ASTVผู้จัดการรายวัน - ค้าปลีกไทยไม่หวั่นรับมือเออีซี ชี้เอื้อประโยชน์มากกว่าตลาดใหญ่ขึ้น มั่นใจต่างชาติรุกไทยลำบากเหตุทำเลดีหมดแล้ว ฝีมือคนไทยไม่แพ้ชาติอื่น จี้รัฐเร่งลดภาษีดีกว่า ขณะที่เวียดนามเป็นตลาดที่น่าสนใจลงทุนหลังเปิดเสรีต่างชาติถือหุ้น 100%
วานนี้ (3 ธ.ค.) สมาคมพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีกทุนไทย ได้จัดสัมมนาใหญ่ประจำปีขึ้นในหัวข้อ "ทิศทางธุรกิจค้าปลีกไทย ปี2556" โดยมีนายสันติชัย สารถวัลย์แพศย์ รองอธิบดีกรมการค้าภายใน ร่วมปาฐกถาพิเศษ เรื่อง อนาคตค้าปลีกไทยในเวทีAEC ไว้ว่า ปัจจัยที่เอื้อต่อการขยายธุรกิจค้าปลีกเมื่อก้าวสู่AEC คือ จำนวนประชากรจาก10 ประเทศที่มีมากกว่า 600 ล้านคนลักษณะพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปสู่สังคมสมัยใหม่มากขึ้น ระดับรายได้ของประชากรมีแนวโน้มสูงขึ้น นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ปริมาณและมูลค่าการค้าขายชายแดนเพิ่มขึ้น ส่งผลต่อความสามารถในการประกอบธุรกิจค้าปลีกของไทย
ทั้งนี้จากผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ จะเห็นว่าธุรกิจค้าปลีกในปี 2554 อยู่ที่ 1.4 ล้านล้านบาท คิดเป็น 12% เทียบกับจีดีพีของประเทศที่มีมูลค่ากว่า 10.5 ล้านล้านบาท โดยร้านสะดวกซื้อปัจจุบัน มี 9,000 สาขา เติบโต 280% เทียบกับปี 2546 โดยการขายรวมจากตลาดค้าปลีกทั้งหมดปัจจุบันมีมูลค่าถึง 1.73 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.65% จากจำนวนสาขาทั้งหมดกว่าหมื่นสาขาในปัจจุบัน เพิ่มขึ้น 16.3% ต่อปีขณะที่มูลค่าการค้าเฉพาะการส่งออกชายแดนช่วง (ม.ค.-ต.ค.55) มีมูลค่ารวม 7.6 แสนล้านบาท และหากมีการเปิดเออีซีจะทำให้มีการเติบโตแบบก้าวกระโดด
ค้าปลีกไทยจะก้าวสู่ธุรกิจค้าปลีกในระดับอาเซียนได้ เนื่องจากผู้ประกอบการค้าปลีก/ส่งสมัยใหม่ของไทยมีความสามารถในการบริหารจัดการธุรกิจที่เก่งกว่าในอาเซียนหลายประเทศ ขณะที่ตลาดอาเซียน โดยเฉพาะเวียดนามเป็นตลาดที่น่าสนใจมากสุดสำหรับค้าปลีก เพราะเปิดเสรีสาขาจัดจำหน่ายให้ธุรกิจต่างชาติเข้ามาถือหุ้นได้100%
ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย และผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวเสริมว่า ค้าปลีกไทยกำลังอยู่ในช่วงการแข่งขันที่สูงมาก ซึ่งจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่จะใช้ชีวิตจับจ่ายใช้สอยในร้านค้าปลีกแทนร้านค้าทั่วไปมากขึ้นทั้งนี้มองว่าปีหน้าค้าปลีกยังเติบโตได้ต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 6-7%
ส่วนค้าปลีกไทยหลังเปิดAECไม่น่าเป็นห่วง ถึงแม้จะมีค้าปลีกข้ามชาติจะเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น แต่เชื่อว่าส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มนอนฟู้ด บวกกับทำเลสำคัญๆพื้นที่ดีๆก็เริ่มมีน้อยหรือแทบไม่เหลือแล้ว จากกลุ่มค้าปลีกไทยที่มุ่งขยายสาขาในช่วง5ปีที่ผ่านมา
นายสุวิทย์ กิ่งแก้ว นายกสมาคมพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีกทุนไทย และรองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หากก้าวสู่AEC แล้วจะทำให้มีฐานลูกค้าจาก 65 ล้านคนเป็น 611 ล้านคน ทั้งนี้ไทยควรให้ความสำคัญกับเส้นทางคมนาคมโดยเฉพาะถนนที่เชื่อมกับจีนให้ดีขึ้น เพื่อที่จะได้มีการซื้อขายกับจีนมากขึ้นที่สำคัญควรดึงผู้บริโภคต่างชาติเข้ามาชอปปิ้งในไทยมากกว่าที่จะสนับสนุนให้เกิดการลงทุนในต่างประเทศ รวมทั้งภาครัฐควรให้การลดหย่อนภาษีเพื่ออำนวยความสะดวกในการแทกซ์รีฟันให้กับนักท่องเที่ยวที่มาชอปปิ้งในไทย
วานนี้ (3 ธ.ค.) สมาคมพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีกทุนไทย ได้จัดสัมมนาใหญ่ประจำปีขึ้นในหัวข้อ "ทิศทางธุรกิจค้าปลีกไทย ปี2556" โดยมีนายสันติชัย สารถวัลย์แพศย์ รองอธิบดีกรมการค้าภายใน ร่วมปาฐกถาพิเศษ เรื่อง อนาคตค้าปลีกไทยในเวทีAEC ไว้ว่า ปัจจัยที่เอื้อต่อการขยายธุรกิจค้าปลีกเมื่อก้าวสู่AEC คือ จำนวนประชากรจาก10 ประเทศที่มีมากกว่า 600 ล้านคนลักษณะพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปสู่สังคมสมัยใหม่มากขึ้น ระดับรายได้ของประชากรมีแนวโน้มสูงขึ้น นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ปริมาณและมูลค่าการค้าขายชายแดนเพิ่มขึ้น ส่งผลต่อความสามารถในการประกอบธุรกิจค้าปลีกของไทย
ทั้งนี้จากผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ จะเห็นว่าธุรกิจค้าปลีกในปี 2554 อยู่ที่ 1.4 ล้านล้านบาท คิดเป็น 12% เทียบกับจีดีพีของประเทศที่มีมูลค่ากว่า 10.5 ล้านล้านบาท โดยร้านสะดวกซื้อปัจจุบัน มี 9,000 สาขา เติบโต 280% เทียบกับปี 2546 โดยการขายรวมจากตลาดค้าปลีกทั้งหมดปัจจุบันมีมูลค่าถึง 1.73 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.65% จากจำนวนสาขาทั้งหมดกว่าหมื่นสาขาในปัจจุบัน เพิ่มขึ้น 16.3% ต่อปีขณะที่มูลค่าการค้าเฉพาะการส่งออกชายแดนช่วง (ม.ค.-ต.ค.55) มีมูลค่ารวม 7.6 แสนล้านบาท และหากมีการเปิดเออีซีจะทำให้มีการเติบโตแบบก้าวกระโดด
ค้าปลีกไทยจะก้าวสู่ธุรกิจค้าปลีกในระดับอาเซียนได้ เนื่องจากผู้ประกอบการค้าปลีก/ส่งสมัยใหม่ของไทยมีความสามารถในการบริหารจัดการธุรกิจที่เก่งกว่าในอาเซียนหลายประเทศ ขณะที่ตลาดอาเซียน โดยเฉพาะเวียดนามเป็นตลาดที่น่าสนใจมากสุดสำหรับค้าปลีก เพราะเปิดเสรีสาขาจัดจำหน่ายให้ธุรกิจต่างชาติเข้ามาถือหุ้นได้100%
ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย และผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวเสริมว่า ค้าปลีกไทยกำลังอยู่ในช่วงการแข่งขันที่สูงมาก ซึ่งจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่จะใช้ชีวิตจับจ่ายใช้สอยในร้านค้าปลีกแทนร้านค้าทั่วไปมากขึ้นทั้งนี้มองว่าปีหน้าค้าปลีกยังเติบโตได้ต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 6-7%
ส่วนค้าปลีกไทยหลังเปิดAECไม่น่าเป็นห่วง ถึงแม้จะมีค้าปลีกข้ามชาติจะเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น แต่เชื่อว่าส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มนอนฟู้ด บวกกับทำเลสำคัญๆพื้นที่ดีๆก็เริ่มมีน้อยหรือแทบไม่เหลือแล้ว จากกลุ่มค้าปลีกไทยที่มุ่งขยายสาขาในช่วง5ปีที่ผ่านมา
นายสุวิทย์ กิ่งแก้ว นายกสมาคมพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีกทุนไทย และรองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หากก้าวสู่AEC แล้วจะทำให้มีฐานลูกค้าจาก 65 ล้านคนเป็น 611 ล้านคน ทั้งนี้ไทยควรให้ความสำคัญกับเส้นทางคมนาคมโดยเฉพาะถนนที่เชื่อมกับจีนให้ดีขึ้น เพื่อที่จะได้มีการซื้อขายกับจีนมากขึ้นที่สำคัญควรดึงผู้บริโภคต่างชาติเข้ามาชอปปิ้งในไทยมากกว่าที่จะสนับสนุนให้เกิดการลงทุนในต่างประเทศ รวมทั้งภาครัฐควรให้การลดหย่อนภาษีเพื่ออำนวยความสะดวกในการแทกซ์รีฟันให้กับนักท่องเที่ยวที่มาชอปปิ้งในไทย