ASTVผู้จัดการรายวัน - อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ ชี้ธุรกิจอีเวนต์ 1.4 หมื่นล้านบาท ปีหน้าไม่โต ฟันธงสมรภูมิน้ำอัดลมแข่งเดือด อัดเม็ดเงินลุยกิจกรรมช่วงชิงยอดขาย ส่วนธุรกิจรถยนต์งบทำกิจกรรมร่วง ล่าสุดอัดงบ 100 ล้านบาท บุกธุรกิจอีเวนต์พม่า จัดงานเคาท์ดาวน์เมียนมาร์ ขึ้นครั้งแรก หวังสร้างแบรนด์โกยอีเวนต์ในประเทศพม่า 100 ล้านบาท
นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจอีเวนต์มูลค่า 1.3-1.4 หมื่นล้านบาทในปีหน้านี้ของประเทศไทย คาดว่าจะไม่เติบโต เพราะไม่มีอีเวนต์หรือการจัดกิจกรรมใหญ่ๆ ทั้งจากทางภาครัฐบาลหรือกระทั่งภาคเอกชน เมื่อเทียบกับปีนี้ธุรกิจอีเวนต์เติบโตโดยเฉลี่ย 10-15% มาการจัดกิจกรรมวิกฤติน้ำท่วมในปลายปี 2554 สำหรับในปีหน้าคาดว่ากลุ่มธุรกิจที่จะใช้เม็ดเงินการจัดอีเวนต์มากจะมาจากธุรกิจน้ำอัดลม จากการเปิดศึกช่วงชิงยอดขายทั้ง 4 แบรนด์ ได้แก่ โค้ก เป๊ปซี่ เอส และบิ๊กโคล่า
นอกจากนี้ยังคาดว่า กลุ่มธุรกิจพลังงานจะมีการใช้เม็ดเงินการจัดกิจกรรมมากขึ้น เพราะได้รับอานิสงส์จากนโยบายรถคันแรก ส่งผลให้มีคนใช้น้ำมันในปริมาณที่เพิ่มขึ้น ส่วนกลุ่มธุรกิจที่จะใช้งบผ่านการจัดอีเวนต์ลดลง คือ กลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์ เนื่องจากปีนี้คนไทยซื้อรถยนต์เป็นจำนวนมาก เพื่อให้ได้รับสิทธิ์นโยบายรถคันแรกส่งผลให้ปีหน้านี้ปริมาณการซื้อรถยนต์ลดลงและเม็ดเงินการใช้งบจัดอีเวนต์ก็จะลดลงตาม ขณะที่สินค้าอุปโภคบริโภค เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายรถคันแรก โดยเฉพาะกลุ่มคนระดับกลางมีความระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย
“ปีหน้าผู้ประกอบการสินค้าอุปโภคบริโภค จะหันไปทำกิจกรรมเจาะกลุ่มรากหญ้ามีเพิ่มขึ้น เพราะเป็นกลุ่มที่มีกำลังการซื้อ จากการปรับค่าแรง 300 บาททั่วประเทศ”
นโยบายการดำเนินธุรกิจ บริษัทจะโฟกัสตลาดในภูมิภาคอาเซียนในเชิงรุกมากขึ้น เพราะบริษัทไม่ได้มองเป็นประเทศต่อไป แต่เป็นการทำธุรกิจเป็นภูมิภาค และมีแนวโน้มว่า ไทยจะเป็นสำนักงานใหญ่ดูแลด้านการตลาดในภูมิภาค ซึ่งบริษัทจะวางแผนรุกพม่าและเวียดนาม เพราะธุรกิจอีเวนต์เติบโตโดยเฉลี่ย 20% ต่อปี จากมูลค่าขณะนี้ 300 ล้านบาทในพม่า คาดว่าในอีก 2-3 ปีจะมีอัตราการเติบโตสองหลักอย่างต่อเนื่อง และภายใน 5ปี หากระบบสาธารณูปโภคครบทั้งระบบไฟฟ้า ถนน ระบบเศรษฐกิจในพม่าจะเติบโตเร็วมาก
อัด35ล.สร้างแบรนด์อินเด็กซ์ฯในพม่า
นายนรินทร์เดช ทวีแสงพานิชย์ ผู้อำนวยการฝ่ายภูมิภาคอาเซียน บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) กล่าวต่อถึงแผนการทำธุรกิจในประเทศพม่าว่า บริษัทเอ็มไอซีวี มีแผนจัดกิจกรรมใหญ่ 2-3 กิจกรรม อาทิ วันประกาศอิสรภาพของพม่า เนื่องจากโอกาสครบรอบ 65ปี ที่ พม่าได้รับอิสระภาพจากอังกฤษ ระหว่างวันที่ 4-6 มกราคม ล่าสุดได้ทุ่มงบ 100 ล้านบาท สำหรับการลงทุนอุปกรณ์ต่างๆ โดยแบ่งเป็นงบ 35ล้านบาท จัดงานเมียนมาร์ เคาท์ดาวน์ 2013 ที่เมืองย่างกุ้ง บนพื้นที่ 6.3 หมื่นตารางเมตร หรือราว 30ไร่
โดยจับมือร่วมกับบริษัทร่วมทุนฟอร์เอฟเวอร์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทสื่อในประเทศพม่า ซึ่งเป็นครั้งแรกของประชาชนพม่าที่จะได้ร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลต้อนรับปีใหม่และส่งท้ายปีเก่าพร้อมกับประเทศอื่น ทั้งนี้ภายในงานมีศิลปิน ดารา และเซเลบริตี้ของพม่า กิจกรรมต่างๆ คาดว่าคนจะร่วมงาน 5 หมื่นคน โดยการจัดงานอีเวนต์เคาท์ดาวน์ เป็นการพลิกโฉมวงการอีเวนต์ในพม่าจากเดิมจะมีการจัดอีเวนต์ลักษณะที่เป็นงานปิด แต่งานในครั้งนี้จะเปิดกว้างให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม และปลุกธุรกิจอีเวนต์ของพม่าให้คึกคัก ซึ่งเป็นกลยุทธ์หนึ่งสำหรับการสร้างแบรนด์อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ โดยบริษัทไม่ได้คาดหวังเม็ดเงินลงทุน เพราะจากการจัดงานปีแรกไม่มีสปอนเซอร์ที่จะเข้ามาสนับสนุน
สำหรับผลประกอบการการรุกตลาดภูมิภาคอาเซียนใน 2 ประเทศ ได้แก่ พม่าและเวียดนาม ตั้งเป้าปีหน้ามีรายได้ 150 ล้านบาท แบ่งเป็น พม่า 100 ล้านบาท มาจากภาคเอกชน 70% และภาครัฐ 30% และเวียดนาม 50 ล้านบาท สำหรับผลประกอบการสิ้นปีนี้ตั้งเป้า 2,800 ล้านบาท เติบโต 38%
นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจอีเวนต์มูลค่า 1.3-1.4 หมื่นล้านบาทในปีหน้านี้ของประเทศไทย คาดว่าจะไม่เติบโต เพราะไม่มีอีเวนต์หรือการจัดกิจกรรมใหญ่ๆ ทั้งจากทางภาครัฐบาลหรือกระทั่งภาคเอกชน เมื่อเทียบกับปีนี้ธุรกิจอีเวนต์เติบโตโดยเฉลี่ย 10-15% มาการจัดกิจกรรมวิกฤติน้ำท่วมในปลายปี 2554 สำหรับในปีหน้าคาดว่ากลุ่มธุรกิจที่จะใช้เม็ดเงินการจัดอีเวนต์มากจะมาจากธุรกิจน้ำอัดลม จากการเปิดศึกช่วงชิงยอดขายทั้ง 4 แบรนด์ ได้แก่ โค้ก เป๊ปซี่ เอส และบิ๊กโคล่า
นอกจากนี้ยังคาดว่า กลุ่มธุรกิจพลังงานจะมีการใช้เม็ดเงินการจัดกิจกรรมมากขึ้น เพราะได้รับอานิสงส์จากนโยบายรถคันแรก ส่งผลให้มีคนใช้น้ำมันในปริมาณที่เพิ่มขึ้น ส่วนกลุ่มธุรกิจที่จะใช้งบผ่านการจัดอีเวนต์ลดลง คือ กลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์ เนื่องจากปีนี้คนไทยซื้อรถยนต์เป็นจำนวนมาก เพื่อให้ได้รับสิทธิ์นโยบายรถคันแรกส่งผลให้ปีหน้านี้ปริมาณการซื้อรถยนต์ลดลงและเม็ดเงินการใช้งบจัดอีเวนต์ก็จะลดลงตาม ขณะที่สินค้าอุปโภคบริโภค เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายรถคันแรก โดยเฉพาะกลุ่มคนระดับกลางมีความระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย
“ปีหน้าผู้ประกอบการสินค้าอุปโภคบริโภค จะหันไปทำกิจกรรมเจาะกลุ่มรากหญ้ามีเพิ่มขึ้น เพราะเป็นกลุ่มที่มีกำลังการซื้อ จากการปรับค่าแรง 300 บาททั่วประเทศ”
นโยบายการดำเนินธุรกิจ บริษัทจะโฟกัสตลาดในภูมิภาคอาเซียนในเชิงรุกมากขึ้น เพราะบริษัทไม่ได้มองเป็นประเทศต่อไป แต่เป็นการทำธุรกิจเป็นภูมิภาค และมีแนวโน้มว่า ไทยจะเป็นสำนักงานใหญ่ดูแลด้านการตลาดในภูมิภาค ซึ่งบริษัทจะวางแผนรุกพม่าและเวียดนาม เพราะธุรกิจอีเวนต์เติบโตโดยเฉลี่ย 20% ต่อปี จากมูลค่าขณะนี้ 300 ล้านบาทในพม่า คาดว่าในอีก 2-3 ปีจะมีอัตราการเติบโตสองหลักอย่างต่อเนื่อง และภายใน 5ปี หากระบบสาธารณูปโภคครบทั้งระบบไฟฟ้า ถนน ระบบเศรษฐกิจในพม่าจะเติบโตเร็วมาก
อัด35ล.สร้างแบรนด์อินเด็กซ์ฯในพม่า
นายนรินทร์เดช ทวีแสงพานิชย์ ผู้อำนวยการฝ่ายภูมิภาคอาเซียน บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) กล่าวต่อถึงแผนการทำธุรกิจในประเทศพม่าว่า บริษัทเอ็มไอซีวี มีแผนจัดกิจกรรมใหญ่ 2-3 กิจกรรม อาทิ วันประกาศอิสรภาพของพม่า เนื่องจากโอกาสครบรอบ 65ปี ที่ พม่าได้รับอิสระภาพจากอังกฤษ ระหว่างวันที่ 4-6 มกราคม ล่าสุดได้ทุ่มงบ 100 ล้านบาท สำหรับการลงทุนอุปกรณ์ต่างๆ โดยแบ่งเป็นงบ 35ล้านบาท จัดงานเมียนมาร์ เคาท์ดาวน์ 2013 ที่เมืองย่างกุ้ง บนพื้นที่ 6.3 หมื่นตารางเมตร หรือราว 30ไร่
โดยจับมือร่วมกับบริษัทร่วมทุนฟอร์เอฟเวอร์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทสื่อในประเทศพม่า ซึ่งเป็นครั้งแรกของประชาชนพม่าที่จะได้ร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลต้อนรับปีใหม่และส่งท้ายปีเก่าพร้อมกับประเทศอื่น ทั้งนี้ภายในงานมีศิลปิน ดารา และเซเลบริตี้ของพม่า กิจกรรมต่างๆ คาดว่าคนจะร่วมงาน 5 หมื่นคน โดยการจัดงานอีเวนต์เคาท์ดาวน์ เป็นการพลิกโฉมวงการอีเวนต์ในพม่าจากเดิมจะมีการจัดอีเวนต์ลักษณะที่เป็นงานปิด แต่งานในครั้งนี้จะเปิดกว้างให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม และปลุกธุรกิจอีเวนต์ของพม่าให้คึกคัก ซึ่งเป็นกลยุทธ์หนึ่งสำหรับการสร้างแบรนด์อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ โดยบริษัทไม่ได้คาดหวังเม็ดเงินลงทุน เพราะจากการจัดงานปีแรกไม่มีสปอนเซอร์ที่จะเข้ามาสนับสนุน
สำหรับผลประกอบการการรุกตลาดภูมิภาคอาเซียนใน 2 ประเทศ ได้แก่ พม่าและเวียดนาม ตั้งเป้าปีหน้ามีรายได้ 150 ล้านบาท แบ่งเป็น พม่า 100 ล้านบาท มาจากภาคเอกชน 70% และภาครัฐ 30% และเวียดนาม 50 ล้านบาท สำหรับผลประกอบการสิ้นปีนี้ตั้งเป้า 2,800 ล้านบาท เติบโต 38%
