กรุงไทยการไฟฟ้าเล็งทุ่ม 500-600 ล้านบาทผุดโรงงานแห่งใหม่รองรับตลาดเออีซี คาดดำเนินงานแล้วเสร็จใน 2 ปี ล่าสุดครบรอบ 40 ปีอัดงบการตลาดเพิ่ม 200 ล้านบาท สลัดภาพเก่าจับกลุ่มคนรุ่นใหม่ สู่ชีวิตที่ทันสมัยด้วยกลยุทธ์ “Modern Living Solution” มั่นใจส่งรายได้โต 15% แตะ 3,800 ล้านบาทในสิ้นปีนี้
นายศุภชัย สุทธิพงษ์ชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงไทยการไฟฟ้า จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันกรุงไทยการไฟฟ้ายังคงได้สิทธิในการผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนชิ้นเล็ก ภายใต้แบรนด์ชาร์ป (SHARP) และในปีนี้ดำเนินกิจการเข้าสู่ปีที่ 40 ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้มีการปรับภาพลักษณ์อย่างต่อเนื่อง แต่ในปีนี้พร้อมใช้งบพิเศษเพิ่มขึ้นกว่า 200 ล้านบาทในช่วง 10 เดือนหลังจากนี้ เพื่อใช้ปรับภาพลักษณ์ครั้งใหญ่ จากปกติใช้งบการตลาดต่อปีราว 100 กว่าล้านบาท เพื่อปรับภาพลักษณ์จากเดิมที่เป็นผู้เชี่ยวชาญเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นเล็ก สู่ภาพลักษณ์ของการใช้ชีวิตที่ทันสมัย ภายใต้กลยุทธ์ Modern Living Solution เพื่อขยายกลุ่มลูกค้าสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้น จากปัจจุบันฐานกลุ่มใหญ่กว่า 80% คือผู้ใหญ่อายุ 30 ปีขึ้นไป และ 30 ปีลงมามีสัดส่วนเพียง 20%
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกำลังการผลิตนั้น ปัจจุบันมีโรงงานอยู่ที่ถนนกิ่งแก้ว จังหวัดสมุทรปราการ 1 แห่ง ผลิตหม้อหุงข้าว เตาอบไมโครเวฟ เครื่องทำน้ำอุ่น เตารีด พัดลม และกระติกน้ำร้อน รวมกำลังการผลิตทั้งสิ้น 5 ล้านชิ้นต่อปี ซึ่งปัจจุบันบริเวณดังกล่าวกลายเป็นแหล่งชุมชน และไม่สามารถขยายพื้นที่กำลังการผลิตได้ ดังนั้นในช่วง 2 ปีหลังจากนี้บริษัทพร้อมใช้งบลงทุนไม่ต่ำกว่า 500-600 ล้านบาทในการหาพื้นที่ขนาด 100 ไร่ ห่างจากโรงงานเดิมไม่เกิน 20 กิโลเมตร เพื่อเป็นฐานการผลิตใหม่ รองรับความต้องการในอนาคตทั้งในประเทศและ AEC โดยจะเป็นการทยอยย้ายฐานการผลิตเดิมมาโรงงานแห่งใหม่อย่างต่อเนื่อง เริ่มจากหม้อหุงข้าว และพัดลม เพราะเป็นผลิตภัณฑ์ที่สร้างยอดขายเป็นอันดับต้นๆ โดยปัจจุบันพัดลมมีแชร์ราว 5% หลังจากเลิกผลิตไป 30 ปี และหวนกลับมาผลิตอีกครั้งในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งตลาดมีความต้องการที่ 3 ล้านเครื่อง ส่วนหม้อหุงข้าว ชาร์ปเป็นผู้นำด้วยแชร์ 40%
นายศุภชัยกล่าวต่อว่า ปัจจุบันยอดการส่งออกอยู่ที่ 500 ล้านบาทต่อปี คิดเป็น 20% ของรายได้รวมทั้งหมด หลังจากลงทุนขยายโรงงานเพิ่มยังไม่สามารถระบุได้ว่ายอดส่งออกจะขยับเพิ่มขึ้นมากแค่ไหน เพราะต้องดูที่ความต้องการของตลาดและนโยบายของแต่ละประเทศด้วย จากปัจจุบันมีการส่งออกแล้วหลายประเทศ เช่น มาเลเซีย เวียดนาม สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ลาว เขมร และพม่า ขณะที่ภาพรวมรายได้ในประเทศ สิ้นปีนี้มองว่าจะทำได้ 3,800 ล้านบาท โตขึ้น 15% และหลังจากทำการตลาดผ่านกลยุทธ์ Modern Living Solution มองว่าปีหน้าจะมียอดขายเติบโตขึ้นอีกไม่ต่ำกว่า 15% เช่นเดียวกัน