ASTVผู้จัดการรายวัน-คณะทำงานติดตาม กสทช. บี้ กสทช. แจงงบพีอาร์ 110 ล้าน เอาไปใช้ทำอะไร ดีกว่าจะมาแก้ตัวลงตัวเลขผิดพลาด กรณีอัดงบซื้อโฆษณามติชน ด้าน ปชป.โวยรัฐใช้ "ข่าวสด" ถาม "โอบามา" ปม ม.112 ชี้ตั้งใจใช้โลกล้อมสถาบันของไทยหรือไม่ โซเซียลมีเดียแฉทำกันเป็นขบวนการ ตั้งแต่มติชนออนไลน์ลงข่าว "โจ กอร์ดอน" อดีตนักโทษคดีหมิ่น ไปจนถึงส่งนักข่าวไปตั้งคำถาม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้มีหนังสือชี้แจงข้อมูลการซื้อโฆษณาประชาสัมพันธ์ถึงคณะทำงานติดตาม กสทช. (NBTC Watch) ว่า สำนักงาน กสทช. ได้มีการปรับปรุงข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างของบริษัท มติชน จำกัด ที่ได้นำเผยแพร่บนเว็บไซด์ www.nbtc.go.th ตามมาตรา 59 ของ พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ. 2553 ที่มีความคลาดเคลื่อนของงานทางธุรการที่พิมพ์ตัวเลขผิดพลาด จากเงินจำนวน 1.07 ล้านบาท เป็น 10.7 ล้านบาท ให้ถูกต้องแล้ว วงเงินรวมของการซื้อสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ในเครือบริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) เป็นวงเงินรวม 3,659,660 บาท และขออภัยเป็นอย่างสูงมายังคณะทำงานติดตาม กสทช. ลงวันที่ 20 พ.ย.2555 นั้น
เมื่อช่วงบ่ายของวานนี้ (21 พ.ย.) คณะทำงานติดตาม กสทช. (NBTC Watch) ได้ออกแถลงการณ์ โดยมีใจความโดยสรุป ว่า หากผลที่เกิดจากการทำงานที่ผิดพลาดของสำนักงาน กสทช. ซึ่งถูกนำมาใช้ต่อโดยคณะทำงานฯ ส่งผลให้บุคคลหรือองค์กรใดได้รับผลกระทบ คณะทำงานฯ ก็ขอน้อมรับผลที่เกิดจากความผิดพลาดของข้อมูลของสำนักงานกสทช. ดังกล่าว และขออภัยผู้มีส่วนเกี่ยวข้องมา ณ โอกาสนี้ และพร้อมที่จะทำการศึกษาและทบทวนผลการรายงานใหม่ทันทีที่ได้รับข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วนจากสำนักงาน กสทช. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และจะเปิดเผยให้สาธารณชนทราบในโอกาสต่อไป
ก่อนหน้านี้ คณะทำงานติดตาม กสทช. ได้เผยแพร่รายงานสาธารณะ เรื่อง "รายงานตรวจสอบการใช้งบประชาสัมพันธ์ กสทช." ระหว่างช่วงเดือนมิ.ย.-ต.ค.2555 รวมเป็นเงิน 128,663,324 ล้านบาท โดยพบว่าสื่อในเครือมติชนได้งบประชาสัมพันธ์จากสำนักงาน กสทช. มากกว่าบริษัทสื่ออื่นๆ คือ ได้รับถึง 13,289,660 บาท และหลังจากได้งบ หนังสือพิมพ์มติชนได้มีการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับ กสทช. รวม 93 ข่าว บทความ สกู๊ป และข้อเขียนอื่นๆ รวม 44 ชิ้น และภาพกิจกรรมอีก 8 ภาพ
อย่างไรก็ตาม คณะทำงานฯ ได้เรียกร้องไปยังสำนักงาน กสทช. ให้ยุติการชี้แจงเฉพาะในประเด็นการบันทึกข้อมูลการพิมพ์ตัวเลขผิดพลาดเพียงเพื่อเบี่ยงเบนประเด็นที่สำคัญอื่น โดยสำนักงาน กสทช. มีหน้าที่ต้องตอบคำถามที่มีอยู่เป็นจำนวนมากในรายงานฉบับนี้ ได้แก่
งบประมาณส่วนที่เหลืออีกจำนวน 110 ล้านบาท เมื่อนำมาหักลบกับจำนวนเงินที่สำนักงาน กสทช. ใช้ไปเพื่อการประชาสัมพันธ์ (ภายในระยะเวลา 5 เดือน) แล้ว ก็ยังคงมีวงเงินสูงถึง 110 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นจำนวนเงินไม่ต่ำกว่าร้อยละ 5 ของวงเงินงบประมาณรวมทั้งปี (2,500 ล้านบาท) หาใช่ร้อยละ 1-2 ดังที่มีการกล่าวอ้างผ่านสื่อมวลชนแต่อย่างใด เพราะหากการใช้งบประมาณของสำนักงาน กสทช. เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพแล้ว งบประมาณที่เหลือจากการใช้จ่ายจำนวนนี้จะเป็นเงินได้ที่จะต้องนำส่งเข้าเป็นรายได้แผ่นดินตามกฎหมาย
เหตุผลความจำเป็นที่ต้องใช้วิธีพิเศษเพื่อการจัดซื้อจัดจ้างประชาสัมพันธ์ในงบประมาณเกินกว่า 1 ล้านบาท ทั้งนี้ หากมีการเตรียมการที่ดี ย่อมสามารถใช้วิธีปรกติในการจัดซื้อจัดจ้างอย่างโปร่งใสได้
เหตุผลที่ต้องใช้งบจำนวนมากเพื่อซื้อปกหนังสือบางฉบับเพื่อเน้นการนำเสนอภาพลักษณ์ขององค์กรหรือผู้แทนองค์กรบางคน มากกว่าเน้นการให้ข้อมูลต่อประชาชน
การใช้งบประมาณเพื่อซื้อพื้นที่เนื้อหาสื่อที่อาจส่งผลกระทบโดยตรงกับการรายงานข้อมูลในพื้นที่สื่อ อันอาจเป็นที่มาให้เกิดการตั้งคำถามในเชิงจริยธรรมสำหรับองค์กรกำกับดูแลด้านสื่อ
เหตุผลของการใช้งบประชาสัมพันธ์เพื่อการรับฟังความเห็น เพื่อการสร้างการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสียและประชาชน ซึ่งเป็นหน้าที่ตามกฎหมาย แต่กลับใช้เงินจำนวนน้อยกว่าการโฆษณาประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างภาพลักษณ์มาก
ทั้งนี้ คณะทำงานฯ ยังได้ยืนยันว่า การติดตามตรวจสอบการทำงานของ กสทช. ได้ใช้ขั้นตอนและความรู้ทางวิชาการเป็นแนวทางในการศึกษา เพื่อจัดทำรายงานเผยแพร่เป็นข้อมูลให้สาธารณชนทราบ และเพื่อให้ประชาชนผู้มีส่วนได้เสียทั้งหลายมีข้อมูลประกอบการติดตามการปฏิบัติหน้าที่ของสำนักงาน กสทช. และ กสทช. ซึ่งเป็นองค์กรอิสระที่จะต้องมีความพร้อมรับผิดต่อสาธารณะ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า สำนักงาน กสทช. จะเปิดเผยข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วน สมบูรณ์ ไม่น้อยกว่าที่กฎหมายกำหนด เพื่อทำให้การกลไกการติดตามตรวจสอบการทำงาน กสทช. มีประสิทธิภาพสมตามเจตนารมณ์ที่กำหนดไว้ในกฎหมาย
วันเดียวกันนี้ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลส่อพฤติกรรมไม่ปกป้องสถาบัน โดยเห็นได้ชัดจากการปล่อยให้ผู้ที่แอบอ้างว่าเป็นนักข่าวคนหนึ่งไปสอบถามนายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เกี่ยวกับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งไม่ใช่เวทีที่เหมาะสม และคำถามเหล่านั้น ถูกกลั่นกรองจากสำนักเลขาธิการนายกฯ แล้ว เหตุใดคำถามนั้นจึงถูกปล่อยปละละเลยให้ไปถามประธานาธิบดีสหรัฐฯ
โดยผู้ที่ตั้งคำถาม คือ นายธีรนัย จารุวัสตร์ ที่เมื่อ 5 ปีก่อน เป็นกลุ่มเคลื่อนไหวในการต่อต้านตุลาการรัฐธรรมนูญ มีการเขียนบทความในนามแฝงที่ชื่อ half blood prince ต่อมาเปลี่ยนเป็นสหายดอกหญ้า มีบทความหลายประการที่หมิ่นเหม่ต่อการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และเหตุใดจึงคัดเลือกบุคคลนี้มาเป็นตัวแทนหนึ่งในสองนักข่าวไทยที่ทำเนียบรัฐบาลอนุญาตให้ถามประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไม่ทราบว่า มีการตกลงกันไว้ล่วงหน้าหรือไม่ มีเจตนาที่จะให้โลกมาล้อมสถาบันของประเทศไทยหรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในโซเชียลมีเดีย เช่น เฟซบุ๊คหลายแห่ง ได้มีการเผยแพร่ภาพถ่ายและเขียนข้อความ รวมทั้งลิงค์ผ่านเวปไซค์ยูทูป ระบุถึงผู้สื่อข่าวจากหนังสือพิมพ์ข่าวสด ที่ลุกขึ้นถามคำถามประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยระบุว่าเป็นคำถามเกี่ยวกับ สถาบันเบื้องสูงของไทย ประมาณว่า โอบามา คิดอย่างไร ที่ประเทศไทยยังมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างสูงสุด มีนักโทษที่ยังติดคุก เพราะข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ม.112 อยู่มาก ประมาณว่า อเมริกา ทำไมไม่มาจัดการให้หน่อย ประมาณนี้
ขณะที่เฟซบุ๊คแห่งหนึ่งได้ระบุว่า เขา คือ นายธีรนัย จารุวัสตร์ ผู้สื่อข่าวจากหนังสือพิมพ์ข่าวสด ที่เคยเข้าร่วมกิจกรรมการล้มเจ้าของกลุ่มเสื้อแดงตั้งแต่ตอนยังเป็นนักศึกษา มีพฤติกรรมล้มเจ้ามาอย่างยาวนานแล้ว บางโซเชียลมีเดีย พาดหัวข่าวว่า “เลห์รัฐ” จัดเต็ม! ส่ง “ข่าวสด” จัดนักข่าว ทัศนคติอันตราย ชง “โอบามา” ถาม “ม.112” กระทบชิ่งสถาบัน และยังระบุอีกว่า ในอดีต นายธีรนัย จารุวัสตร์ สมัยตอนเรียนอยู่ที่ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ เป็นแกนนำ “กลุ่ม กปก.(ปชต.ไม่ใช่แค่กิ๊ก)”
ทั้งนี้ มีการะบุด้วยว่า วันที่ 17 พ.ย.2555 เวลา 09:50น. มติชนออนไลน์ ได้เสนอข่าว “โจ กอร์ดอน” อดีตนักโทษ ม.112 โพสต์เฟซบุ๊ค ถึง “โอบามา” ที่มา http://bit.ly/109Eh8X ที่เนื้อหาบางส่วน ต่อว่ากระบวนการยุติธรรมของไทยในคดี ม.112 เเละได้เรียกร้องให้โอบามาเรียกร้องไปยังรัฐบาลไทยว่าให้ยกเลิก ม.112 ปล่อยนักโทษทางการเมือง นักโทษคดี ม.112 ซึ่งสอดคล้องกับคำถามของนายธีรนัยที่ถามต่อโอบามาในวันที่ 18 พ.ย.2555
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้มีหนังสือชี้แจงข้อมูลการซื้อโฆษณาประชาสัมพันธ์ถึงคณะทำงานติดตาม กสทช. (NBTC Watch) ว่า สำนักงาน กสทช. ได้มีการปรับปรุงข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างของบริษัท มติชน จำกัด ที่ได้นำเผยแพร่บนเว็บไซด์ www.nbtc.go.th ตามมาตรา 59 ของ พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ. 2553 ที่มีความคลาดเคลื่อนของงานทางธุรการที่พิมพ์ตัวเลขผิดพลาด จากเงินจำนวน 1.07 ล้านบาท เป็น 10.7 ล้านบาท ให้ถูกต้องแล้ว วงเงินรวมของการซื้อสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ในเครือบริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) เป็นวงเงินรวม 3,659,660 บาท และขออภัยเป็นอย่างสูงมายังคณะทำงานติดตาม กสทช. ลงวันที่ 20 พ.ย.2555 นั้น
เมื่อช่วงบ่ายของวานนี้ (21 พ.ย.) คณะทำงานติดตาม กสทช. (NBTC Watch) ได้ออกแถลงการณ์ โดยมีใจความโดยสรุป ว่า หากผลที่เกิดจากการทำงานที่ผิดพลาดของสำนักงาน กสทช. ซึ่งถูกนำมาใช้ต่อโดยคณะทำงานฯ ส่งผลให้บุคคลหรือองค์กรใดได้รับผลกระทบ คณะทำงานฯ ก็ขอน้อมรับผลที่เกิดจากความผิดพลาดของข้อมูลของสำนักงานกสทช. ดังกล่าว และขออภัยผู้มีส่วนเกี่ยวข้องมา ณ โอกาสนี้ และพร้อมที่จะทำการศึกษาและทบทวนผลการรายงานใหม่ทันทีที่ได้รับข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วนจากสำนักงาน กสทช. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และจะเปิดเผยให้สาธารณชนทราบในโอกาสต่อไป
ก่อนหน้านี้ คณะทำงานติดตาม กสทช. ได้เผยแพร่รายงานสาธารณะ เรื่อง "รายงานตรวจสอบการใช้งบประชาสัมพันธ์ กสทช." ระหว่างช่วงเดือนมิ.ย.-ต.ค.2555 รวมเป็นเงิน 128,663,324 ล้านบาท โดยพบว่าสื่อในเครือมติชนได้งบประชาสัมพันธ์จากสำนักงาน กสทช. มากกว่าบริษัทสื่ออื่นๆ คือ ได้รับถึง 13,289,660 บาท และหลังจากได้งบ หนังสือพิมพ์มติชนได้มีการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับ กสทช. รวม 93 ข่าว บทความ สกู๊ป และข้อเขียนอื่นๆ รวม 44 ชิ้น และภาพกิจกรรมอีก 8 ภาพ
อย่างไรก็ตาม คณะทำงานฯ ได้เรียกร้องไปยังสำนักงาน กสทช. ให้ยุติการชี้แจงเฉพาะในประเด็นการบันทึกข้อมูลการพิมพ์ตัวเลขผิดพลาดเพียงเพื่อเบี่ยงเบนประเด็นที่สำคัญอื่น โดยสำนักงาน กสทช. มีหน้าที่ต้องตอบคำถามที่มีอยู่เป็นจำนวนมากในรายงานฉบับนี้ ได้แก่
งบประมาณส่วนที่เหลืออีกจำนวน 110 ล้านบาท เมื่อนำมาหักลบกับจำนวนเงินที่สำนักงาน กสทช. ใช้ไปเพื่อการประชาสัมพันธ์ (ภายในระยะเวลา 5 เดือน) แล้ว ก็ยังคงมีวงเงินสูงถึง 110 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นจำนวนเงินไม่ต่ำกว่าร้อยละ 5 ของวงเงินงบประมาณรวมทั้งปี (2,500 ล้านบาท) หาใช่ร้อยละ 1-2 ดังที่มีการกล่าวอ้างผ่านสื่อมวลชนแต่อย่างใด เพราะหากการใช้งบประมาณของสำนักงาน กสทช. เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพแล้ว งบประมาณที่เหลือจากการใช้จ่ายจำนวนนี้จะเป็นเงินได้ที่จะต้องนำส่งเข้าเป็นรายได้แผ่นดินตามกฎหมาย
เหตุผลความจำเป็นที่ต้องใช้วิธีพิเศษเพื่อการจัดซื้อจัดจ้างประชาสัมพันธ์ในงบประมาณเกินกว่า 1 ล้านบาท ทั้งนี้ หากมีการเตรียมการที่ดี ย่อมสามารถใช้วิธีปรกติในการจัดซื้อจัดจ้างอย่างโปร่งใสได้
เหตุผลที่ต้องใช้งบจำนวนมากเพื่อซื้อปกหนังสือบางฉบับเพื่อเน้นการนำเสนอภาพลักษณ์ขององค์กรหรือผู้แทนองค์กรบางคน มากกว่าเน้นการให้ข้อมูลต่อประชาชน
การใช้งบประมาณเพื่อซื้อพื้นที่เนื้อหาสื่อที่อาจส่งผลกระทบโดยตรงกับการรายงานข้อมูลในพื้นที่สื่อ อันอาจเป็นที่มาให้เกิดการตั้งคำถามในเชิงจริยธรรมสำหรับองค์กรกำกับดูแลด้านสื่อ
เหตุผลของการใช้งบประชาสัมพันธ์เพื่อการรับฟังความเห็น เพื่อการสร้างการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสียและประชาชน ซึ่งเป็นหน้าที่ตามกฎหมาย แต่กลับใช้เงินจำนวนน้อยกว่าการโฆษณาประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างภาพลักษณ์มาก
ทั้งนี้ คณะทำงานฯ ยังได้ยืนยันว่า การติดตามตรวจสอบการทำงานของ กสทช. ได้ใช้ขั้นตอนและความรู้ทางวิชาการเป็นแนวทางในการศึกษา เพื่อจัดทำรายงานเผยแพร่เป็นข้อมูลให้สาธารณชนทราบ และเพื่อให้ประชาชนผู้มีส่วนได้เสียทั้งหลายมีข้อมูลประกอบการติดตามการปฏิบัติหน้าที่ของสำนักงาน กสทช. และ กสทช. ซึ่งเป็นองค์กรอิสระที่จะต้องมีความพร้อมรับผิดต่อสาธารณะ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า สำนักงาน กสทช. จะเปิดเผยข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วน สมบูรณ์ ไม่น้อยกว่าที่กฎหมายกำหนด เพื่อทำให้การกลไกการติดตามตรวจสอบการทำงาน กสทช. มีประสิทธิภาพสมตามเจตนารมณ์ที่กำหนดไว้ในกฎหมาย
วันเดียวกันนี้ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลส่อพฤติกรรมไม่ปกป้องสถาบัน โดยเห็นได้ชัดจากการปล่อยให้ผู้ที่แอบอ้างว่าเป็นนักข่าวคนหนึ่งไปสอบถามนายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เกี่ยวกับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งไม่ใช่เวทีที่เหมาะสม และคำถามเหล่านั้น ถูกกลั่นกรองจากสำนักเลขาธิการนายกฯ แล้ว เหตุใดคำถามนั้นจึงถูกปล่อยปละละเลยให้ไปถามประธานาธิบดีสหรัฐฯ
โดยผู้ที่ตั้งคำถาม คือ นายธีรนัย จารุวัสตร์ ที่เมื่อ 5 ปีก่อน เป็นกลุ่มเคลื่อนไหวในการต่อต้านตุลาการรัฐธรรมนูญ มีการเขียนบทความในนามแฝงที่ชื่อ half blood prince ต่อมาเปลี่ยนเป็นสหายดอกหญ้า มีบทความหลายประการที่หมิ่นเหม่ต่อการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และเหตุใดจึงคัดเลือกบุคคลนี้มาเป็นตัวแทนหนึ่งในสองนักข่าวไทยที่ทำเนียบรัฐบาลอนุญาตให้ถามประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไม่ทราบว่า มีการตกลงกันไว้ล่วงหน้าหรือไม่ มีเจตนาที่จะให้โลกมาล้อมสถาบันของประเทศไทยหรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในโซเชียลมีเดีย เช่น เฟซบุ๊คหลายแห่ง ได้มีการเผยแพร่ภาพถ่ายและเขียนข้อความ รวมทั้งลิงค์ผ่านเวปไซค์ยูทูป ระบุถึงผู้สื่อข่าวจากหนังสือพิมพ์ข่าวสด ที่ลุกขึ้นถามคำถามประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยระบุว่าเป็นคำถามเกี่ยวกับ สถาบันเบื้องสูงของไทย ประมาณว่า โอบามา คิดอย่างไร ที่ประเทศไทยยังมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างสูงสุด มีนักโทษที่ยังติดคุก เพราะข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ม.112 อยู่มาก ประมาณว่า อเมริกา ทำไมไม่มาจัดการให้หน่อย ประมาณนี้
ขณะที่เฟซบุ๊คแห่งหนึ่งได้ระบุว่า เขา คือ นายธีรนัย จารุวัสตร์ ผู้สื่อข่าวจากหนังสือพิมพ์ข่าวสด ที่เคยเข้าร่วมกิจกรรมการล้มเจ้าของกลุ่มเสื้อแดงตั้งแต่ตอนยังเป็นนักศึกษา มีพฤติกรรมล้มเจ้ามาอย่างยาวนานแล้ว บางโซเชียลมีเดีย พาดหัวข่าวว่า “เลห์รัฐ” จัดเต็ม! ส่ง “ข่าวสด” จัดนักข่าว ทัศนคติอันตราย ชง “โอบามา” ถาม “ม.112” กระทบชิ่งสถาบัน และยังระบุอีกว่า ในอดีต นายธีรนัย จารุวัสตร์ สมัยตอนเรียนอยู่ที่ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ เป็นแกนนำ “กลุ่ม กปก.(ปชต.ไม่ใช่แค่กิ๊ก)”
ทั้งนี้ มีการะบุด้วยว่า วันที่ 17 พ.ย.2555 เวลา 09:50น. มติชนออนไลน์ ได้เสนอข่าว “โจ กอร์ดอน” อดีตนักโทษ ม.112 โพสต์เฟซบุ๊ค ถึง “โอบามา” ที่มา http://bit.ly/109Eh8X ที่เนื้อหาบางส่วน ต่อว่ากระบวนการยุติธรรมของไทยในคดี ม.112 เเละได้เรียกร้องให้โอบามาเรียกร้องไปยังรัฐบาลไทยว่าให้ยกเลิก ม.112 ปล่อยนักโทษทางการเมือง นักโทษคดี ม.112 ซึ่งสอดคล้องกับคำถามของนายธีรนัยที่ถามต่อโอบามาในวันที่ 18 พ.ย.2555