ASTVผู้จัดการรายวัน - มาลี เดินหน้าลุยเต็มสูบหลังหลุดแผนฟื้นฟู เบนเข็มทำตลาดในประเทศ บาลานซ์ยอดขายต่างประเทศลดความเสี่ยง อัด 400 ล้านบาท เพิ่มกำลังผลิต 200% ลั่นจ่อผุดโรงงานอาเซียนรับเออีซี
นายฉัตรชัย บุญรัตน์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาลีสามพราน จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำผลไม้ตรามาลี เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนที่จจะขยายโรงงานผลิตสินค้าในกลุ่มเพื่อสุขภาพของมาลี ทั้งอาหารและเครื่องดื่ม เข้าไปในกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง โขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ ซึ่งประเทศที่บริษัทมีความสนใจจะเลือกที่มีค่าแรงงานราคาถูก ประชากรหนาแน่น และมีผู้บริโภคสินค้าเพื่อสุขภาพอยู่แล้วด้วย
รูปแบบของการลงทุน มีความเป็นไปได้ทั้งร่วมทุนกับนักธุรกิจในประเทศนั้นๆ และลงทุนเอง แต่ในส่วนของงบประมาณการลงทุนสร้างโรงงานนั้นยังไม่สามารถเปิดเผยได้ใน โรงงานดังกล่าวเป็นการรองรับตลาดทั้งในประเทศไทย และการส่งออกโดยเฉพาะตลาดเออีซี
“บริษัทยังสนใจสร้างโรงงานในอาเซียน เพราะเป็นตลาดใหญ่มีประชากร 300 ล้านคน หรือมากกว่าไทย 5 เท่าตัว และยังเป็นการลดต้นทุนการผลิต ผลพวงจากค่าแรงงานไทยสูงขึ้น วัตถุดิบปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ซึ่งการสร้างโรงงานต้องพิจารณาถึงจำนวนประชากรและต้องเป็นประเทศขนาดใหญ่”
อย่างไรก็ตาม นโยบายของบริษัทจะมุ่งการดำเนินธุรกิจสร้างความสมดุลย์ระหว่างการส่งออกและทำตลาดในประเทศสัดส่วน50:50 รวมไปถึงการรับจ้างผลิตเพื่อส่งออกคงสัดส่วน 50% และผลิตแบรนด์ของตนเอง 50% เพื่อลดความเสี่ยงการดำเนินธุรกิจที่พึ่งพารายได้ส่วนใดส่วนหนึ่งมากเกินไป จากเดิมบริษัทให้ความสำคัญกับการทำส่งออก 80-90% ซึ่งผลจากราคาสินค้าที่ผกผันตามฤดูกาลทำให้บริษัทประสบปัญหาต้องเข้าแผนฟื้นฟูเมื่อปีเมื่อปี49
“ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้ปรับเปลี่ยนแผนการดำเนินธุรกิจใหม่ โดยหันมาเน้นสินค้าเครื่องดื่มจากสัดส่วน 80% เพิ่มเป็น 90% ส่วนผลไม้กระป๋องจาก 20% เหลือเพียง 10% และทำตลาดภายในประเทศมากขึ้น จากอดีตเน้นสินค้าเกษตรส่งออกเป็นหลัก เนื่องจากมีฤดูกาลน้อยกว่า ส่งผลให้บริษัทหลุดจากแผนฟื้นฟูเมื่อกลางปี 2554”
ล่าสุดทุ่มงบ 400 ล้านบาท ลงทุนเพิ่มกำลังผลิต 200% ที่ โรงงานสามพราน จ.นครปฐม เพื่อรับความต้องการของตลาด จากที่ผ่านมาบริษัทผลิตสินค้าไม่เพียงพอ คาดว่าโรงงานจะแล้วเสร็จสิ้นปีนี้ พร้อมกันนี้บริษัทได้ปรับภาพลักษณ์แบรนด์มาลีครั้งใหญ่ ภายใต้สโลแกน มาลีน้ำผลไม้ห่วงใย จากเดิมเป็นผู้เชี่ยวชาญน้ำผลไม้ และปรับบรรจุภัณฑ์ใหม่ให้ดูทันสมัยมากขึ้นเพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มอายุ 20-25 ปี จากเดิมฐานลูกค้าอายุ 25ปีขึ้นไป อีกทั้งเปิดแคมเปญใหม่ Why Care ด้วยกลยุทธ์โค-ครีเอชั่น มาร์เก็ตติ้ง จับมือกับสไปซี่ ดิส แต่งบทเพลงความหมายดีๆ เพื่อให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมกับความเชื่อของแบรนด์ผ่านประสบการณ์ตรง
สภาพตลาดน้ำผลไม้มูลค่า 11,400 ล้านบาท ในปีนี้มีอัตราการเติบโต 10% สำหรับในปีนี้บริษัทตั้งเป้ามีส่วนแบ่งเพิ่มจาก 25% เป็น 29% จากตลาดน้ำผลไม้ระดับพรีเมียมมูลค่า 4,000 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมาบริษัทมีส่วนแบ่ง 21% ส่วนผลประกอบการปีนี้ตั้งเป้า 6,000 ล้านบาท หรือเติบโต 100% จากปีที่ผ่านมามีรายได้ 3,000 ล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีแรกมีกำไรกว่า 300 ล้านบาท
นายฉัตรชัย บุญรัตน์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาลีสามพราน จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำผลไม้ตรามาลี เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนที่จจะขยายโรงงานผลิตสินค้าในกลุ่มเพื่อสุขภาพของมาลี ทั้งอาหารและเครื่องดื่ม เข้าไปในกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง โขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ ซึ่งประเทศที่บริษัทมีความสนใจจะเลือกที่มีค่าแรงงานราคาถูก ประชากรหนาแน่น และมีผู้บริโภคสินค้าเพื่อสุขภาพอยู่แล้วด้วย
รูปแบบของการลงทุน มีความเป็นไปได้ทั้งร่วมทุนกับนักธุรกิจในประเทศนั้นๆ และลงทุนเอง แต่ในส่วนของงบประมาณการลงทุนสร้างโรงงานนั้นยังไม่สามารถเปิดเผยได้ใน โรงงานดังกล่าวเป็นการรองรับตลาดทั้งในประเทศไทย และการส่งออกโดยเฉพาะตลาดเออีซี
“บริษัทยังสนใจสร้างโรงงานในอาเซียน เพราะเป็นตลาดใหญ่มีประชากร 300 ล้านคน หรือมากกว่าไทย 5 เท่าตัว และยังเป็นการลดต้นทุนการผลิต ผลพวงจากค่าแรงงานไทยสูงขึ้น วัตถุดิบปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ซึ่งการสร้างโรงงานต้องพิจารณาถึงจำนวนประชากรและต้องเป็นประเทศขนาดใหญ่”
อย่างไรก็ตาม นโยบายของบริษัทจะมุ่งการดำเนินธุรกิจสร้างความสมดุลย์ระหว่างการส่งออกและทำตลาดในประเทศสัดส่วน50:50 รวมไปถึงการรับจ้างผลิตเพื่อส่งออกคงสัดส่วน 50% และผลิตแบรนด์ของตนเอง 50% เพื่อลดความเสี่ยงการดำเนินธุรกิจที่พึ่งพารายได้ส่วนใดส่วนหนึ่งมากเกินไป จากเดิมบริษัทให้ความสำคัญกับการทำส่งออก 80-90% ซึ่งผลจากราคาสินค้าที่ผกผันตามฤดูกาลทำให้บริษัทประสบปัญหาต้องเข้าแผนฟื้นฟูเมื่อปีเมื่อปี49
“ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้ปรับเปลี่ยนแผนการดำเนินธุรกิจใหม่ โดยหันมาเน้นสินค้าเครื่องดื่มจากสัดส่วน 80% เพิ่มเป็น 90% ส่วนผลไม้กระป๋องจาก 20% เหลือเพียง 10% และทำตลาดภายในประเทศมากขึ้น จากอดีตเน้นสินค้าเกษตรส่งออกเป็นหลัก เนื่องจากมีฤดูกาลน้อยกว่า ส่งผลให้บริษัทหลุดจากแผนฟื้นฟูเมื่อกลางปี 2554”
ล่าสุดทุ่มงบ 400 ล้านบาท ลงทุนเพิ่มกำลังผลิต 200% ที่ โรงงานสามพราน จ.นครปฐม เพื่อรับความต้องการของตลาด จากที่ผ่านมาบริษัทผลิตสินค้าไม่เพียงพอ คาดว่าโรงงานจะแล้วเสร็จสิ้นปีนี้ พร้อมกันนี้บริษัทได้ปรับภาพลักษณ์แบรนด์มาลีครั้งใหญ่ ภายใต้สโลแกน มาลีน้ำผลไม้ห่วงใย จากเดิมเป็นผู้เชี่ยวชาญน้ำผลไม้ และปรับบรรจุภัณฑ์ใหม่ให้ดูทันสมัยมากขึ้นเพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มอายุ 20-25 ปี จากเดิมฐานลูกค้าอายุ 25ปีขึ้นไป อีกทั้งเปิดแคมเปญใหม่ Why Care ด้วยกลยุทธ์โค-ครีเอชั่น มาร์เก็ตติ้ง จับมือกับสไปซี่ ดิส แต่งบทเพลงความหมายดีๆ เพื่อให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมกับความเชื่อของแบรนด์ผ่านประสบการณ์ตรง
สภาพตลาดน้ำผลไม้มูลค่า 11,400 ล้านบาท ในปีนี้มีอัตราการเติบโต 10% สำหรับในปีนี้บริษัทตั้งเป้ามีส่วนแบ่งเพิ่มจาก 25% เป็น 29% จากตลาดน้ำผลไม้ระดับพรีเมียมมูลค่า 4,000 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมาบริษัทมีส่วนแบ่ง 21% ส่วนผลประกอบการปีนี้ตั้งเป้า 6,000 ล้านบาท หรือเติบโต 100% จากปีที่ผ่านมามีรายได้ 3,000 ล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีแรกมีกำไรกว่า 300 ล้านบาท