ASTVผู้จัดการรายวัน-ตลาดหลักทรัยพ์ฯเซ็นเอ็มโอยูให้ความร่วมมือพัฒนาตลาดหลักทรัพย์ลาวต่อเป็นครั้งที่3 "วรพล" ชี้หากตลาดหุ้นลาวเข็มแข็งจะส่งผลดีตลาดหุ้นไทย วอลุ่มเพิ่ม-รับงานด้านบริการหลังซื้อขายหลักทรัพย์ ด้านประธานตลาดหลักทรัพย์ลาว ชี้ปีหน้า มีหุ้นไอพีโอเข้าจดทะเบียนอีก 3 บริษัท จากปัจจุบันมีเพียง 2 บริษัท เล็งเปิดให้บริการซื้อขายอินเตอร์เน็ต
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯการลงนามต่ออายุ MOU กับตลาดหลักทรัพย์ลาวเพิ่มอีก 2 ปี (2556-2557) เพื่อส่งเสริมความร่วมมือในระยะยาวระหว่างตลาดหลักทรัพย์ทั้ง 2 แห่ง และยังถือเป็นการกระชับความสัมพันธ์ของภาคธุรกิจการเงินระหว่างประเทศไทย และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวอีกด้วย ซึ่งการลงนามครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่สามเพื่อต่อยอดการสนับสนุนความรู้ด้านการดำเนินธุรกิจตลาดทุนแก่บุคลากร ผู้ประกอบวิชาชีพในธุรกิจหลักทรัพย์ ผู้ลงทุน รวมทั้งผู้ร่วมตลาดอื่น ๆ
"ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมีความยินดีอย่างยิ่ง ในการสร้างความร่วมมือในระยะยาวกับตลาดหลักทรัพย์ลาว ทำให้มีความต่อเนื่องในการจัดอบรมพัฒนาบุคลากรตลาดหลักทรัพย์ลาว ผู้ประกอบวิชาชีพในตลาดทุน ให้คำแนะนำการดูแลกำกับการซื้อขาย และการจัดประชุมร่วมกันในระดับผู้บริหารอย่างสม่ำเสมอ" นายจรัมพร กล่าว
ท่านเดดพูวัง มูลรัตน์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ตลาดหลักทรัพย์ลาว กล่าวว่า บันทึกข้อตกลงความร่วมมือฉบับใหม่นี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะจัดการอบรมและดูงานอย่างต่อเนื่องให้แก่บุคลากรของตลาดหลักทรัพย์ลาว และสนับสนุนการพัฒนาความรู้เกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจตลาดหลักทรัพย์สำหรับผู้ประกอบวิชาชีพในธุรกิจหลักทรัพย์ เพื่อสร้างความเข้าใจในการทำธุรกรรมของทั้งสองตลาด รวมถึงแบ่งปันประสบการณ์และความรู้ด้านการกำกับดูแลการซื้อขายหลักทรัพย์ให้มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ กฎระเบียบรองรับ และมีการดำเนินการกับการละเมิดกฎเกณฑ์ด้วยนอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมธุรกรรมการซื้อขาย รวมถึงการสนับสนุนให้เกิดโอกาสทางธุรกิจระหว่างกันอีกด้วย
สำหรับปัจจุบันตลาดหลักทรัพย์ลาวมีหุ้นจดทะเบียนจำนวน 2 บริษัท ซึ่งในปีหน้าจะเข้าจดทะเบียนอีก 3 บริษัท คือ บริษัท กาแฟดาวเรือง สายการบินลาว และบริษัทปิโตรเทรด และปีหน้าตลาดหุ้นลาวมีแผนที่จะให้บริการซื้อขายหุ้นผ่านอินเตอร์เน็ต ซึ่งมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ของลาวปัจจุบันยังไม่มากนัก ซึ่งปีหน้ามีแผนที่จะเพิ่มขึ้นวอลุ่มการซื้อขายให้มากขึ้น
นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า การร่วมมือของตลาดหลักทรัพย์ไทยในการช่วยเหลือตลาดหลักทรัพย์ลาว ซึ่งหากตลาดหลักทรัพย์ลาวมีความเข็มแข็งนั้นก็จะส่งผลดีทำให้ตลาดหุ้นในภูมิภาคอาเซียนมีขนาดใหญ่มากขึ้น ทำให้เป็นที่น่าสนใจของนักลงทุนต่างประเทศ โดยจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นไทยเติบโตไปด้วย เนื่องจาก จะสร้างโอกาสทางธุรกิจเช่น งานที่ปรึกษาทางการเงินไทยที่จะได้งานในการนำหุ้นใหม่เข้าตลาด และปริมาณการซื้อขายน่าจะเพิ่มขึ้นหากมีการซื้อขายระหว่างกัน เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติที่ต้องการลงทุนในกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง อย่างเช่น พม่า ลาว จำเป็นต้องลงทุนผ่านหุ้นไทย เพราะจะมีบริษัทร่วมลงทุนระหว่างไทยและพม่าเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย ซึ่งทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ปรับเกณฑ์เพื่อให้สามารถรับหลักทรัพย์เหล่านี้ได้ จะทำให้ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยสูงขึ้น น่าจะเห็นโอกาสทางธุรกิจเหล่านี้ใน 1-2 ปีข้างหน้า
ทั้งนี้ในแง่ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET) ยังสามารถเข้าไปรับงานบริการหลังการซื้อขายให้กับตลาดหุ้นลาว เช่น ระบบเรื่องชำระราคาและส่งมอบให้กับตลาดหุ้นลาวได้อีกทางหนึ่ง เพราะหากทางตลาดหุ้นลาวเป็นผู้พัฒนาระบบเองอาจไม่คุ้มค่ากับการลงทุน เมื่อเทียบกับให้SET เข้าไปพัฒนาระบบให้ โดยที่ผ่านมาตลาดทุนไทนได้เข้าไปให้ความช่วยเหลือตลาดหุ้นลาวในเรื่องของการเป็นที่ปรึกษาร่างพรบ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของตลาดหุ้นลาว การอบรมและให้ความรู้เกี่ยวกับการอนุมัติรับหลักทรัพย์ให้กับผู้บริหารของตลาดหุ้นลาวและก.ล.ต.ของลาว การพาผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์และบริษัทหลักทรัพย์จัดการลงทุน(บลจ.)ของไทยไปดูงานในประเทศลาวเพื่อมองหาโอกาสทางธุรกิจ เพราะในอนาคตทางลาวจะเปิดโอกาสให้มีบริษัทที่ปรึกษาทางการลงทุนมากขึ้น
ขณะเดียวกันทางก.ล.ต.เองได้มีการปรับกฎเกณฑ์เพื่อรองรับกับโอกาสทางธุรกิจเมื่อตลาดหุ้นในภูมิภาคนี้มีความเข้มแข็ง เช่นเกณฑ์การรับหลักทรัพย์โฮลดิ้งคอมพานี อยู่ระหว่างการแก้กฎหมายรับหลักทรัพย์แบบจดทะเบียนครั้งที่ 2 (Secondary Listing) และDR ใบรับฝากหลักทรัพย์
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯการลงนามต่ออายุ MOU กับตลาดหลักทรัพย์ลาวเพิ่มอีก 2 ปี (2556-2557) เพื่อส่งเสริมความร่วมมือในระยะยาวระหว่างตลาดหลักทรัพย์ทั้ง 2 แห่ง และยังถือเป็นการกระชับความสัมพันธ์ของภาคธุรกิจการเงินระหว่างประเทศไทย และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวอีกด้วย ซึ่งการลงนามครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่สามเพื่อต่อยอดการสนับสนุนความรู้ด้านการดำเนินธุรกิจตลาดทุนแก่บุคลากร ผู้ประกอบวิชาชีพในธุรกิจหลักทรัพย์ ผู้ลงทุน รวมทั้งผู้ร่วมตลาดอื่น ๆ
"ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมีความยินดีอย่างยิ่ง ในการสร้างความร่วมมือในระยะยาวกับตลาดหลักทรัพย์ลาว ทำให้มีความต่อเนื่องในการจัดอบรมพัฒนาบุคลากรตลาดหลักทรัพย์ลาว ผู้ประกอบวิชาชีพในตลาดทุน ให้คำแนะนำการดูแลกำกับการซื้อขาย และการจัดประชุมร่วมกันในระดับผู้บริหารอย่างสม่ำเสมอ" นายจรัมพร กล่าว
ท่านเดดพูวัง มูลรัตน์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ตลาดหลักทรัพย์ลาว กล่าวว่า บันทึกข้อตกลงความร่วมมือฉบับใหม่นี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะจัดการอบรมและดูงานอย่างต่อเนื่องให้แก่บุคลากรของตลาดหลักทรัพย์ลาว และสนับสนุนการพัฒนาความรู้เกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจตลาดหลักทรัพย์สำหรับผู้ประกอบวิชาชีพในธุรกิจหลักทรัพย์ เพื่อสร้างความเข้าใจในการทำธุรกรรมของทั้งสองตลาด รวมถึงแบ่งปันประสบการณ์และความรู้ด้านการกำกับดูแลการซื้อขายหลักทรัพย์ให้มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ กฎระเบียบรองรับ และมีการดำเนินการกับการละเมิดกฎเกณฑ์ด้วยนอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมธุรกรรมการซื้อขาย รวมถึงการสนับสนุนให้เกิดโอกาสทางธุรกิจระหว่างกันอีกด้วย
สำหรับปัจจุบันตลาดหลักทรัพย์ลาวมีหุ้นจดทะเบียนจำนวน 2 บริษัท ซึ่งในปีหน้าจะเข้าจดทะเบียนอีก 3 บริษัท คือ บริษัท กาแฟดาวเรือง สายการบินลาว และบริษัทปิโตรเทรด และปีหน้าตลาดหุ้นลาวมีแผนที่จะให้บริการซื้อขายหุ้นผ่านอินเตอร์เน็ต ซึ่งมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ของลาวปัจจุบันยังไม่มากนัก ซึ่งปีหน้ามีแผนที่จะเพิ่มขึ้นวอลุ่มการซื้อขายให้มากขึ้น
นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า การร่วมมือของตลาดหลักทรัพย์ไทยในการช่วยเหลือตลาดหลักทรัพย์ลาว ซึ่งหากตลาดหลักทรัพย์ลาวมีความเข็มแข็งนั้นก็จะส่งผลดีทำให้ตลาดหุ้นในภูมิภาคอาเซียนมีขนาดใหญ่มากขึ้น ทำให้เป็นที่น่าสนใจของนักลงทุนต่างประเทศ โดยจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นไทยเติบโตไปด้วย เนื่องจาก จะสร้างโอกาสทางธุรกิจเช่น งานที่ปรึกษาทางการเงินไทยที่จะได้งานในการนำหุ้นใหม่เข้าตลาด และปริมาณการซื้อขายน่าจะเพิ่มขึ้นหากมีการซื้อขายระหว่างกัน เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติที่ต้องการลงทุนในกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง อย่างเช่น พม่า ลาว จำเป็นต้องลงทุนผ่านหุ้นไทย เพราะจะมีบริษัทร่วมลงทุนระหว่างไทยและพม่าเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย ซึ่งทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ปรับเกณฑ์เพื่อให้สามารถรับหลักทรัพย์เหล่านี้ได้ จะทำให้ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยสูงขึ้น น่าจะเห็นโอกาสทางธุรกิจเหล่านี้ใน 1-2 ปีข้างหน้า
ทั้งนี้ในแง่ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET) ยังสามารถเข้าไปรับงานบริการหลังการซื้อขายให้กับตลาดหุ้นลาว เช่น ระบบเรื่องชำระราคาและส่งมอบให้กับตลาดหุ้นลาวได้อีกทางหนึ่ง เพราะหากทางตลาดหุ้นลาวเป็นผู้พัฒนาระบบเองอาจไม่คุ้มค่ากับการลงทุน เมื่อเทียบกับให้SET เข้าไปพัฒนาระบบให้ โดยที่ผ่านมาตลาดทุนไทนได้เข้าไปให้ความช่วยเหลือตลาดหุ้นลาวในเรื่องของการเป็นที่ปรึกษาร่างพรบ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของตลาดหุ้นลาว การอบรมและให้ความรู้เกี่ยวกับการอนุมัติรับหลักทรัพย์ให้กับผู้บริหารของตลาดหุ้นลาวและก.ล.ต.ของลาว การพาผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์และบริษัทหลักทรัพย์จัดการลงทุน(บลจ.)ของไทยไปดูงานในประเทศลาวเพื่อมองหาโอกาสทางธุรกิจ เพราะในอนาคตทางลาวจะเปิดโอกาสให้มีบริษัทที่ปรึกษาทางการลงทุนมากขึ้น
ขณะเดียวกันทางก.ล.ต.เองได้มีการปรับกฎเกณฑ์เพื่อรองรับกับโอกาสทางธุรกิจเมื่อตลาดหุ้นในภูมิภาคนี้มีความเข้มแข็ง เช่นเกณฑ์การรับหลักทรัพย์โฮลดิ้งคอมพานี อยู่ระหว่างการแก้กฎหมายรับหลักทรัพย์แบบจดทะเบียนครั้งที่ 2 (Secondary Listing) และDR ใบรับฝากหลักทรัพย์