นายประพันธ์ คูณมี กล่าวถึงการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) ที่จะมีขึ้นในช่วงต้นปีหน้าว่า ที่ผ่านมาแกนนำพันธมิตรฯ ได้มีการหารือถึงสถานการณ์ทางการเมืองของประเทศโดยรวม และได้มีการพูดถึงการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ด้วย เห็นว่าการเมืองโดยระบบพรรคการเมืองในประเทศไทยขณะนี้ ล้มเหลว มุ่งแต่จะแก่งแย่ง ชิงอำนาจ พรรคที่ชนะเลือกตั้งได้เข้ามาเป็นรัฐบาลบริหารประเทศ ก็ตั้งหน้าแต่จะหาผลประโยชน์ ทุจริต คอร์รัปชัน เอื้อพวกพ้อง ลุแก่อำนาจ ไม่เคารพกฎหมาย ขณะที่ฝ่ายค้านก็อ่อนแอ ไม่ทำหน้าที่ตรวจสอบอย่างจริงจัง เป็นที่พึ่งของประชาชนไม่ได้ จึงเห็นว่า เป็นระบบการเมืองที่ล้มเหลว มีแต่จะพาชาติบ้านเมืองตกต่ำ
ทางแกนนำพันธมิตรฯจึงต้องออกเดินสายไปตามจังหวัดต่างๆ รณรงค์ ติดอาวุธทางความคิด ให้ความรู้กับประชน เพื่อนำไปสู่การปฏิรูปการเมืองอย่างแท้จริง เป็นการเมืองที่มุ่งทำประโยชน์เพื่อประเทศชาติ เสียสละ เป็นที่พึ่งของประชาชนได้
เมื่อมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ซึ่งเป็นสนามเลือกตั้งท้องถิ่นที่ใหญ่ที่สุดในการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งส่วนใหญ่เป็นชนชั้นกลาง มีความตื่นตัวทางการเมืองสูง ทางแกนนำพันธมิตรฯจึงเห็นว่า เพื่อเป็นการสอดคล้องกับแนวทางการปฏิรูปการเมืองที่ทางกลุ่มกำลังพยายามขับเคลื่อนอยู่ จึงควรให้การสนับสนุนผู้สมัครอิสระ ที่ไม่อยู่ในสังกัดพรรคการเมือง และผู้สมัครรับเลือกตั้งเปิดตัว อาสามารับใช้ชาวกทม. ในนามผู้สมัครอิสระในขณะนี้ ก็เห็นจะมีแต่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส เท่านั้นที่โดดเด่นกว่าคนอื่น
นายประพันธ์ กล่าวด้วยว่า โดยส่วนตัวแล้ว มีความสนิทสนมกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ พอสมควร และในการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯที่ผ่านมา ทาง"กลุ่มเพื่อนเสรี" ก็ให้การสนับสนุน ระดมเงิน สิ่งของ และมาร่วมชุมนุมต่อสู้ด้วย ก่อนเปิดตัวลงสมัครรับเลือกตั้ง ก็ได้มีการปรึกษาหารือกันมาบ้าง เห็นว่าเป็นคนที่มีประวัติการทำงานโดดเด่น ทั้งในด้านหน้าที่ราชการ และการบริหาร มีความกล้าหาญ กล้าตัดสินใจ สามารถที่จะดูแลประชาชน ในเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน กล้าชนกับกลุ่มผู้มีอิทธิพล ที่สำคัญคือ เป็นคนที่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
อย่างไรก็ตาม เรื่องการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ครั้งนี้ พันธมิตรฯ จะไม่มีการประชุมเพื่อมีมติว่าจะสนับสนุนบุคคลใดบุคคลหนึ่ง เพราะเข้าใจดีว่า กลุ่มพันธมิตรฯ เป็นคนที่มีความคิดในทางการเมือง มีอิสระในการที่จะพิจารณาใช้สิทธิออกเสียงเลือกตั้ง แต่โดยจุดยืนของพันธมิตรฯ ที่กำลังรณรงค์ในขณะนี้คือ ไม่สนับสนุนการเมืองในระบบพรรค เพราะไม่สามารถแก้ปัญหาของประเทศชาติได้ ดังที่กล่าวมาแล้ว
นายประพันธ์ กล่าวด้วยว่า อยากเห็นประชาชนมีความตื่นตัวที่จะปฏิรูปการเมือง โดยใช้การเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ในครั้งนี้ เป็นจุดเริ่มต้น เป็นต้นแบบในการปฏิรูปการเมืองอย่างแท้จริงที่ปฏิเสธคนของพรรคการเมือง เพื่อเป็นพลัง เป็นตัวอย่างในการปฏิรูปการเมืองระดับชาติต่อไป
**พท.ยังไม่เคาะ"พงศพัศ"ลงสมัคร
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความชัดเจนในการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ผู้ว่าฯกทม. ในนามพรรค ว่า ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจน คงต้องหารือกันในพรรค เพราะมีผู้ที่มีคุณสมบัติหลายท่าน ส่วนจะเคาะเมื่อไร คงต้องดูก่อน เพราะยังไม่แน่ใจในขั้นตอน ซึ่งจะอยู่ในช่วงของการประชุม ทั้งนี้อยู่ที่คณะกรรมการบริหารพรรคที่จะนัดประชุมเรื่องนี้
เมื่อถามว่า ชื่อของ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เลขาฯ ป.ป.ส. น่าจะมาแรงที่สุดใช่ หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ท่านเป็นคนหนึ่งที่มีคุณสมบัติ และความสามารถก็คงต้องแล้วแต่คณะกรรมการ และมติพรรค
ด้านพล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนมีข่าวว่าจะเป็นผู้ลงสมัครมาโดยตลอด ทั้งนี้ไม่ว่าพรรคจะมีมติอย่างไร ก็ต้องนำมาพิจารณาอีกครั้ง และพูดคุยกับทุกฝ่ายเนื่องจากตนยังเป็นเลขาฯป.ป.ส. และเป็นรองผบ.ตร. แต่โดยส่วนตัวเห็นว่าผู้ว่าฯกทม. ต้องได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล และทุกหน่วยงาน โดยเฉพาะในอีก 2 ปี ต้องเข้าสู่ประชาคมอาเซียน
ทางแกนนำพันธมิตรฯจึงต้องออกเดินสายไปตามจังหวัดต่างๆ รณรงค์ ติดอาวุธทางความคิด ให้ความรู้กับประชน เพื่อนำไปสู่การปฏิรูปการเมืองอย่างแท้จริง เป็นการเมืองที่มุ่งทำประโยชน์เพื่อประเทศชาติ เสียสละ เป็นที่พึ่งของประชาชนได้
เมื่อมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ซึ่งเป็นสนามเลือกตั้งท้องถิ่นที่ใหญ่ที่สุดในการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งส่วนใหญ่เป็นชนชั้นกลาง มีความตื่นตัวทางการเมืองสูง ทางแกนนำพันธมิตรฯจึงเห็นว่า เพื่อเป็นการสอดคล้องกับแนวทางการปฏิรูปการเมืองที่ทางกลุ่มกำลังพยายามขับเคลื่อนอยู่ จึงควรให้การสนับสนุนผู้สมัครอิสระ ที่ไม่อยู่ในสังกัดพรรคการเมือง และผู้สมัครรับเลือกตั้งเปิดตัว อาสามารับใช้ชาวกทม. ในนามผู้สมัครอิสระในขณะนี้ ก็เห็นจะมีแต่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส เท่านั้นที่โดดเด่นกว่าคนอื่น
นายประพันธ์ กล่าวด้วยว่า โดยส่วนตัวแล้ว มีความสนิทสนมกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ พอสมควร และในการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯที่ผ่านมา ทาง"กลุ่มเพื่อนเสรี" ก็ให้การสนับสนุน ระดมเงิน สิ่งของ และมาร่วมชุมนุมต่อสู้ด้วย ก่อนเปิดตัวลงสมัครรับเลือกตั้ง ก็ได้มีการปรึกษาหารือกันมาบ้าง เห็นว่าเป็นคนที่มีประวัติการทำงานโดดเด่น ทั้งในด้านหน้าที่ราชการ และการบริหาร มีความกล้าหาญ กล้าตัดสินใจ สามารถที่จะดูแลประชาชน ในเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน กล้าชนกับกลุ่มผู้มีอิทธิพล ที่สำคัญคือ เป็นคนที่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
อย่างไรก็ตาม เรื่องการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ครั้งนี้ พันธมิตรฯ จะไม่มีการประชุมเพื่อมีมติว่าจะสนับสนุนบุคคลใดบุคคลหนึ่ง เพราะเข้าใจดีว่า กลุ่มพันธมิตรฯ เป็นคนที่มีความคิดในทางการเมือง มีอิสระในการที่จะพิจารณาใช้สิทธิออกเสียงเลือกตั้ง แต่โดยจุดยืนของพันธมิตรฯ ที่กำลังรณรงค์ในขณะนี้คือ ไม่สนับสนุนการเมืองในระบบพรรค เพราะไม่สามารถแก้ปัญหาของประเทศชาติได้ ดังที่กล่าวมาแล้ว
นายประพันธ์ กล่าวด้วยว่า อยากเห็นประชาชนมีความตื่นตัวที่จะปฏิรูปการเมือง โดยใช้การเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ในครั้งนี้ เป็นจุดเริ่มต้น เป็นต้นแบบในการปฏิรูปการเมืองอย่างแท้จริงที่ปฏิเสธคนของพรรคการเมือง เพื่อเป็นพลัง เป็นตัวอย่างในการปฏิรูปการเมืองระดับชาติต่อไป
**พท.ยังไม่เคาะ"พงศพัศ"ลงสมัคร
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความชัดเจนในการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ผู้ว่าฯกทม. ในนามพรรค ว่า ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจน คงต้องหารือกันในพรรค เพราะมีผู้ที่มีคุณสมบัติหลายท่าน ส่วนจะเคาะเมื่อไร คงต้องดูก่อน เพราะยังไม่แน่ใจในขั้นตอน ซึ่งจะอยู่ในช่วงของการประชุม ทั้งนี้อยู่ที่คณะกรรมการบริหารพรรคที่จะนัดประชุมเรื่องนี้
เมื่อถามว่า ชื่อของ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เลขาฯ ป.ป.ส. น่าจะมาแรงที่สุดใช่ หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ท่านเป็นคนหนึ่งที่มีคุณสมบัติ และความสามารถก็คงต้องแล้วแต่คณะกรรมการ และมติพรรค
ด้านพล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนมีข่าวว่าจะเป็นผู้ลงสมัครมาโดยตลอด ทั้งนี้ไม่ว่าพรรคจะมีมติอย่างไร ก็ต้องนำมาพิจารณาอีกครั้ง และพูดคุยกับทุกฝ่ายเนื่องจากตนยังเป็นเลขาฯป.ป.ส. และเป็นรองผบ.ตร. แต่โดยส่วนตัวเห็นว่าผู้ว่าฯกทม. ต้องได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล และทุกหน่วยงาน โดยเฉพาะในอีก 2 ปี ต้องเข้าสู่ประชาคมอาเซียน