ASTVผู้จัดการรายวัน-พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเสด็จออกมหาสมาคม 5 ธ.ค. ตรัสแนะคนไทยมีคุณธรรม มีความพร้อมเพรียง เพื่อให้ชาติอยู่รอด ประชาชนกว่า 2 แสนคนสุดตื้นตัน สวมเสื้อเหลือง เปล่งเสียง “ทรงพระเจริญ” กึกก้อง สื่อนอกรายงานข่าวอย่างยิ่งใหญ่
เมื่อเวลา 09.59 น. วานนี้ (5ธ.ค.) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายา พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ และพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งจากโรงพยาบาลศิริราช ไปยังพระที่นั่งอนันตสมาคม พระราชวังดุสิตเข้าทางประตูทวยเทพสโมสร
การนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฉลองพระองค์จักรีเต็มยศ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ คลีนิค.นพ.ประดิษฐ์ ปัญจวีณีน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราชปิยมหาราชการุณย์ เป็นผู้ถวายการเข็นรถเข็นพระที่นั่ง
ต่อมาเวลา 10.25 น. รถยนต์พระที่นั่งเข้าประตูทวยเทพสโมสร พระที่นั่งอนันตสมาคม รถยนต์พระที่นั่งเทียบอัฒจันทร์มุขตะวันออก ทหารกองเกียรติยศ 3 เหล่าทัพถวายความเคารพ แตรวงบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี จากนั้น เสด็จฯ ขึ้นชั้น 2 โดยลิฟท์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปฉลองพระองค์ครุย ณ ท้องพระโรงหน้าสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯ ไปทรงฉลองพระองค์ครุย ณ มุขด้านทิศใต้ เมื่อสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงฉลองพระองค์ครุยเสร็จแล้ว เสด็จฯ ลงจากพระที่นั่งอนันตสมาคม ทางบันไดมุขด้านทิศใต้ ไปทรงยืนเฝ้าฯ ที่พระแท่นหน้าสีหบัญชร
เมื่อเวลา 10.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ออกท้องพระโรงหน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม ขณะนี้ เจ้าพนักงานรัวกรับและเปิดพระวิสูตร เลื่อนพระแท่นที่ประทับไปยังสีหบัญชร ชาวพนักงานกระทั่งมโหระทึก ประโคมแตรฝรั่ง ผู้บังคับกองผสมสั่งกองผสม “ตรงหน้าระวัง วันทยาวุธ” ทหารกองเกียรติยศ 3 เหล่าทัพถวายความเคารพ แตรวงบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศยิงปืนใหญ่เฉลิมพระเกียรติฝ่ายละ 21 นัด เมื่อสุดเสียงประโคมแล้วผู้บังคับกองผสม สั่งกองผสม " เรียบอาวุธ "
จากนั้น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงเปิดกรวยกระทงดอกไม้ ธูปเทียนแพ แล้วกราบบังคมทูลพระกรุณาถวายพระพรชัยมงคลแทนพระบรมวงศานุวงศ์
เมื่อสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฏราชกุมารกราบบังคมทูลถวายพระพรจบแล้วเสด็จฯ ขึ้นบนพระที่นั่งอนันตสมาคม
ตามด้วยน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดกรวยกระทงดอกไม้ธูปเทียนแพ แล้วกราบบังคมทูลพระกรุณาถวายพระพรชัยมงคล แทนคณะรัฐมนตรี ข้าราชการทหาร ตำรวจ พลเรือน และราษฎร์ทุกหมู่เหล่า จบ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา เปิดกรวยกระทงดอกไม้ธูปเทียนแพ แล้วกราบบังคมทูลพระกรุณาถวายพระพรชัยมงคล แทนสมาชิกรัฐสภา จบ นายไพโรจน์ วายุภาพ ประธานศาลฎีกา เปิดกรวยกระทงดอกไม้ธูปเทียนแพ แล้วกราบบังคมทูลพระกรุณาถวายพระพรชัยมงคล แทนข้าราชการตุลาการ จบ พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาปะกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กราบบังคมทูลพระกรุณากล่าวนำทหารรักษาพระองค์ จำนวน 12 กองพัน ประกอบด้วยกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และทหารม้าอีก1กองพันจาก ม.พัน29 รอ.ถวายสัตย์ปฏิญาณ
ในเวลาต่อมา พล.ต.วราห์ บุญยสิทธิ ผบ.พล 1 รอ.ในฐานะผู้บังคับกองผสมสั่งกองผสม "ตรงหน้าระวัง วันทยาวุธ" ทหารกองเกียรติยศ 3 เหล่าทัพถวายความเคารพ แตรวงบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี
จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัสความว่า คำอวยพรและคำปฏิญาณสัญญาที่ทุกท่านได้กล่าวนั้นเป็นที่ประทับใจมาก ขอขอบใจและขอบใจท่านทั้งหลาย ตลอดจนประชาชนคนไทยทุกคนที่พรั่งพร้อมมาด้วยความปราถนาดีและไมตรีจิต ความปราถนาดีและความพร้อมเพรียงกันของทุกท่านอย่างที่ได้เห็นในวันนี้ ทำให้ข้าพเจ้าปลื้มใจมีกำลังใจมากขึ้นในความเชื่อเสมอว่า ความเมตตาปราถนาดีของท่านต่อกันเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ความพร้อมเพรียงให้มีเกิดขึ้นมีขึ้นทั้งหมู่คณะและชาติบ้านเมือง แต่ถ้าคนไทยเรายังมีคุณธรรมนี้ประจำอยู่ในจิตใจ ก็จะมีความหวังได้ว่าบ้านเมืองไทยไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็จะอยู่รอดปลอดภัย ธำรงมั่นคงต่อไปได้ตลอดรอดฝั่งอย่างแน่นอน ขออำนาจแห่งคุณพระรัตนตรัยและสิ่งศักสิทธิ์จงคุ้มครองรักษาท่านทั้งหลายให้มีแต่ความพอสุขร่มเย็นยั่งยืนไป
เมื่อจบพระราชดำรัส ผู้เข้าเฝ้าฯ ถวายความเคารพ ผู้บังคับกองผสมสั่งกองผสม "ตรงหน้าระวัง วันทยาวุธ" ทหารกองเกียรติยศ 3 เหล่าทัพถวายความเคารพ แตรวงบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี จบ
จากนั้น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงยืนเฝ้าฯ ด้านหลังพระราชอาสน์ นายกรัฐมนตรีกล่าวนำ “ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ” เมื่อได้เวลาสมควร เจ้าพนักงานเลื่อนพระแท่นที่ประทับกลับยังท้องพระโรงหน้า เจ้าพนักงานรัวกรับและปิดพระวิสูตร ชาวพนักงานกระทั่งมโหระทึก ประโคมแตรฝรั่ง แตรวงบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปประทับพักพระราชอิริยาบถ ณ ห้องมุขด้านทิศใต้ เมื่อพระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการที่เฝ้าฯ ไปคอยส่งเสด็จฯ ที่ชั้นล่างพระที่นั่งอนันตสมาคมเรียบร้อยแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯ ลงจากพระที่นั่งอนันตสมาคม (โดยลิฟท์) ไปประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินกลับ ทหารกองเกียรติยศ 3 เหล่าทัพถวายความเคารพ แตรวงบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี
***คลื่นมหาชนแน่นลานพระรูป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 4 ธ.ค. ประชาชนจากทั่วทุกสารทิศได้เดินทางมาจับจองพื้นที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า ลานพระราชวังดุสิต เพื่อรอรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่เสด็จฯ ออกมหาสมาคม ในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา ณ สีหบัญชร พระที่นั่งอนันตสมาคม ทำให้พื้นที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้าต่อเนื่องไปตามถนนราชดำเนินนอกไปจนถึงบริเวณสะพานผ่านฟ้าฯ และถนนราชดำเนินกลาง แน่นขนัดไปด้วยประชาชนที่มาเฝ้ารอรับเสด็จ
ส่วนบรรยากาศที่โรงพยาบาลศิริราช มีประชาชนเดินทางมาจับจองพื้นที่ บริเวณใต้อาคารเฉลิมพระเกียรติ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. ที่ผ่านมา และเช้าวานนี้ ประชาชนได้มาจับจองพื้นที่ต่อเนื่องไปจนถึงถนนพรานนก ด้านข้างกำแพงโรงพยาบาลศิริราช เรื่อยไปตลอดสองข้างทางจนถึงแยกศิริราช เพื่อรอเฝ้ารับเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ที่จะเสด็จพระราชดำเนินออกจากที่ประทับไปยังพระที่นั่งอนันตสมาคม ในเวลาประมาณ 09.40 น. โดยใช้ความเร็ว 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อให้ประชาชนได้ชมพระบารมีอย่างใกล้ชิด
***เปล่งเสียง “ทรงพระเจริญ”กึกก้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ตลอดเส้นทางเสด็จฯ มีพสกนิกรสวมเสื้อสีเหลืองมาเฝ้ารับเสด็จฯ ทั้งสองฝั่งถนนอย่างเนืองแน่นโดยเฉพาะที่ลานพระบรมรูปทรงม้ามีประชาชนพร้อมใจกันใส่เสื้อสีเหลืองกว่า2แสนคนพร้อมถือรูปพระบรมฉายยาลักษณ์ และธงพระปรมาภิไธยย่อ ภปร.และเปล่งเสียงทรงพระเจริญดังกึกก้องบางคนถึงกับหลั่งน้ำตาแห่งความประทับใจออกมา เมื่อเห็นรถยนต์พระที่นั่งเสด็จฯผ่าน
ขณะที่แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นำโดย นายสนธิ ลิ้มทองกุล พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ได้เดินทางไปยังบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้าแต่เช้า เพื่อเฝ้ารอรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
นายประดิษฐ์ เอมพันธุ์ อายุ 45ปี ชาว จ.นครสวรรค์ แต่มาประกอบอาชีพรับจ้างที่ตลาดไท จ.ปทุมธานี ซึ่งปั่นจักรยานมาตั้งแต่เมื่อเย็นวันที่ 4 ธ.ค. มานอนรออยู่ที่สนามหลวงแล้วค่อยปั่นจักรยานมาร่วมพระราชพิธีแต่เช้าตรู่ เล่าว่า รู้สึกปลาบปลื่มปิติ แม้ว่าจะมาร่วมในพระราชพิธีสำคัญนี้ทุกปีก็ตาม แต่ทุกครั้งที่ได้เห็นพระพักตร์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็รู้สึกอิ่มเอมหัวใจทุกครั้ง อยากให้พระองค์และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ทรงมีพลานามัยที่แข็งแรงทรงพระเกษมสำราญตลอดไป
***นายกฯนำจุดเทียนชัยถวายพระพร
เมื่อเวลา 19.19 น. วันเดียวกัน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะจุดเทียนชัยถวายพระพรชัยมงคลและถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 8 รอบ 5 ธันวาคม พร้อมคณะรัฐมนตรี คู่สมรส และข้าราชการ ทหาร ตำรวจ รวมทั้งประชาชนทุกหมู่เหล่า ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง โดยมีพสกนิกรชาวไทย พร้อมใจกันใส่เสื้อสีเหลืองเข้าร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก เช่นเดียวกับสถานที่จัดงานในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยต่างเปล่งเสียง "ทรงพระเจริญ" ดังกึกก้องไปทั่ว
ในโอกาสนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้กล่าวถวายพระราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติว่า ปวงข้าพระพุทธเจ้าล้วนประจักษ์ชัดแจ้งแล้วว่า นับตั้งแต่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ทรงดำรงสิริราชสมบัติ เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.2489 เป็นต้นมา จวบจนถึงปัจจุบันนี้ เป็นระยะเวลายาวนานถึง 66 ปี ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงเสียสละและทรงอุทิศพระองค์เพื่อสร้างสรรค์ประโยชน์สุขให้แก่อาณาประชาราษฎร์ และสร้างความเจริญมั่นคงให้แก่ประเทศชาติตลอดมา พระราชกรณียกิจน้อยใหญ่นานัปการ ที่ทรงปฏิบัติบำเพ็ญตลอดระยะเวลาอันยาวนาน ส่งผลให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีความมั่นคงในการประกอบอาชีพ และมีความรู้ความสามารถเพียงพอที่จะดำรงชีวิตได้อย่างมีความสุขตามสมควรแก่อัตภาพ ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ เป็นที่เทิดทูนแซ่ซ้องสดุดีไปทั่วโลก มีองค์กรและหน่วยงานต่างๆ ได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายรางวัลเฉลิมพระเกียรติเป็นจำนวนมาก พระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทยอย่างหาที่สิ้นสุดมิได้นี้ เป็นที่ซาบซึ้งและเทิดทูนอยู่เหนือเกล้าเหนือกระหม่อมของปวงข้าพระพุทธเจ้าตราบชีวิตจะหาไม่ นับว่าเป็นบุญอันยิ่งใหญ่ของพสกนิกรไทยทุกคนที่ได้เกิดมาอยู่ภายใต้ร่มพระบารมี บนผืนแผ่นดินไทยที่มีใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทเป็นพระประมุข
เมื่อเวลา 09.59 น. วานนี้ (5ธ.ค.) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายา พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ และพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งจากโรงพยาบาลศิริราช ไปยังพระที่นั่งอนันตสมาคม พระราชวังดุสิตเข้าทางประตูทวยเทพสโมสร
การนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฉลองพระองค์จักรีเต็มยศ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ คลีนิค.นพ.ประดิษฐ์ ปัญจวีณีน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราชปิยมหาราชการุณย์ เป็นผู้ถวายการเข็นรถเข็นพระที่นั่ง
ต่อมาเวลา 10.25 น. รถยนต์พระที่นั่งเข้าประตูทวยเทพสโมสร พระที่นั่งอนันตสมาคม รถยนต์พระที่นั่งเทียบอัฒจันทร์มุขตะวันออก ทหารกองเกียรติยศ 3 เหล่าทัพถวายความเคารพ แตรวงบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี จากนั้น เสด็จฯ ขึ้นชั้น 2 โดยลิฟท์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปฉลองพระองค์ครุย ณ ท้องพระโรงหน้าสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯ ไปทรงฉลองพระองค์ครุย ณ มุขด้านทิศใต้ เมื่อสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงฉลองพระองค์ครุยเสร็จแล้ว เสด็จฯ ลงจากพระที่นั่งอนันตสมาคม ทางบันไดมุขด้านทิศใต้ ไปทรงยืนเฝ้าฯ ที่พระแท่นหน้าสีหบัญชร
เมื่อเวลา 10.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ออกท้องพระโรงหน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม ขณะนี้ เจ้าพนักงานรัวกรับและเปิดพระวิสูตร เลื่อนพระแท่นที่ประทับไปยังสีหบัญชร ชาวพนักงานกระทั่งมโหระทึก ประโคมแตรฝรั่ง ผู้บังคับกองผสมสั่งกองผสม “ตรงหน้าระวัง วันทยาวุธ” ทหารกองเกียรติยศ 3 เหล่าทัพถวายความเคารพ แตรวงบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศยิงปืนใหญ่เฉลิมพระเกียรติฝ่ายละ 21 นัด เมื่อสุดเสียงประโคมแล้วผู้บังคับกองผสม สั่งกองผสม " เรียบอาวุธ "
จากนั้น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงเปิดกรวยกระทงดอกไม้ ธูปเทียนแพ แล้วกราบบังคมทูลพระกรุณาถวายพระพรชัยมงคลแทนพระบรมวงศานุวงศ์
เมื่อสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฏราชกุมารกราบบังคมทูลถวายพระพรจบแล้วเสด็จฯ ขึ้นบนพระที่นั่งอนันตสมาคม
ตามด้วยน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดกรวยกระทงดอกไม้ธูปเทียนแพ แล้วกราบบังคมทูลพระกรุณาถวายพระพรชัยมงคล แทนคณะรัฐมนตรี ข้าราชการทหาร ตำรวจ พลเรือน และราษฎร์ทุกหมู่เหล่า จบ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา เปิดกรวยกระทงดอกไม้ธูปเทียนแพ แล้วกราบบังคมทูลพระกรุณาถวายพระพรชัยมงคล แทนสมาชิกรัฐสภา จบ นายไพโรจน์ วายุภาพ ประธานศาลฎีกา เปิดกรวยกระทงดอกไม้ธูปเทียนแพ แล้วกราบบังคมทูลพระกรุณาถวายพระพรชัยมงคล แทนข้าราชการตุลาการ จบ พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาปะกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กราบบังคมทูลพระกรุณากล่าวนำทหารรักษาพระองค์ จำนวน 12 กองพัน ประกอบด้วยกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และทหารม้าอีก1กองพันจาก ม.พัน29 รอ.ถวายสัตย์ปฏิญาณ
ในเวลาต่อมา พล.ต.วราห์ บุญยสิทธิ ผบ.พล 1 รอ.ในฐานะผู้บังคับกองผสมสั่งกองผสม "ตรงหน้าระวัง วันทยาวุธ" ทหารกองเกียรติยศ 3 เหล่าทัพถวายความเคารพ แตรวงบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี
จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัสความว่า คำอวยพรและคำปฏิญาณสัญญาที่ทุกท่านได้กล่าวนั้นเป็นที่ประทับใจมาก ขอขอบใจและขอบใจท่านทั้งหลาย ตลอดจนประชาชนคนไทยทุกคนที่พรั่งพร้อมมาด้วยความปราถนาดีและไมตรีจิต ความปราถนาดีและความพร้อมเพรียงกันของทุกท่านอย่างที่ได้เห็นในวันนี้ ทำให้ข้าพเจ้าปลื้มใจมีกำลังใจมากขึ้นในความเชื่อเสมอว่า ความเมตตาปราถนาดีของท่านต่อกันเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ความพร้อมเพรียงให้มีเกิดขึ้นมีขึ้นทั้งหมู่คณะและชาติบ้านเมือง แต่ถ้าคนไทยเรายังมีคุณธรรมนี้ประจำอยู่ในจิตใจ ก็จะมีความหวังได้ว่าบ้านเมืองไทยไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็จะอยู่รอดปลอดภัย ธำรงมั่นคงต่อไปได้ตลอดรอดฝั่งอย่างแน่นอน ขออำนาจแห่งคุณพระรัตนตรัยและสิ่งศักสิทธิ์จงคุ้มครองรักษาท่านทั้งหลายให้มีแต่ความพอสุขร่มเย็นยั่งยืนไป
เมื่อจบพระราชดำรัส ผู้เข้าเฝ้าฯ ถวายความเคารพ ผู้บังคับกองผสมสั่งกองผสม "ตรงหน้าระวัง วันทยาวุธ" ทหารกองเกียรติยศ 3 เหล่าทัพถวายความเคารพ แตรวงบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี จบ
จากนั้น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงยืนเฝ้าฯ ด้านหลังพระราชอาสน์ นายกรัฐมนตรีกล่าวนำ “ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ” เมื่อได้เวลาสมควร เจ้าพนักงานเลื่อนพระแท่นที่ประทับกลับยังท้องพระโรงหน้า เจ้าพนักงานรัวกรับและปิดพระวิสูตร ชาวพนักงานกระทั่งมโหระทึก ประโคมแตรฝรั่ง แตรวงบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปประทับพักพระราชอิริยาบถ ณ ห้องมุขด้านทิศใต้ เมื่อพระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการที่เฝ้าฯ ไปคอยส่งเสด็จฯ ที่ชั้นล่างพระที่นั่งอนันตสมาคมเรียบร้อยแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯ ลงจากพระที่นั่งอนันตสมาคม (โดยลิฟท์) ไปประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินกลับ ทหารกองเกียรติยศ 3 เหล่าทัพถวายความเคารพ แตรวงบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี
***คลื่นมหาชนแน่นลานพระรูป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 4 ธ.ค. ประชาชนจากทั่วทุกสารทิศได้เดินทางมาจับจองพื้นที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า ลานพระราชวังดุสิต เพื่อรอรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่เสด็จฯ ออกมหาสมาคม ในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา ณ สีหบัญชร พระที่นั่งอนันตสมาคม ทำให้พื้นที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้าต่อเนื่องไปตามถนนราชดำเนินนอกไปจนถึงบริเวณสะพานผ่านฟ้าฯ และถนนราชดำเนินกลาง แน่นขนัดไปด้วยประชาชนที่มาเฝ้ารอรับเสด็จ
ส่วนบรรยากาศที่โรงพยาบาลศิริราช มีประชาชนเดินทางมาจับจองพื้นที่ บริเวณใต้อาคารเฉลิมพระเกียรติ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. ที่ผ่านมา และเช้าวานนี้ ประชาชนได้มาจับจองพื้นที่ต่อเนื่องไปจนถึงถนนพรานนก ด้านข้างกำแพงโรงพยาบาลศิริราช เรื่อยไปตลอดสองข้างทางจนถึงแยกศิริราช เพื่อรอเฝ้ารับเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ที่จะเสด็จพระราชดำเนินออกจากที่ประทับไปยังพระที่นั่งอนันตสมาคม ในเวลาประมาณ 09.40 น. โดยใช้ความเร็ว 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อให้ประชาชนได้ชมพระบารมีอย่างใกล้ชิด
***เปล่งเสียง “ทรงพระเจริญ”กึกก้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ตลอดเส้นทางเสด็จฯ มีพสกนิกรสวมเสื้อสีเหลืองมาเฝ้ารับเสด็จฯ ทั้งสองฝั่งถนนอย่างเนืองแน่นโดยเฉพาะที่ลานพระบรมรูปทรงม้ามีประชาชนพร้อมใจกันใส่เสื้อสีเหลืองกว่า2แสนคนพร้อมถือรูปพระบรมฉายยาลักษณ์ และธงพระปรมาภิไธยย่อ ภปร.และเปล่งเสียงทรงพระเจริญดังกึกก้องบางคนถึงกับหลั่งน้ำตาแห่งความประทับใจออกมา เมื่อเห็นรถยนต์พระที่นั่งเสด็จฯผ่าน
ขณะที่แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นำโดย นายสนธิ ลิ้มทองกุล พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ได้เดินทางไปยังบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้าแต่เช้า เพื่อเฝ้ารอรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
นายประดิษฐ์ เอมพันธุ์ อายุ 45ปี ชาว จ.นครสวรรค์ แต่มาประกอบอาชีพรับจ้างที่ตลาดไท จ.ปทุมธานี ซึ่งปั่นจักรยานมาตั้งแต่เมื่อเย็นวันที่ 4 ธ.ค. มานอนรออยู่ที่สนามหลวงแล้วค่อยปั่นจักรยานมาร่วมพระราชพิธีแต่เช้าตรู่ เล่าว่า รู้สึกปลาบปลื่มปิติ แม้ว่าจะมาร่วมในพระราชพิธีสำคัญนี้ทุกปีก็ตาม แต่ทุกครั้งที่ได้เห็นพระพักตร์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็รู้สึกอิ่มเอมหัวใจทุกครั้ง อยากให้พระองค์และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ทรงมีพลานามัยที่แข็งแรงทรงพระเกษมสำราญตลอดไป
***นายกฯนำจุดเทียนชัยถวายพระพร
เมื่อเวลา 19.19 น. วันเดียวกัน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะจุดเทียนชัยถวายพระพรชัยมงคลและถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 8 รอบ 5 ธันวาคม พร้อมคณะรัฐมนตรี คู่สมรส และข้าราชการ ทหาร ตำรวจ รวมทั้งประชาชนทุกหมู่เหล่า ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง โดยมีพสกนิกรชาวไทย พร้อมใจกันใส่เสื้อสีเหลืองเข้าร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก เช่นเดียวกับสถานที่จัดงานในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยต่างเปล่งเสียง "ทรงพระเจริญ" ดังกึกก้องไปทั่ว
ในโอกาสนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้กล่าวถวายพระราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติว่า ปวงข้าพระพุทธเจ้าล้วนประจักษ์ชัดแจ้งแล้วว่า นับตั้งแต่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ทรงดำรงสิริราชสมบัติ เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.2489 เป็นต้นมา จวบจนถึงปัจจุบันนี้ เป็นระยะเวลายาวนานถึง 66 ปี ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงเสียสละและทรงอุทิศพระองค์เพื่อสร้างสรรค์ประโยชน์สุขให้แก่อาณาประชาราษฎร์ และสร้างความเจริญมั่นคงให้แก่ประเทศชาติตลอดมา พระราชกรณียกิจน้อยใหญ่นานัปการ ที่ทรงปฏิบัติบำเพ็ญตลอดระยะเวลาอันยาวนาน ส่งผลให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีความมั่นคงในการประกอบอาชีพ และมีความรู้ความสามารถเพียงพอที่จะดำรงชีวิตได้อย่างมีความสุขตามสมควรแก่อัตภาพ ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ เป็นที่เทิดทูนแซ่ซ้องสดุดีไปทั่วโลก มีองค์กรและหน่วยงานต่างๆ ได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายรางวัลเฉลิมพระเกียรติเป็นจำนวนมาก พระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทยอย่างหาที่สิ้นสุดมิได้นี้ เป็นที่ซาบซึ้งและเทิดทูนอยู่เหนือเกล้าเหนือกระหม่อมของปวงข้าพระพุทธเจ้าตราบชีวิตจะหาไม่ นับว่าเป็นบุญอันยิ่งใหญ่ของพสกนิกรไทยทุกคนที่ได้เกิดมาอยู่ภายใต้ร่มพระบารมี บนผืนแผ่นดินไทยที่มีใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทเป็นพระประมุข