉพาะที่เป็นปัญหา อาทิ เขตห้วงขวาง เขตวัฒนา เขตคลองเตย เขตปทุมวัน เป็นต้น

"กทม.ได้จัดเทศกิจอำนวยความสะดวกและดูแลปลอดภัยให้กับประชาชน บริเวณสถานีขนส่งทั้งทางบกและทางน้ำ ย่านการค้า แหล่งท่องเที่ยว และจุดเสี่ยงภัย โดยมีกำลังพลกว่า 1,600 คน ทั้งยังได้มอบหมายให้หน่วยงานต่างๆเตรียมพร้อมออกป้องกันและระงับเหตุด้วย"

**ตร.6กองร้อยตั้งด่าน"เซ็นทรัลเวิลด์"

พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(ผบช.น.) ประชุมร่วมกับผู้ประกอบการห้างเซ็นทรัลเวิลด์ เพื่อวางมาตรการดูแลความปลอดภัยงานเคาน์ท์ดาวน์ วันที่ 31 ธันวาคม 2555 ถุึงวันที่ 1 มกราคม 2556 โดยจัดกำลัง 2,300 นาย กระจายตามพื้นที่จัดงานทั่วกทม. ส่วนห้างเซ็นทรัลเวิลด์ จะแบ่งความรับผิดชอบออกเป็นชั้นใน ชั้นกลาง และชั้นนอก ใช้กำลังจากสน.ลุมพินี สน.ปทุมวัน และสน.พญาไท ร่วมกับสายตรวจปฏิบัติการพิเศษ 191 รวม 6 กองร้อย เน้นตั้งด่านและจุดตรวจค้นตลอดคืน ส่วนทางเท้ามีเทศกิจรับผิดชอบ โดยขอความร่วมมืองดจำหน่ายสินค้าตั้งแต่เที่ยงคืนวันที่ 30 ธันวาคม โดยจะจัดกำลังลงพื้นที่ตั้งแต่เวลา 15.00 น. มั่นใจว่าจะดูแลความสงบเรียบร้อยได้ ส่วนปัญหามือที่ 3 ยังไม่มีสิ่งบอกเหตุ

**"สธ."ระดมจนท.กว่าแสนคนรับ7วัน

นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังแถลงข่าวการเตรียมความพร้อมของกระทรวงสาธารณสุขและเครือข่าย ในการรับมืออุบัติเหตุจราจรและเจ็บป่วยฉุกเฉินในเทศกาลปีใหม่ ช่วง 7 วันอันตราย ว่าช่วงเทศกาลปีใหม่ 2555 แม้จำนวนอุบัติเหตุและบาดเจ็บลดลง แต่ตัวเลขเสียชีวิตยังลดลงไม่มาก เพราะอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นมีความรุนแรง สาเหตุเกิดจากการขับรถเร็ว ไม่สวมหมวกนิรภัย ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย และเมาแล้วขับ ซึ่งปีนี้สธ.ได้เตรียมความพร้อมเพื่อลดความรุนแรง ลดอัตราตาย และความพิการให้ได้มากที่สุด โดยได้รับความร่วมมือจากโรงพยาบาลภาครัฐอื่น เช่น กระทรวงกลาโหม ทบวงมหาวิทยาลัย และโรงพยาบาลเอกชนทั่วประเทศ รวม 1,500 แห่ง เตรียมพร้อมหน่วยแพทย์ฉุกเฉิน ศูนย์รับแจ้งขอความช่วยเหลือ ระบบการดูแลรักษาในโรงพยาบาล และการส่งต่อผู้ป่วยระหว่างโรงพยาบาล หากประชาชนบาดเจ็บอุบัติเหตุจราจร หรือเจ็บป่วยฉุกเฉิน สามารถเข้ารับการรักษาได้ทุกโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้เคียงโดยไม่ต้องจ่ายเงินสำรอง ตามนโยบายฉุกเฉินมาตรฐานเดียวของรัฐบาล

"เรามีสายด่วนโทร.แจ้งเหตุ 1669 มีรถพยาบาลฉุกเฉินพร้อมเครื่องมือแพทย์วันละ 4,915 คัน บางแห่งติดระบบจีพีเอส สามารถออกไปให้การช่วยเหลือหลังรับแจ้งภายใน 10 นาที ประชาชนแจ้งขอความช่วยเหลือได้ฟรีตลอดเวลา นอกจากนี้ยังมีศูนย์อุบัติเหตุฉุกเฉินระดับจังหวัดและระดับอำเภอ จัดเตรียมแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่อื่น ประจำห้องฉุกเฉินหรืออีอาร์ ประจำหอผู้ป่วยรวมกว่า 100,000 คน พร้อมจัดศัลยแพทย์ทุกสาขาประจำการประมาณ 1,500 คน ตลอด 24 ชั่วโมง สำรองเลือดทุกหมู่ อุปกรณ์การแพทย์ เวชภัณฑ์ สามารถผ่าตัดได้ทันที และสำรองเตียงรองรับอุบัติเหตุเพิ่มจากปกติอีกร้อยละ 10 รวม 7,243 เตียง มีศูนย์ประสานส่งต่อผู้ป่วยที่อาการหนักอย่างรวดเร็ว 94 แห่ง พร้อมความร่วมมือกับเครือข่ายเทคโนโลยีเครื่องมือแพทย์ชั้นสูง เช่น เครื่องเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ หรือซีทีสแกน 310 เครื่อง และเครื่องตรวจอวัยวะด้วยสนามแม่เหล็กไฟฟ้าหรือเอ็มอาร์ไอ 52 เครื่อง เพื่อช่วยให้แพทย์สามารถตรวจวินิจฉัยและรักษาได้อย่างรวดเร็วเพื่อช่วยชีวิต"

นพ.ประดิษฐ กล่าวว่า ขอย้ำเตือนประชาชนที่พบเห็นผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุ หากเป็นไปได้ไม่ควรเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บ เพราะอาจก่อให้เกิดอันตรายแทรกซ้อนได้ เช่น พิการ โดยเฉพาะในผู้บาดเจ็บที่กระดูกสันหลัง กระดูกต้นคอ ซึ่งบางครั้งอาจไม่มีบาดแผลปรากฏ จึงขอให้โทรแจ้งทีมแพทย์กู้ชีพ จะปลอดภัยกับผู้บาดเจ็บมากกว่า

นพ.ประดิษฐ กล่าวด้วยว่า กรมควบคุมโรคได้ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด 76 จังหวัดและกทม. ประชาสัมพันธ์ให้พ่อค้าแม่ค้าปฏิบัติตามพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 2551 อย่างเคร่งครัด เช่น ห้ามขายและห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานที่ที่ห้าม เช่น วัด โรงเรียน สวนสาธารณะ ห้ามขายให้บุคคลอายุต่ำกว่า 20 ปี ห้ามขายโดยไม่มีใบอนุญาตขาย เป็นต้น รวมทั้งประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องการห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนถนนขณะขับขี่ หรือขณะโดยสาร หากพบจะดำเนินการทางกฎหมายอย่างไม่ละเว้น โดยเปิดสายด่วนรับแจ้งผู้กระทำผิดตลอด 24 ชั่วโมง ที่หมายเลข 1422 และ 0-2590-3342

**ตำรวจคุมเข้มถนนขึ้นเหนือ-อีสาน

ทางด้านการจราจรบนถนนสายหลักนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานจากจ.เพชรบุรี ว่าถนนเพชรเกษมมุ่งหน้าลงใต้ยังคล่องตัว รถทุกชนิดสามารถเคลื่อนตัวไปได้ คาดว่าตั้งแต่ช่วงค่ำต่อเนื่องถึงวันที่ 28 ธันวาคม จะมีปริมาณรถมากขึ้น เนื่องจากรถทุกคันที่ลงใต้ต้องผ่านถนนเพชรเกษม ซึ่งถือเป็นประตูสู่ภาคใต้ ซึ่งพล.ต.ต.พีรชาติ รื่นเริง ผบก.ภ.จว. ได้สั่งตั้งจุดตรวจวัดแอลกอฮอล์ และตรวจอาวุธรวม23 จุด ทั้งบนถนนสายหลักและสายรอง

ขณะที่การจราจรบนสายเอเชีย(สายเหนือ) อ.บางปะอิน อ.พระนครศรีอยุธยา อ.นครหลวง อ.บางปะหัน อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา และถนนสายพหลโยธิน(สายอีสาน) เริ่มมีปริมาณรถยนต์หนาแน่น เนื่องจากประชาชนและนักท่องเที่ยวเริ่มเดินทางออกต่างจังหวัด คาดว่าการจราจรจะหนาแน่นต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 28 ธันวาคม

ด้านพ.ต.อ.สมบัติ ชูชัยยะ รองผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ได้จัดกำลังลงตามจุดบริการ 5 เส้นทางหลักทั้งหมด 40 จุด เน้นบริการประชาชนช่วง 2 วันแรกที่มีประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาและเดินทางท่องเที่ยวจำนวนมาก ซึ่งมีปัญหาทุกปี

นายธรรมศักดิ์ นาวิไลกุล ขนส่งจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า จะมีการตรวจเข้มข้นกับรถตู้โดยสาร โดยให้จำกัดจำนวนผู้โดยสารตามตัวเลขข้างรถ หรือที่กฎหมายกำหนด คือ 14 ที่นั่ง ไม่ให้ยืนด้านใน หรือมีผู้โดยสารเกินกำหนด ต้องคาดเข็มขัดนิรภัยทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร หากตรวจพบว่าไม่ปฏิบัติตามจะจับปรับทันที ครั้งแรกปรับ 5,000 บาท ครั้งที่ 2 ปรับ 5,000 บาท และพักไม่ให้วิ่งรับ-ส่งผู้โดยสาร 15 วัน แต่หากยังพบอีกเป็นครั้งที่ 3 จะยึดใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะ และให้หยุดทำการวิ่งรับ-ส่งผู้โดยสารตลอดไป ส่วนรถตู้ที่ไม่ใช้ป้ายเหลืองไม่สามารถวิ่งรับ-ส่งผู้โดยสารได้ หากพบจะจับทันที

"หากประชาชนไม่ได้รับความสะดวกสบาย หรือถูกเอาเปรียบจากการโดยสาร ร้องเรียนได้ที่ศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารรถสาธารณะ สายด่วน 1584 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือโทร. 035-335-432-33 ในวันและเวลาราชการ"

**"ตร.ทางหลวง"โคราชเปิดตัว"จ่าโบก"

ที่จ.บุรีรัมย์ ว่าการจราจรบนทางหลวงหมายเลข 24 สายโชคชัย-เดชอุดม อ.ประโคนชัย ประตูสู่อีสานใต้ เริ่มมีปริมาณรถมากขึ้น แต่ไม่ถึงกับติดขัด ขณะที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัด สั่งการให้ทุกสถานี ขอความร่วมมือผู้ประกอบการโรงงานน้ำตาล ให้รถบรรทุกอ้อยหยุดวิ่งไปจนถึงวันที่ 2 มกราคม 2556 เพื่อลดความเสี่ยงจากการเกิดอุบัติเหตุ เนื่องจากช่วงนี้เป็นฤดูเปิดหีบอ้อย มีรถบรรทุกอ้อยวิ่งขนส่งแต่ละวันกว่า 100 คัน

ส่วนที่จุดบริการประชาชนตำรวจทางหลวง สี่แยกอวยชัย ริมทางหลวง 304 สายราชสีมา-ปักธงชัย ต.ธงชัยเหนือ อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา พ.ต.ท.ศรีสุวรรณ ดีมีวงษ์ สารวัตรสถานีตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 6 กองบังคับการตำรวจทางหลวง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เปิดตัว "จ่าโบก" หุ่นยนต์ตำรวจทางหลวงตัวแรกของไทย ที่สถานีตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 6 สร้างขึ้นเพื่อใช้ในการอำนวยความสะดวกด้านการจราจรช่วงเทศกาลปีใหม่ 2556 โดย "จ่าโบก" สามารถขยับข้อมือขวาขึ้นลงได้ คล้ายตำรวจทางหลวงกำลังโบกให้รถเคลื่อนไปข้างหน้า ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่รถยนต์ เข้าประจำการและปฏิบัติงานตลอดช่วงเทศกาลปีใหม่ 2556 ที่จุดบริการริมถนนมิตรภาพ ต.กลางดง อ.ปากช่อง
กำลังโหลดความคิดเห็น