xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

รัฐบาลชง... ค่ายรถอิ่ม คนไทยหน้ามืด! ฮุบเหยื่อรถคันแรก... ระวังวิกฤต?!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ยิ้มกันถ้วนหน้า ไม่ว่าจะเป็นผู้จัดการงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2012 และค่ายรถ แม้แต่คนไทยทั้งปวงที่แห่จองรถ เพื่อหวังที่จะได้สิทธิคืนเงินสูงสุด 1 แสนบาท จากโครงการรถคันแรกที่รัฐบาลชงให้แบบเต็มๆ จนเป็นส่วนสำคัญทำให้คนไทยหน้ามืด รีบฮุบเหยื่อ แห่จองรถใหม่ภายในงานเทกระจาดรถส่งท้ายปี ด้วยระยะเวลาเพียงแค่ 12 วัน ยอดจองพุ่งทะลุ 8 หมื่นคัน ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์งานแสดงรถยนต์ในไทย จนทำให้คาดว่ายอดขายตลอดปีนี้ จะติดเทอร์โบพุ่งพรวดเป็น 1.4 ล้านคัน แต่ท่ามกลางความยินดีปรีดาดังกล่าว อาจจะมีวิกฤติรออยู่ข้างหน้าก็ได้?!

หลังจากปิดฉากงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2012 มีการประกาศความสำเร็จกันอย่างคึกคัก เริ่มตั้งแต่ผู้จัดงาน “ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์” ที่เปิดเผยถึงความสำเร็จแบบคาดไม่ถึงในการจัดงานครั้งนี้ว่า มียอดจองรถยนต์สะสม 12 วัน ตั้งแต่ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน - 10 ธันวาคมนี้ พุ่งพรวดทะลุ 8 หมื่นคัน เป็นสถิติสูงสุดเท่าที่เคยมีมา และเพิ่มมากกว่าเท่าตัวเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ที่มียอดจองเกือบ 3 หมื่นคัน หรือมากกว่าที่ประเมินไว้ช่วงเปิดงานที่น่าจะสูงสุดประมาณ 5 หมื่นคันเท่านั้น

“ยอดจองส่วนใหญ่จะเป็นรถขนาดเล็กประมาณ 60% ปัจจัยสำคัญมาจากอีโคคาร์และโดยเฉพาะโครงการรถคันแรกของรัฐบาล ซึ่งจะสิ้นสุดภายในสิ้นเดือนธันวาคมนี้ เมื่อบวกกับแคมเปญต่างๆ ภายในงาน จึงทำให้ประชาชนต่างสนใจจองรถเป็นจำนวนมาก”

ขณะที่ทางฝั่งค่ายรถต่างก็รีบร่อนข่าวแถลงผ่านสื่อมวลชนทันทีเช่นกัน เห็นได้จากค่ายฮอนด้าที่ปีที่แล้ว โดนมรสุมสึนามิที่ญี่ปุ่น และอุทกภัยในไทย จนทำให้ทั้งยอดขายและโรงงานจมหายไปเช่นเดียวกับสายน้ำ มาปีนี้กลับมายิ้มจนแก้มปริ เมื่อโรงงานกลับมาผลิตได้เช่นเดิม พร้อมเดินหน้าเปิดตัวรถใหม่ถึง 10 รุ่น ภายในระยะเวลาเพียง 8 เดือน

เหตุนี้จึงทำให้ฮอนด้าผงาดขึ้นมามียอดขายพุ่งสูงสุดในตลาดรถยนต์นั่ง หรือเก๋ง โดยทำยอดขาย 2 เดือนล่าสุด มาเป็นอันดับหนึ่งติดต่อกัน และมียอดขายสะสมมกราคม-พฤศจิกายนถึงกว่า1.5 แสนคัน แม้จะเริ่มเดินสายการผลิตเต็มกำลังเพียงแค่ 8 เดือนเท่านั้น และนับเป็นการสร้างสถิติยอดขายสูงสุดเป็นประวัตการณ์อีกครั้งของฮอนด้าในไทย

จะเห็นว่าฮอนด้าที่มียอดขายเติบโตต่อเนื่อง ปัจจัยหลักมาจากเก๋งขนาดเล็ก อย่างฮอนด้า ซิตี้- แจ๊ซ รวมถึงรถรุ่นใหม่อย่าง ฮอนด้า ซิตี้ ซีเอ็นจี และซิตี้ ไฮบริด โดยเฉพาะรุ่นล่าสุด “ฮอนด้า บริโอ้ อเมซ” อีโคคาร์รุ่นที่สอง ซึ่งเปิดมาเพื่อรับยอดจองจากโครงการรถคันแรกเป็นสำคัญ

โดย “พิทักษ์ พฤทธิสาริกร” รองประธานอาวุโส บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล(ประเทสไทย) จำกัด เปิดเผยถึงความสำเร็จดังกล่าวว่า การกลับมาอย่างแข็งแกร่งของฮอนด้าในครั้งนี้ เป็นผลมาจากความพยายามในการทยอยเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่สู่ตลาดต่อเนื่องตลอดเวลา 8 เดือนที่ผ่านมา เพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าทุกกลุ่มและทุกไลฟ์สไตล์

“รวมถึงความสำเร็จของบริโอ้ อเมซ เป็นผลมาจากความทุ่มเทอย่างเต็มกำลังของบริษัท เพื่อเร่งการเปิดตัวให้ทันตอบสนองความต้องการของลูกค้า ที่ต้องการใช้สิทธิรับเงินคืนภาษีจากโครงการรถยนต์คันแรกของรัฐบาลภายในสิ้นปีนี้”

ไม่ใช่เพียงแค่ฮอนด้า คู่แข่งสำคัญในตลาดอีโคคาร์อย่างนิสสันประกาศความสำเร็จเช่นกัน โดยกวาดยอดขายเดือนพฤศจิกายนสูงสุด 1.6 หมื่นคัน และเป็นยอดขายประจำเดือนที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ติดต่อกันเดือนที่ 2 ซึ่งรถยนต์รุ่นหลักที่ทำให้ยอดขายดีเกินคาด ย่อมมาจากอีโคคาร์อย่าง “นิสสัน อัลเมร่า” และแน่นอนเป็นรถที่ได้สิทธิ์คืนเงินภาษีจากโครงการรถคันแรก

เช่นเดียวกับค่ายมาสด้าที่ยอดขายพุ่งต่อเนื่องทุกเดือน และในงานมอเตอร์เอ็กซ์โปกวาดยอดจองสูงสุดติดอันดับท็อปไฟว์ได้ ซึ่งแน่นอนรถที่ทำให้แบรนด์มาสด้าผงาดขึ้นมาอย่างโดดเด่น มาจากรถที่อยู่ในกระแสความนิยม นั่นคือเก๋งซับคอมแพ็กต์ “มาสด้า2” และปิกอัพโฉมใหม่ มาสด้า บีที-50 โปร ซึ่งเป็นรุ่นที่ได้รับประโยชน์จากโครงการรถคันแรกเช่นกัน

เหตุนี้จึงไม่แปลกที่มาสด้าจะยังคงเดินหน้าตุนยอดโค้งสุดท้าย แม้จะเหลือระยะเวลาเพียงแค่กว่า 20 วัน ด้วยการจัดแคมเปญส่งท้ายปีชื่อว่า “โอกาสสุดท้าย... ใช้สิทธิ์รถคันแรกกับมาสด้า” ที่ออกมาส่งท้ายปี ทั้งภาพยนตร์โฆษณาทางโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ สปอร์ตวิทยุ รวมถึงสื่อออนไลน์ และอุปกรณ์ตกแต่งที่โชว์รูม

“ที่สำคัญมาสด้าได้ขยายเวลาการเปิดโชว์รูมในวันธรรมดา และหลายๆ โชว์รูมยังเปิดเพิ่ม เพื่อบริการลูกค้าในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ที่เหลืออีกเพียง 3 ช่วงวันหยุดเท่านั้น โดยโชว์รูมมาสด้าทุกแห่งพร้อมอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้า ที่ต้องการใช้สิทธิ์รถคันแรก และยังอยู่ในระหว่างการตัดสินใจในช่วงสามสัปดาห์สุดท้ายก่อนโปรแกรมจะสิ้นสุด ซึ่งนอกจากลูกค้าได้สิทธิคืนเงินภาษีสูงสุด 1 แสนบาท ยังมีโปรโมชั่นพิเศษมอบให้กับลูกค้าหลากหลายทางเลือกด้วย” สุรีทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัดกล่าว

แน่นอนไม่ใช่เพียงสามค่ายนี้เท่านั้น บริษัทรถที่มีผลิตภัณฑ์รับสิทธิ์รถคันแรก ล้วนมียอดขายและเดินหน้าอัดแคมเปญจากโครงการรถคันแรกเหมือนกันหมดเช่นกัน

ทางฝากรัฐบาลผู้ชงโครงการรถคันแรก ดูเหมือนจะภูมิใจกับความสำเร็จดังกล่าวอย่างมาก เห็นได้จากการออกมาเปิดเผยของหน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบ โดย “สมชาย พูลสวัสดิ์” อธิบดีกรมสรรพสามิต ระบุว่ายอดจำนวนทีขอคืนเงินภาษีจากโครงการรถคันแรก ถึงสิ้นปีน่าจะอยู่ที่ประมาณกว่า 8 แสนคัน ซึ่งต้องใช้เงินคืนกว่า 6 หมื่นล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมีผู้ยื่นขอใช้สิทธิ์แล้ว 7.2 แสนคัน หรือคิดเป็น 5.3 หมื่นล้านบาท เพิ่มมาจากเดิมที่คาดไว้ 5 แสนคัน วงเงินที่ต้องจ่ายเงินคืนประมาณ 3 หมื่นล้านบาท แต่ขอยืนยันกระทรวงการคลังจะคืนเงินภาษีให้กับผู้ยื่นขอใช้สิทธิ์ที่ดำเนินการถูกต้องทุกราย

ท่ามกลางการประกาศความสำเร็จของรัฐบาล และค่ายรถ แต่ก็มีความวิตกจากหลายฝ่ายถึงปัญหาที่จะตามไม่ว่าจะเป็นเรื่องการจราจร ซึ่งรถที่แห่ถอยกันมาวิ่งจนเกลื่อนถนน แต่โครงสร้างพื้นฐานอย่างถนนกลับแทบไม่มีการเพิ่มมารองรับ และเรื่องนี้ก็ยังไม่คำตอบจากรัฐบาลแต่อย่างใด?

นอกจากนี้ยังมีอีกปัญหาที่จะตาม นั่นคืออาจจะเกิดหนี้เสียตามมาในอนาคต เพราะแรงจูงใจคืนเงินภาษีสูงสุด 1 แสนบาท ทำให้ผู้บริโภคบางคนที่ยังไม่พร้อม รับภาระการผ่อนค่างวด หรือเป็นหนี้ได้ แต่เห็นว่าได้คืนเงินป็นแสนบาท จึงตัดสินใจซื้อรถทันที และที่สุดก็ไม่สามารถแบกรับภาระได้ ต้องปล่อยรถทิ้งเกิดเป็นหนี้เสีย เรื่องนี้เริ่มมีเสียงพูดและความกังวลออกมาจากไฟแนนซ์บ้างแล้ว และหากผู้ที่จองซื้อรถคันแรกส่วนใหญ่ไม่มีความพร้อม...

นั่นย่อมกลายเป็นวิกฤตในอนาคตแน่นอน!!



กำลังโหลดความคิดเห็น