การออกหนังสือของกระทรวงมหาดไทย สั่งผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ งดจุดพลุวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันที่ 5 ธันวาคม ยังเป็นปมร้อนที่ค้างคาใจคนทั้งประเทศ
นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ทำไมบังอาจสั่งยกเลิกประเพณีถวายพระพรในหลวง
ไม่มีเหตุผลใดที่ปลัดกระทรวงมหาดไทยจะห้ามจุดพลุถวายพระพรเพื่อแสดงความจงรักภักดี นอกจากนายวิบูลย์จะไม่มีความจงรักภักดี
ข้ออ้างการสิ้นเปลืองงบประมาณนั้น ไม่มีวันฟังขึ้น เพราะงบประมาณการจุดพลุถวายพระพรไม่ใช่เงินมากมาย เทียบไม่ได้กับเงินที่นักการเมืองปล้นไปประเทศ เทียบไม่ได้กับเงินงบประมาณที่นักการเมืองนำไปผลาญ และเทียบไม่ได้กับเงินที่ข้าราชการนำไปผลาญจากการดูงานในต่างประเทศหรือจัดอบรมสัมมนาของกระทรวงหมาดไทยเอง
หนังสือเวียนงดจุดพลุในวันพ่อ เป็นเรื่องใหญ่ที่สะเทือนความรู้สึกของคนทั้งประเทศ และไม่ได้ดูถูกนายวิบูลย์ แต่น้ำหน้าอย่างปลัดกระทรวงมหาดไทยคนนี้ ไม่ได้คิดเองแน่ แต่มีคนคิดให้
ใครบังอาจบงการให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยสั่งงดจุดพลุถวายพระพรในหลวง คนที่รู้ดีที่สุดคือ นายวิบูลย์ ในฐานะผู้สนองคำบงการโดยไม่บิดพริ้ว ทั้งที่เป็นพฤติกรรมหมิ่นเหม่การลบหลู่ก็ตาม
ประชาชนส่วนใหญ่ยังต้องการระบบการปกครองที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข คนไทยส่วนใหญ่ยังมีความจงรักภักดีในหลวง ดังนั้นการสั่งงดจุดพลุถวายพระพรอาจจุดชนวนการลุกฮือได้
เพียงแต่คนที่มีความจงรักภักดีในหลวง มักจะมีความอดกลั้น ไม่ถึงที่สุดก็จะไม่ลุกฮือ แม้มีคนบางกลุ่มแสดงพฤติกรรมจาบจ้างสถาบัน และคนบางกลุ่มมีจุดมุ่งหมายล้มล้างสถาบันฯ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็ตาม
เปรียบไม่ได้กับคนเสื้อแดงที่มีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง
ถ้าประชาชนที่จงรักภักดีในหลวง มีพฤติกรรมเหมือนคนเสื้อแดง กระทรวงมหาดไทยคงจะแหลก นายวิบูลย์อาจไม่มีเงาหัวไปแล้ว
เพราะคำสั่งสัพเพร่าอย่างจงใจของนายวิบูลย์ จะนำไปสู่การลุกฮือของประชาชนครั้งใหญ่ เพื่อให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยรับผิดชอบ
และกดดันให้สอบสวนหาตัวผู้บงการที่มีจิตใจสกปรก เพื่อให้คนไทยทั้งประเทศช่วยกันประณาม ประณามทั้งตระกูลประณามไปยันลูกหลาน
ถ้าประชาชนที่จงรักภักดีมีพฤติกรรมเถื่อนเหมือนคนเสื้อแดง คำสั่งงดประเพณีสำคัญเพื่อร่วมถวายพระพรในหลวง คงลุกลามบานปลายใหญ่โต
ถึงขั้นนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องแสดงความรับผิดชอบ
เพราะขนาดเรื่องไม่เป็นเรื่อง กรณีแอร์โฮสเตสสายการบินคาเธ่ย์แปซิปิคที่โพสต์ข้อความ อยากจะเอากาแฟสาดหน้านางสาวแพทองธาร ชินวัตร หรือ “อุ๊งอิ๊ง” บุตรสาวพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร คนเสื้อแดงยังแทบชักดิ้นชักงออาละวาดไปทั่ว
ตามรังควานแอร์โฮสเตสจนต้องตกงาน
พ.ต.ท.ทักษิณมีฐานะเป็นนักโทษหนีอาญาแผ่นดิน แต่เพราะความหลงผิด ความงมงาย การถูกมอมเมาจนทำให้คนเสื้อแดงหัวปักหัวปรำ แทบจะเป็นจะตายแทนตระกูลชินวัตร
จะปั่นหัว จะปลุกให้ไปคุกคามใครที่ไหนก็ไป จนกลายเป็นมวลชนที่เชื่องและว่านอนสอนง่ายของพ.ต.ท.ทักษิณ
แต่เป็นที่รับรู้กันว่า มวลชนเสื้อแดงส่วนหนึ่งเป็นสายที่ถูกจัดตั้ง จึงระดมได้ง่าย หัวโจกเสื้อแดงส่งสัญญาณหน่อย ม็อบเสื้อแดงก็โผล่มาแล้ว จะสั่งให้ไปป่วนที่ไหน ขอให้บอกเท่านั้น
ส่วนประชาชนที่มีความจงรักภักดี มักจะอดกลั้นพยายามหลีกเลี่ยงที่จะก่อความวุ่นวาย ไม่รังควานคนกลุ่มอื่นในสังคม และพยายามทนถึงที่สุด
แม้พฤติกรรมการจาบจ้าง การลบหลู่ การหมิ่น หรือการแสดงเจตนาล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์โดยคนบางกลุ่ม แทบจะทำให้ต้องสิ้นสุดความอดทนก็ตาม
แต่ประชาชนที่มีความจงรักภักดี ก็มีขีดจำกัดของความอดทนเหมือนกัน แม้หัวโจกเสื้อแดงหลายคนจะจาบจ้างสถาบันหลายครั้ง และคนบางตระกูลจะมีเป้าหมายล้มล้างสถาบันก็ตาม
การที่กระทรวงมหาดไทยกลับลำรีบเปลี่ยนท่าทีในชั่วข้ามคืน และประกาศให้จุดพลุถวายพระพรได้ อาจเป็นเพราะปฏิกิริยาความไม่พอใจอย่างรุนแรงของกลุ่มคนที่มีความจงรักภักดี จนนายวิบูลย์หวั่นไหวในกระแสประชาชน และต้องเลิกทำตามคำบงการของใครบางคน
คำสั่งน่าทุเรศของกระทรวงมหาดไทยถูกยกเลิกไปแล้ว แต่พฤติกรรมเหิมเกริมลบหลู่สถาบันยังคงไม่หมดไป และเมื่อคนที่คิดล้มล้างสถาบันยังคอยบงการลูกสมุนและข้าราชการที่ยอมเป็นขี้ข้ารับใช้แสดงพฤติกรรมจาบจ้วงอยู่
ถึงจุดหนึ่งประชาชนที่มีความจงรักภักดีจะหมดความอดกลั้น พร้อมใจลุกฮือขึ้นมาแสดงพลังกำราบความเหิมเกริม
ปฏิกิริยากราดเกรี้ยวกับคำสั่งห้ามจุดพลุถวายพระพรวันเฉลิมพระชนมพรรษา อาจสะท้อนให้เห็นว่า ประชาชนใกล้สิ้นสุดความอดทนต่อพฤติกรรมจาบจ้วงเข้ามาทุกทีแล้ว
แม้แต่ศิลปินดาราหลายคนยังทนไม่ได้ ออกมาประกาศอย่างแข็งกร้าว ท้าทายคำสั่งห้ามจุดพลุวันพ่อ ไม่กลัวทั้งอำนาจรัฐหรืออำนาจมืด
พลังเงียบของประชาชนที่มีความจงรักภักดี ปรากฏตัวอย่างมืดฟ้ามัวดินบนถนนราชดำเนิน เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ที่ผ่านมา
และพลังเงียบของประชาชนกำลังรอวันเวลาระเบิด รอกำราบความเหิมเกริมกลุ่มคนชั่วร้ายที่คิดทำลายสถาบัน ไม่ว่ามันพวกนั้นจะมีอำนาจคุ้มกะลาหัว หรือเป็นคนตระกูลใหญ่แค่ไหนก็ตาม
นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ทำไมบังอาจสั่งยกเลิกประเพณีถวายพระพรในหลวง
ไม่มีเหตุผลใดที่ปลัดกระทรวงมหาดไทยจะห้ามจุดพลุถวายพระพรเพื่อแสดงความจงรักภักดี นอกจากนายวิบูลย์จะไม่มีความจงรักภักดี
ข้ออ้างการสิ้นเปลืองงบประมาณนั้น ไม่มีวันฟังขึ้น เพราะงบประมาณการจุดพลุถวายพระพรไม่ใช่เงินมากมาย เทียบไม่ได้กับเงินที่นักการเมืองปล้นไปประเทศ เทียบไม่ได้กับเงินงบประมาณที่นักการเมืองนำไปผลาญ และเทียบไม่ได้กับเงินที่ข้าราชการนำไปผลาญจากการดูงานในต่างประเทศหรือจัดอบรมสัมมนาของกระทรวงหมาดไทยเอง
หนังสือเวียนงดจุดพลุในวันพ่อ เป็นเรื่องใหญ่ที่สะเทือนความรู้สึกของคนทั้งประเทศ และไม่ได้ดูถูกนายวิบูลย์ แต่น้ำหน้าอย่างปลัดกระทรวงมหาดไทยคนนี้ ไม่ได้คิดเองแน่ แต่มีคนคิดให้
ใครบังอาจบงการให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยสั่งงดจุดพลุถวายพระพรในหลวง คนที่รู้ดีที่สุดคือ นายวิบูลย์ ในฐานะผู้สนองคำบงการโดยไม่บิดพริ้ว ทั้งที่เป็นพฤติกรรมหมิ่นเหม่การลบหลู่ก็ตาม
ประชาชนส่วนใหญ่ยังต้องการระบบการปกครองที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข คนไทยส่วนใหญ่ยังมีความจงรักภักดีในหลวง ดังนั้นการสั่งงดจุดพลุถวายพระพรอาจจุดชนวนการลุกฮือได้
เพียงแต่คนที่มีความจงรักภักดีในหลวง มักจะมีความอดกลั้น ไม่ถึงที่สุดก็จะไม่ลุกฮือ แม้มีคนบางกลุ่มแสดงพฤติกรรมจาบจ้างสถาบัน และคนบางกลุ่มมีจุดมุ่งหมายล้มล้างสถาบันฯ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็ตาม
เปรียบไม่ได้กับคนเสื้อแดงที่มีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง
ถ้าประชาชนที่จงรักภักดีในหลวง มีพฤติกรรมเหมือนคนเสื้อแดง กระทรวงมหาดไทยคงจะแหลก นายวิบูลย์อาจไม่มีเงาหัวไปแล้ว
เพราะคำสั่งสัพเพร่าอย่างจงใจของนายวิบูลย์ จะนำไปสู่การลุกฮือของประชาชนครั้งใหญ่ เพื่อให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยรับผิดชอบ
และกดดันให้สอบสวนหาตัวผู้บงการที่มีจิตใจสกปรก เพื่อให้คนไทยทั้งประเทศช่วยกันประณาม ประณามทั้งตระกูลประณามไปยันลูกหลาน
ถ้าประชาชนที่จงรักภักดีมีพฤติกรรมเถื่อนเหมือนคนเสื้อแดง คำสั่งงดประเพณีสำคัญเพื่อร่วมถวายพระพรในหลวง คงลุกลามบานปลายใหญ่โต
ถึงขั้นนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องแสดงความรับผิดชอบ
เพราะขนาดเรื่องไม่เป็นเรื่อง กรณีแอร์โฮสเตสสายการบินคาเธ่ย์แปซิปิคที่โพสต์ข้อความ อยากจะเอากาแฟสาดหน้านางสาวแพทองธาร ชินวัตร หรือ “อุ๊งอิ๊ง” บุตรสาวพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร คนเสื้อแดงยังแทบชักดิ้นชักงออาละวาดไปทั่ว
ตามรังควานแอร์โฮสเตสจนต้องตกงาน
พ.ต.ท.ทักษิณมีฐานะเป็นนักโทษหนีอาญาแผ่นดิน แต่เพราะความหลงผิด ความงมงาย การถูกมอมเมาจนทำให้คนเสื้อแดงหัวปักหัวปรำ แทบจะเป็นจะตายแทนตระกูลชินวัตร
จะปั่นหัว จะปลุกให้ไปคุกคามใครที่ไหนก็ไป จนกลายเป็นมวลชนที่เชื่องและว่านอนสอนง่ายของพ.ต.ท.ทักษิณ
แต่เป็นที่รับรู้กันว่า มวลชนเสื้อแดงส่วนหนึ่งเป็นสายที่ถูกจัดตั้ง จึงระดมได้ง่าย หัวโจกเสื้อแดงส่งสัญญาณหน่อย ม็อบเสื้อแดงก็โผล่มาแล้ว จะสั่งให้ไปป่วนที่ไหน ขอให้บอกเท่านั้น
ส่วนประชาชนที่มีความจงรักภักดี มักจะอดกลั้นพยายามหลีกเลี่ยงที่จะก่อความวุ่นวาย ไม่รังควานคนกลุ่มอื่นในสังคม และพยายามทนถึงที่สุด
แม้พฤติกรรมการจาบจ้าง การลบหลู่ การหมิ่น หรือการแสดงเจตนาล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์โดยคนบางกลุ่ม แทบจะทำให้ต้องสิ้นสุดความอดทนก็ตาม
แต่ประชาชนที่มีความจงรักภักดี ก็มีขีดจำกัดของความอดทนเหมือนกัน แม้หัวโจกเสื้อแดงหลายคนจะจาบจ้างสถาบันหลายครั้ง และคนบางตระกูลจะมีเป้าหมายล้มล้างสถาบันก็ตาม
การที่กระทรวงมหาดไทยกลับลำรีบเปลี่ยนท่าทีในชั่วข้ามคืน และประกาศให้จุดพลุถวายพระพรได้ อาจเป็นเพราะปฏิกิริยาความไม่พอใจอย่างรุนแรงของกลุ่มคนที่มีความจงรักภักดี จนนายวิบูลย์หวั่นไหวในกระแสประชาชน และต้องเลิกทำตามคำบงการของใครบางคน
คำสั่งน่าทุเรศของกระทรวงมหาดไทยถูกยกเลิกไปแล้ว แต่พฤติกรรมเหิมเกริมลบหลู่สถาบันยังคงไม่หมดไป และเมื่อคนที่คิดล้มล้างสถาบันยังคอยบงการลูกสมุนและข้าราชการที่ยอมเป็นขี้ข้ารับใช้แสดงพฤติกรรมจาบจ้วงอยู่
ถึงจุดหนึ่งประชาชนที่มีความจงรักภักดีจะหมดความอดกลั้น พร้อมใจลุกฮือขึ้นมาแสดงพลังกำราบความเหิมเกริม
ปฏิกิริยากราดเกรี้ยวกับคำสั่งห้ามจุดพลุถวายพระพรวันเฉลิมพระชนมพรรษา อาจสะท้อนให้เห็นว่า ประชาชนใกล้สิ้นสุดความอดทนต่อพฤติกรรมจาบจ้วงเข้ามาทุกทีแล้ว
แม้แต่ศิลปินดาราหลายคนยังทนไม่ได้ ออกมาประกาศอย่างแข็งกร้าว ท้าทายคำสั่งห้ามจุดพลุวันพ่อ ไม่กลัวทั้งอำนาจรัฐหรืออำนาจมืด
พลังเงียบของประชาชนที่มีความจงรักภักดี ปรากฏตัวอย่างมืดฟ้ามัวดินบนถนนราชดำเนิน เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ที่ผ่านมา
และพลังเงียบของประชาชนกำลังรอวันเวลาระเบิด รอกำราบความเหิมเกริมกลุ่มคนชั่วร้ายที่คิดทำลายสถาบัน ไม่ว่ามันพวกนั้นจะมีอำนาจคุ้มกะลาหัว หรือเป็นคนตระกูลใหญ่แค่ไหนก็ตาม