xs
xsm
sm
md
lg

“รีแคป” ขยายตลาดเอเชีย ทุ่มโหมค้าปลีก-โรงแรม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สุชาติ เจียรานุสสติ ประธานบริหาร โครงการ เดอะ เมอร์คิวรี่ วิลล์
ASTVผู้จัดการรายวัน - ธุรกิจค้าปลีกไทยแข่งเดือด “รีแคป” ประกาศกร้าวปักหลักลุยค้าปลีก รับเป็นธุรกิจผลตอบแทนสูง เจียดงบ 4,000 ล้านบาทดอดเจรจาผุดคอมมูนิตีมอลล์ 2 แห่ง พร้อมลงทุนภูมิภาคเอเชีย เดินหน้าบุกญี่ปุ่น เกาหลี เวียดนาม ลุยค้าปลีก สำนักงาน ที่อยู่อาศัย ล่าสุดผุดคอมมูนิตีมอลล์เมอร์คิวรี่ย่านเพลินจิต ปีแรกฟันค่าเช่า 150 ล้านบาท ตั้งเป้า 5-8 ปีคุ้มทุน

นายสุชาติ เจียรานุสสติ ประธานบริหารโครงการเดอะ เมอร์คิวรี่ วิลล์ ภายใต้การบริหารของเรียล เอสเตท แคปิตอล เอเชีย พาร์ทเนอร์ หรือรีแคป (RECAP) เปิดเผยถึงแผนการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาคเอเชียภายใต้บริษัทรีแคปว่า ในไทยจะทุ่มงบประมาณ 3,000-4,000 ล้านบาทเพื่อลงทุนกลุ่มธุรกิจค้าปลีก 2 แห่ง มีขนาด 70,000 ตร.ม. และ 20,000 ตร.ม. ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา 2 ราย คาดว่าจะชัดเจนปีหน้า จากเดิมได้ลงทุนธุรกิจค้าปลีก 3 แห่ง คือ ศูนย์การค้าจังซีลอน ป่าตอง ภูเก็ต โครงการ Mille Malle คอมมูนิตีมอลล์ สุขุมวิท 20 และล่าสุดลงทุนซื้อตึกเมอร์คิวรี่ ทาวเวอร์ มูลค่ากว่าหลักพันล้านบาทขึ้นไป เพื่อสร้างเป็นค้าปลีก 4 ชั้น และออฟฟิศ 19 ชั้น

“ปัจจัยที่ทำให้บริษัทสนใจลงทุนขยายธุรกิจค้าปลีกในไทยซึ่งถือว่าเป็นธุรกิจที่ยากเมื่อเทียบกับการลงทุนที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีผลตอบแทนกลับมาสูงกว่ากลุ่มอื่นๆ ที่ลงทุน โดยสัดส่วนรายได้ในขณะนี้มาจากกลุ่มค้าปลีก 50% ที่เหลืออีก 50% เป็นเรสิเดนซ์ และสำนักงาน”

นอกจากนี้ บริษัทยังสนใจลงทุนซื้อกิจการโรงแรม ค้าปลีก และที่อยู่อาศัยในประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชีย ได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และโดยเฉพาะในประเทศเวียดนาม เบื้องต้นคาดว่าจะลงทุน 3,000-10,000 ล้านบาทใน 2 ธุรกิจ คือ สำนักงาน ส่วนธุรกิจค้าปลีกคาดว่าจะต้องลงทุนสร้างเองมากกว่าจะไปซื้ออาคารหรือกิจการอื่นๆ คาดว่าในประเทศเวียดนามจะเริ่มดำเนินการได้ภายใน 3-4 ปีนี้ ส่วนประเทศญี่ปุ่นในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาบริษัทได้เข้าไปซื้อกิจการโรงแรมในประเทศญี่ปุ่นจำนวน 31 โรงแรม โดยมีมูลค่า 7-8 หมื่นล้านบาท

“ในประเทศญี่ปุ่นเราลงทุนต่อเนื่อง ล่าสุดลงทุน 1,800 ล้านบาทซื้อกิจการ 14 อาคาร และวางแผนลงทุนเพิ่มอีก 2,000 ล้านบาทเพื่อซื้อกิจการในโตเกียว เพราะเป็นเมืองที่มีศักยภาพ และมีมูลค่าสูง”

สำหรับประเทศเกาหลีอยู่ระหว่างการเจรจา และศึกษาตลาดค้าปลีกรูปแบบชอปปิ้งคอมเพล็กซ์ อาคารสำนักงาน ซึ่งหากการเจรจาสำเร็จคาดว่าจะใช้งบลงทุนในการเข้าซื้อกิจการประมาณ 7,000-8,000 ล้านบาท ส่วนประเทศพม่านั้นต้องรอกฎหมายการซื้อที่ดินออกมาก่อนบริษัทจึงจะพิจารณาเข้าไปลงทุน ซึ่งการจะลงทุนในประเทศใดประเทศหนึ่งบริษัทต้องพิจารณาถึงความเสี่ยงและผลตอบแทนที่จะได้รับเป็นหลัก ขณะที่การบริหารงานโดยมากจะจ้างบริษัทท้องถิ่น แต่ประเทศเวียดนามต้องมีทีมงานเข้าไปบริหารร่วม โดยปกติในแต่ละปีบริษัทจะมีการลงทุน 200-300 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ปีนี้บริษัทลงทุน 40-50 ล้านเหรียญสหรัฐ

นายสุชาติกล่าวเพิ่มเติมถึงความคืบหน้าของโครงการเดอะเมอร์คิวรี่วิลล์ว่า การก่อสร้างแล้วเสร็จ 85% คาดว่าเปิดให้บริการเดือน มี.ค. 2556 ภายใต้งบลงทุนกว่า 300 ล้านบาท ซึ่งหลังจากได้เปิดขายพื้นที่ค้าปลีกไปเมื่อช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาได้ผลการตอบรับที่ดีมีผู้สนใจเข้ามาเช่าพื้นที่แล้ว 50% คาดว่าก่อนเปิดให้บริการจะขายพื้นที่ค้าปลีกได้ทั้งหมดจำนวน 4 ชั้น โดยหลังจากเปิดให้บริการปีแรกมีรายได้จากพื้นที่เช่า 150 ล้านบาท ถึงจุดคุ้มทุนภายใน 5-8 ปี มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการเฉลี่ยต่อวันที่ 20,000-30,000 คน

สำหรับโครงการเดอะเมอร์คิวรี่วิลล์มีพื้นที่ค้าปลีก 4 ชั้น ชั้นที่ 1 ซูเปอร์มาร์เกตของกลุ่มเดอะมอลล์ กูร์เมต์มาร์เกต และร้านเครื่องดื่มต่างๆ ชั้นที่ 2 เป็นร้านอาหารไทยและร้านอาหารนานาชาติ ชั้นที่ 3 ร้านอาหารแนวใหม่ และชั้นที่ 4 ร้านอาหารกึ่งผับ กลุ่มเป้าหมายเน้นคนทำงาน 50% ผู้ที่อยู่อาศัยในย่าน 40% และนักท่องเที่ยว 10% ปัจจุบันบริษัทมีโครงการที่บริหารอยู่ 4 โครงการ คือ ศูนย์การค้าจังซีลอน ป่าตอง ภูเก็ต, โครงการเอ็ม โซไซตี้ เมืองทองธานี, โครงการคอนโดมิเนียม มิลเลนเนียม เรสซิเดนท์ สุขุมวิท 20 และโครงการมิลลี่ มอลเล่ คอมมูนิตีมอลล์ สุขุมวิท 20
กำลังโหลดความคิดเห็น