xs
xsm
sm
md
lg

นักลงทุนแห่โยกซื้อหุ้น กดราคาทองปรับฐาน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เฮดจฟันด์เทขาย อีกทั้งนักลงทุนโยกเงินจากทองคำสู่หุ้น กดราคาทองปรับตัวร่วง โบรกฯประเมินอยู่ในช่วงผันผวนและปรับฐาน หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯปรับตัวดีขึ้น ชี้แค่ปรับตัวลงระยะสั้น โดยหากราคาสามารถยืนเหนือบริเวณ 1,631 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อย่างแข็งแกร่ง คาดว่าจะขยับขึ้นต่อ

นาย สัญญา หาญพัฒนกิจพาณิช ผู้อำนวยการทีมพัฒนาธุรกิจตลาดอนุพันธ์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โกลเบล็ก จำกัด กล่าวถึง ภาพรวมการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในช่วงที่ผ่านมา ว่า การที่ราคาทองคำทรงตัว และปรับตัวลงไปต่ำกว่าบาทละ 24,000 บาท เมื่อวันศุกร์ที่ 21 ธ.ค.ที่ผ่านมา และฟื้นตัวขึ้นมาอยู่ที่ 24,000 บาทนั้น ส่วนหนึ่งประเมินว่าเกิดการโยกย้ายสินทรัพย์การลงทุนของนักลงทุน ที่เปลี่ยนจากทองคำ มาเป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงเช่นตลาดหุ้น ซึ่งสังเกตได้จากการเคลื่อนไหวของดัชนีในช่วงส่งท้ายปี หลายตลาดปรับตัวสูงขึ้น

อย่างไรก็ตามเชื่อว่าในระยะยาว ราคาทองคำยังไม่ปรับตัวลดลงไปมาก เพราะโดยรวมแล้วธนาคารกลางประเทศต่างๆ ยังเลือกที่จะซื้อทองคำสะสมไว้มากกว่า เนื่องจากมีการประเมินกันว่าหากสหรัฐฯขยายเพดานหนี้ได้ และความน่ากังวลต่างๆคลี่คลาย มาตรการการอัดฉีดเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจน่าจะเกิดขึ้นขึ้น ซึ่งจะมีผลทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่า และทำให้ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้น ดังนั้นการปรับตัวลงของราคาทองคำในช่วงนี้ จึงมองว่ายังเป็นการปรับตัวลงในระยะสั้นเท่านั้น

ทั้งนี้ บมจ. โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ ประเมินทิศทางราคาทองคำว่า เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.ราคาทองคำยังคงผันผวนในกรอบและได้รับแรงหนุนจากการที่ EU ได้ตกลงอนมัติการอัดฉีดเม็ดเงินมูลค่า 1.87 พันล้านยูโรเข้าสู่ธนาคาร 4 แห่งของสเปนเป็นการตอบสนองในมาตรการปฏิรูปภาคธนาคาร แต่ความเชื่อมั่นผู้บริโภคของเยอรมนีลดลงเป็นเดือนที่ 4 เป็นปัจจัยที่กดดันราคาทองคำ

ทำให้แนวโน้มราคาทองคำวันนี้ (24ธ.ค.) คาดกรอบการลงทุนที่ 1,620-1,675ดอลลาร์ต่อออนซ์แนะนำนักลงทุนหากยังไม่มาสถานะให้รอซื้อบริเวณ 1,620-1,635ดอลลาร์ต่อออนซ์เพื่อรอไปทำกำไรบริเวณแนวต้านที่ 1,665-1,675ดอลลาร์ต่อออนซ์ซึ่งหากราคาทองคำลดลงต่ำกว่า 1,600ดอลลาร์ต่อออนซ์แล้วนั้นแนะนำนักลงทุนให้ทยอยตัดขาดทุน

ขณะที่ บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ประเมินว่า นักลงทุนลดความต้องการซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐปรับตัวดีขึ้นโดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า มูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐเติบโตขึ้น 3.1% ต่อปีในไตรมาสสาม ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 2.7 % กดดันราคาทองคำให้หลุดแนวรับทางเทคนิค โดยราคาหลุดเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วันที่ 1,660 ดอลลาร์ลงมา หลังจากทรงตัวมาได้นาน 4 เดือน ส่งผลให้ราคาทองคำดิ่งตัวลงโดยสร้างจุดต่ำสุดใหม่นับตั้งแต่เดือนสิงหาคม

ในขณะที่กองทุนเฮดจ์ฟันด์เทขายทองคำออกมา หลังจากมีข่าวว่า บริษัทมอร์แกน สแตนเลย์ สมิธ บาร์นีย์ ที่ปรึกษาทางการเงิน แนะนำลูกค้าให้ถอนเงินออกจากกองทุนของ นายจอห์น พอลสัน ซึ่งเป็นผู้ที่คาดการณ์ราคาทองคำในทางบวกมาเป็นเวลานาน ขณะที่กองทุนเฮดจ์ฟันด์หลายแห่งกังวลว่าลูกค้าจะทำการไถ่ถอนเงินลงทุนออกจากองทุนเพิ่มขึ้น เนื่องจากเฮดจ์ฟันด์โดยรวมทำกำไรได้ต่ำกว่าผลตอบแทนของตลาดในปีนี้

เบื้องต้น วายแอลจีประเมินว่าราคาทองคำอยู่ในช่วงของการปรับฐาน โดยนักลงทุนสามารถหาจังหวะซื้อเล่นสั้น เมื่อราคาย่อตัวลงไปและไม่หลุดบริเวณแนวรับ 1,631 หรือ 1,622 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และปิดสถานะทำกำไรทันทีเมื่อราคาดีดตัวขึ้น โดยนักลงทุนควรวางแผนการลงทุนอย่างรอบครอบเนื่องจากวันจันทร์ที่ 24 ธันวาคม 2555 ตลาดการเงินต่างประเทศจะปิดทำการเร็วกว่าปกติเนื่องในวันคริสต์มาสอีฟ และสำหรับวันอังคารที่ 25 ธันวาคม 2555 ตลาดการเงินต่างประเทศปิดทำการเนื่องในวันคริสต์มาส

ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า ราคาทองคำยังอยู่ในช่วงของการปรับฐาน เบื้องต้นประเมินว่าหากราคาสามารถยืนเหนือบริเวณ 1,631 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อย่างแข็งแกร่ง คาดว่าราคาจะขยับขึ้นทดสอบแนวต้าน อย่างไรก็ตามเมื่อราคาขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,658 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ยังไม่สามารถผ่านไปได้แนะนำขายทำกำไรบางส่วน แนะนำนักลงทุนเข้าซื้อเมื่อราคามีการย่อตัวเข้าใกล้บริเวณแนวรับ 1,631 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยหากราคาไม่หลุดแนวรับราคาทองคำยังมีโอกาสค่อยๆขยับขึ้นทดสอบแนวต้านอีกครั้ง แต่หากราคาหลุดโซนดังกล่าวจะปรับตัวลงไปต่อ โดยมีแนวรับถัดไปที่บริเวณ 1,622 ดอลลาร์ต่อออนซ์
กำลังโหลดความคิดเห็น