**ปีงูใหญ่ สำหรับใครบางคนอาจเป็นปีที่ดีที่สุดในชีวิตการงาน และชีวิตคู่ แต่สำหรับ “คางคกตู่ จุตพร
พรหมพันธุ์” แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แล้ว เขาแทบสะกดคำว่า “โชควาสนา” ไม่เจอ
ในตลอดช่วงปีนี้ มิหนำซ้ำยังเคราะห์ซ้ำกรรมซัดพบเจอแต่เรื่อง “เฮงซวย” ทั้งนั้น
โดยเฉพาะกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสมาชิกภาพการเป็นส.ส
.ของ “จตุพร” กระทั่งเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2555 ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยโดยมีมติเสียงข้างมาก 7 ต่อ 1 ว่า แกนนำคน
เสื้อแดงรายนี้พ้นสมาชิกภาพส.ส. เนื่องจากในวันเลือกตั้งถูกกุมขังอยู่โดยหมายของศาล ซึ่งเป็นลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิ
เลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 100 (3) ถือเป็นลักษณะต้องห้ามของบุคคลที่จะเป็นสมาชิกพรรคการเมือง ตามพ.ร.บ
.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองพ.ศ.2550 มาตรา 19 วรรค 1
ดังนั้น เมื่อผู้ถูกร้องมีลักษณะต้องห้ามดังกล่าว จึงมีผลให้สมาชิกภาพความเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ของผู้ทุกร้อง
สิ้นสุดลงตามมาตรา 20 วรรค 1 (3) ผลของการสิ้นสุดสมาชิกภาพสมาชิกพรรคเพื่อไทยของผู้ถูกร้อง ทำให้ผู้ถูกร้องขาด
คุณสมบัติของความเป็นส.ส. มาตรา 101 (3) ต้องสังกัดพรรคการเมือง และเป็นผลให้สมาชิกสภาพส.ส.ของผู้ถูกร้องสิ้นสุด
ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 106 (4)
ตั้งแต่วินาทีนั้น “ตุ๊ดตู่คางคก” ก็กลายสภาพจากคางคกเลี่ยมทอง กลับเป็นพลเมืองธรรมดาที่มีคดีความติดตัวเป็นหาง
ว่าว ด้วยเหตุนี้เมื่อไม่มีเอกสิทธิ์ส.ส.คุ้มกะลาหัว
หลายฝ่ายจึงจับจ้องไปถึงเก้าอี้เสนาบดี ที่เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดี วิดีโอ
ลิงค์มายังเวทีคอนเสิร์ต “การหยุดรัฐประหารเปลี่ยนผ่านรัฐธรรมนูญ” ที่จัดโดยนปช.ที่โบนันซ่า รีสอร์ท เขาใหญ่ จ
.นครราชสีมา โดยระบุอวย “ตุ๊ดตู่” ออกหน้าออกตาว่า
“พี่น้องคงสงสัยว่า เอ๊ะ! จตุพรเนี่ยเป็นคนที่เป็นน้องที่ผมรักมากคนหนึ่ง แล้วก็เป็นคนที่ทุ่มเทให้กับพี่น้องคนเสื้อ
แดงที่สุด แต่ทำไมไม่ได้เป็นรัฐมนตรี ผมขอบอกกับพี่น้อง ณ ที่นี้ว่า คนเสื้อแดงที่เหมาะสมเป็นรัฐมนตรีมากที่สุด ชื่อจตุพรครับ
แต่ว่าเพราะผมรักจตุพร ผมมีวิธีที่จะตอบแทนและใช้หนี้จตุพร ผมขอเวลาในการที่ใช้หนี้จตุพร จตุพรเป็นคนดีที่มีอนาคตไกล
ครับ”
ถอดคำ “ทักษิณ” วันนั้น ทั้ง “คางคกตู่” แกนนำคนเสื้อแดง และมวลชนคนเสื้อแดง มั่นใจเกินร้อยว่าปรับ “ครม.ปู 3”
จะได้เห็นภาพคางคกขึ้นวอเป็นแน่
สอดคล้องกระแสข่าวก่อนการปรับครม.ก็เล็ดลอดมาเป็นระยะๆว่า “คางคกตู่” กำลังคั่วเก้าอี้รัฐมนตรีช่วยว่าการ
กระทรวงมหาดไทยแบบนอนมา ไม่มีพระนำ ทว่าเมื่อมีการแบโผออกมาในโค้งสุดท้าย กลับไร้ชื่อของเขาในลิสต์รัฐมนตรี
ใหม่ที่มีการปรับทั้งหมด 23 คน 24 ตำแหน่ง ขณะที่ชื่อของเพื่อนซี๊ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ กลับยังอยู่ และยกระดับไปในกระทรวงที่
ใหญ่ขึ้นอย่างกระทรวงพาณิชย์
** เรื่องดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้กับบรรดาแฟนคลับเสื้อแดงเป็นอย่างมาก จนมีการแฉสาเหตุออกมาว่าแท้ที่
จริงถูกเตะสกัดโดยบุคคลที่มีอักษรย่อว่า “ส.ร่างท้วม” แห่งตึกไทยคู่ฟ้าที่คอยเป่าหู “นายกฯปูกรรเชียง” ขณะที่กระแสหนึ่งก็
ระบุว่า มี “พลังลึกลับ” ส่งสัญญาณบล็อกสกัดไม่ให้เขาขึ้นวอ
อย่างไรก็ตาม ในความซวยสุดขั้ว และ “บุญไม่นำพา” ของ “คางคกตู่” ที่ต้องผจญในปีงูใหญ่ ก็ดูเหมือนใครบางคนที่
อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลกัน อย่าง สุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี จะเฮงสุดขีด ชนิดดวงพุ่งปรี๊ดติดฝาผนังตึกไทยคู่ฟ้า
สำหรับ “เดอะปุ้ม” แล้ว ต้องบอกว่ามาแรงแซงโค้งคนอื่นแบบหน้าตาย ทั้งๆ ที่ช่วงปลายสมัยพรรคไทยรักไทยกำลัง
ร่อแร่ เจ้าตัวก็ชิ่งออกไปตั้งกลุ่มกรุงเทพฯ 50 พร้อมกับวิพากษ์วิจารณ์อดีตนายเก่าอย่าง “ทักษิณ” อย่างถึงพริกถึงขิง ราวกับอยู่
กันคนละขั้ว จนสร้างรอยแผลลึกให้กับ “นายห้างดูไบ” เจ็บแค้นมาจนถึงทุกวันนี้
ทว่า ในช่วง “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” บริหารประเทศ จู่ๆ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีรายนี้ ก็โผล่พรวดมาเดิน
เตร่อยู่ในศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ในภาวะที่บ้านเมืองกำลังถูกอุทกภัยถล่มปลายปี 2554 พร้อมกับ
ทำหน้าที่กุนซือให้กับ “น้องสาวนายห้าง”
นอกจากนั้นแล้ว ยังทำหน้าที่เป็นพิธีกรคอยเซ็ตคำพูดและเซ็ตฉากให้นายกฯหญิง ในรายการรัฐบาลยิ่งลักษณ์พบ
ประชาชน และโอกาสอื่นๆ อีกด้วย
การเข้าหา “ยิ่งลักษณ์” โดยตรงแบบไม่ผ่าน “ทักษิณ” พ่วงด้วยผลงานขั้นเทพที่ยกระดับ “ปูกรรเชียง” ให้ดูดีขึ้นกว่า
เก่าได้ ไม่นานเมื่อ “เดอะปุ้ม” พ้นโทษแบนทางการเมือง จึงถูกปูนบำเหน็จให้เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ซึ่งถือเป็น
ตำแหน่งที่หลายคนขนานนามว่า “นายกฯน้อย”
จนทำเอาหลายคนในพรรคเพื่อไทยคั่งแค้น เพราะเจ้าตัวไม่เคยต่อสู้เคียงไหล่เคียงบ่าตอนภาวะที่พรรคอับจน
ความอคติดังกล่าวต่อ “เดอะปุ้ม” ของคนในพรรคทั้งแกงค์เสื้อแดง และส.ส.หลายคน ยังทำให้ปัจจุบันทุกครั้งที่ “
ยิ่งลักษณ์” เข้าประชุมพรรค จึงไม่เห็นเงาของนายกฯน้อยรายนี้เหยียบที่ทำการพรรคเลยสักครา
** อย่างไรก็ดี การมีโชควาสนาในตำแหน่งนายกฯน้อยของ “เดอะปุ้ม” ดูจะไม่หยุดเพียงเท่านั้น เมื่อเจ้าตัวยังได้รับ
ความไว้วางใจจาก “ยิ่งลักษณ์” ให้ดูแลงานแทบทุกอย่างของนายกฯ ในที่นี้ยังรวมถึงการตัดสินใจเลือกคนเข้ามาเป็นเสนาบดี
ใน “ครม.ปู 3” อีกด้วย
โดยเฉพาะในโควตา “ไทยคู่ฟ้า” ที่รอบนี้จับยัด “เจ๊ติ๋ว-ศันสนีย์ นาคพงศ์” จากโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ขึ้นชั้นมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีอีกด้วย
โดย “เจ๊ติ๋ว” ได้รับมอบหมายให้ดูแลกรมประชาสัมพันธ์ ซึ่งมีสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 หรือ
เอ็นบีที ซึ่งก็แน่นอนในฐานะคนเคยทำสื่ออย่าง “เดอะปุ้ม” คงปฏิเสธไม่ได้หากจะมีคนจับโยงว่าผังรายการของช่อง 11 จะ
ต้องมีเจ้าตัวเข้าไปพัวพัน
นอกจากกรณีดังกล่าวแล้ว นายกฯน้อยรายนี้ยังตกเป็นเป้าของแกนนำคนเสื้อแดงที่โจมตีว่าเขาคือสาเหตุหนึ่งที่ทำ
ให้ “คางคกตู่” ซดน้ำแห้วไม่ให้ขึ้นวอ ขณะเดียวกันก็เตือนไปยัง “นายกฯหญิง” ว่าจะอาจพังเพราะคนๆนี้ได้ เนื่องจากเคยทิ้ง
“นายใหญ่” มาแล้วหนหนึ่ง
แต่ก็ดูเหมือน “ยิ่งลักษณ์” จะนิ่งกับเสียงท้วงติงและไม่มีสัญญาณตอบกลับ
จับขมวดเรื่องราวของคนสองคนระหว่าง “จตุพร” และ “สุรนันทน์” คงต้องบอกว่าวาสนาต่างกันราวหน้ามือกับ
หลังเท้า คนหนึ่งสู้แทบตายแต่สุดท้าย “บุญไม่นำพา” กับอีกคนไม่สู้ แต่นกรู้ว่าจะก้าวกระโดดทางไหนถึงจะได้ดี
**เรียกว่า คนหนึ่งรุ่ง คนหนึ่งร่วง แตกต่างกันสุดขั้ว
พรหมพันธุ์” แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แล้ว เขาแทบสะกดคำว่า “โชควาสนา” ไม่เจอ
ในตลอดช่วงปีนี้ มิหนำซ้ำยังเคราะห์ซ้ำกรรมซัดพบเจอแต่เรื่อง “เฮงซวย” ทั้งนั้น
โดยเฉพาะกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสมาชิกภาพการเป็นส.ส
.ของ “จตุพร” กระทั่งเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2555 ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยโดยมีมติเสียงข้างมาก 7 ต่อ 1 ว่า แกนนำคน
เสื้อแดงรายนี้พ้นสมาชิกภาพส.ส. เนื่องจากในวันเลือกตั้งถูกกุมขังอยู่โดยหมายของศาล ซึ่งเป็นลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิ
เลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 100 (3) ถือเป็นลักษณะต้องห้ามของบุคคลที่จะเป็นสมาชิกพรรคการเมือง ตามพ.ร.บ
.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองพ.ศ.2550 มาตรา 19 วรรค 1
ดังนั้น เมื่อผู้ถูกร้องมีลักษณะต้องห้ามดังกล่าว จึงมีผลให้สมาชิกภาพความเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ของผู้ทุกร้อง
สิ้นสุดลงตามมาตรา 20 วรรค 1 (3) ผลของการสิ้นสุดสมาชิกภาพสมาชิกพรรคเพื่อไทยของผู้ถูกร้อง ทำให้ผู้ถูกร้องขาด
คุณสมบัติของความเป็นส.ส. มาตรา 101 (3) ต้องสังกัดพรรคการเมือง และเป็นผลให้สมาชิกสภาพส.ส.ของผู้ถูกร้องสิ้นสุด
ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 106 (4)
ตั้งแต่วินาทีนั้น “ตุ๊ดตู่คางคก” ก็กลายสภาพจากคางคกเลี่ยมทอง กลับเป็นพลเมืองธรรมดาที่มีคดีความติดตัวเป็นหาง
ว่าว ด้วยเหตุนี้เมื่อไม่มีเอกสิทธิ์ส.ส.คุ้มกะลาหัว
หลายฝ่ายจึงจับจ้องไปถึงเก้าอี้เสนาบดี ที่เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดี วิดีโอ
ลิงค์มายังเวทีคอนเสิร์ต “การหยุดรัฐประหารเปลี่ยนผ่านรัฐธรรมนูญ” ที่จัดโดยนปช.ที่โบนันซ่า รีสอร์ท เขาใหญ่ จ
.นครราชสีมา โดยระบุอวย “ตุ๊ดตู่” ออกหน้าออกตาว่า
“พี่น้องคงสงสัยว่า เอ๊ะ! จตุพรเนี่ยเป็นคนที่เป็นน้องที่ผมรักมากคนหนึ่ง แล้วก็เป็นคนที่ทุ่มเทให้กับพี่น้องคนเสื้อ
แดงที่สุด แต่ทำไมไม่ได้เป็นรัฐมนตรี ผมขอบอกกับพี่น้อง ณ ที่นี้ว่า คนเสื้อแดงที่เหมาะสมเป็นรัฐมนตรีมากที่สุด ชื่อจตุพรครับ
แต่ว่าเพราะผมรักจตุพร ผมมีวิธีที่จะตอบแทนและใช้หนี้จตุพร ผมขอเวลาในการที่ใช้หนี้จตุพร จตุพรเป็นคนดีที่มีอนาคตไกล
ครับ”
ถอดคำ “ทักษิณ” วันนั้น ทั้ง “คางคกตู่” แกนนำคนเสื้อแดง และมวลชนคนเสื้อแดง มั่นใจเกินร้อยว่าปรับ “ครม.ปู 3”
จะได้เห็นภาพคางคกขึ้นวอเป็นแน่
สอดคล้องกระแสข่าวก่อนการปรับครม.ก็เล็ดลอดมาเป็นระยะๆว่า “คางคกตู่” กำลังคั่วเก้าอี้รัฐมนตรีช่วยว่าการ
กระทรวงมหาดไทยแบบนอนมา ไม่มีพระนำ ทว่าเมื่อมีการแบโผออกมาในโค้งสุดท้าย กลับไร้ชื่อของเขาในลิสต์รัฐมนตรี
ใหม่ที่มีการปรับทั้งหมด 23 คน 24 ตำแหน่ง ขณะที่ชื่อของเพื่อนซี๊ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ กลับยังอยู่ และยกระดับไปในกระทรวงที่
ใหญ่ขึ้นอย่างกระทรวงพาณิชย์
** เรื่องดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้กับบรรดาแฟนคลับเสื้อแดงเป็นอย่างมาก จนมีการแฉสาเหตุออกมาว่าแท้ที่
จริงถูกเตะสกัดโดยบุคคลที่มีอักษรย่อว่า “ส.ร่างท้วม” แห่งตึกไทยคู่ฟ้าที่คอยเป่าหู “นายกฯปูกรรเชียง” ขณะที่กระแสหนึ่งก็
ระบุว่า มี “พลังลึกลับ” ส่งสัญญาณบล็อกสกัดไม่ให้เขาขึ้นวอ
อย่างไรก็ตาม ในความซวยสุดขั้ว และ “บุญไม่นำพา” ของ “คางคกตู่” ที่ต้องผจญในปีงูใหญ่ ก็ดูเหมือนใครบางคนที่
อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลกัน อย่าง สุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี จะเฮงสุดขีด ชนิดดวงพุ่งปรี๊ดติดฝาผนังตึกไทยคู่ฟ้า
สำหรับ “เดอะปุ้ม” แล้ว ต้องบอกว่ามาแรงแซงโค้งคนอื่นแบบหน้าตาย ทั้งๆ ที่ช่วงปลายสมัยพรรคไทยรักไทยกำลัง
ร่อแร่ เจ้าตัวก็ชิ่งออกไปตั้งกลุ่มกรุงเทพฯ 50 พร้อมกับวิพากษ์วิจารณ์อดีตนายเก่าอย่าง “ทักษิณ” อย่างถึงพริกถึงขิง ราวกับอยู่
กันคนละขั้ว จนสร้างรอยแผลลึกให้กับ “นายห้างดูไบ” เจ็บแค้นมาจนถึงทุกวันนี้
ทว่า ในช่วง “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” บริหารประเทศ จู่ๆ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีรายนี้ ก็โผล่พรวดมาเดิน
เตร่อยู่ในศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ในภาวะที่บ้านเมืองกำลังถูกอุทกภัยถล่มปลายปี 2554 พร้อมกับ
ทำหน้าที่กุนซือให้กับ “น้องสาวนายห้าง”
นอกจากนั้นแล้ว ยังทำหน้าที่เป็นพิธีกรคอยเซ็ตคำพูดและเซ็ตฉากให้นายกฯหญิง ในรายการรัฐบาลยิ่งลักษณ์พบ
ประชาชน และโอกาสอื่นๆ อีกด้วย
การเข้าหา “ยิ่งลักษณ์” โดยตรงแบบไม่ผ่าน “ทักษิณ” พ่วงด้วยผลงานขั้นเทพที่ยกระดับ “ปูกรรเชียง” ให้ดูดีขึ้นกว่า
เก่าได้ ไม่นานเมื่อ “เดอะปุ้ม” พ้นโทษแบนทางการเมือง จึงถูกปูนบำเหน็จให้เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ซึ่งถือเป็น
ตำแหน่งที่หลายคนขนานนามว่า “นายกฯน้อย”
จนทำเอาหลายคนในพรรคเพื่อไทยคั่งแค้น เพราะเจ้าตัวไม่เคยต่อสู้เคียงไหล่เคียงบ่าตอนภาวะที่พรรคอับจน
ความอคติดังกล่าวต่อ “เดอะปุ้ม” ของคนในพรรคทั้งแกงค์เสื้อแดง และส.ส.หลายคน ยังทำให้ปัจจุบันทุกครั้งที่ “
ยิ่งลักษณ์” เข้าประชุมพรรค จึงไม่เห็นเงาของนายกฯน้อยรายนี้เหยียบที่ทำการพรรคเลยสักครา
** อย่างไรก็ดี การมีโชควาสนาในตำแหน่งนายกฯน้อยของ “เดอะปุ้ม” ดูจะไม่หยุดเพียงเท่านั้น เมื่อเจ้าตัวยังได้รับ
ความไว้วางใจจาก “ยิ่งลักษณ์” ให้ดูแลงานแทบทุกอย่างของนายกฯ ในที่นี้ยังรวมถึงการตัดสินใจเลือกคนเข้ามาเป็นเสนาบดี
ใน “ครม.ปู 3” อีกด้วย
โดยเฉพาะในโควตา “ไทยคู่ฟ้า” ที่รอบนี้จับยัด “เจ๊ติ๋ว-ศันสนีย์ นาคพงศ์” จากโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ขึ้นชั้นมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีอีกด้วย
โดย “เจ๊ติ๋ว” ได้รับมอบหมายให้ดูแลกรมประชาสัมพันธ์ ซึ่งมีสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 หรือ
เอ็นบีที ซึ่งก็แน่นอนในฐานะคนเคยทำสื่ออย่าง “เดอะปุ้ม” คงปฏิเสธไม่ได้หากจะมีคนจับโยงว่าผังรายการของช่อง 11 จะ
ต้องมีเจ้าตัวเข้าไปพัวพัน
นอกจากกรณีดังกล่าวแล้ว นายกฯน้อยรายนี้ยังตกเป็นเป้าของแกนนำคนเสื้อแดงที่โจมตีว่าเขาคือสาเหตุหนึ่งที่ทำ
ให้ “คางคกตู่” ซดน้ำแห้วไม่ให้ขึ้นวอ ขณะเดียวกันก็เตือนไปยัง “นายกฯหญิง” ว่าจะอาจพังเพราะคนๆนี้ได้ เนื่องจากเคยทิ้ง
“นายใหญ่” มาแล้วหนหนึ่ง
แต่ก็ดูเหมือน “ยิ่งลักษณ์” จะนิ่งกับเสียงท้วงติงและไม่มีสัญญาณตอบกลับ
จับขมวดเรื่องราวของคนสองคนระหว่าง “จตุพร” และ “สุรนันทน์” คงต้องบอกว่าวาสนาต่างกันราวหน้ามือกับ
หลังเท้า คนหนึ่งสู้แทบตายแต่สุดท้าย “บุญไม่นำพา” กับอีกคนไม่สู้ แต่นกรู้ว่าจะก้าวกระโดดทางไหนถึงจะได้ดี
**เรียกว่า คนหนึ่งรุ่ง คนหนึ่งร่วง แตกต่างกันสุดขั้ว