ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - เป็นเรื่องเข้าจนได้กับความอหังการ ใหญ่คับพรรค คับรัฐบาล ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม ใครใดๆ ทั้งสิ้น ของ “เจ๊ ด.” ผู้ยิ่งใหญ่แห่งพรรคเพื่อไทย และรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ดูเหมือนว่าที่ผ่านมา จะมีอิทธิพลอย่างสูงต่อความเป็นไปของพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลเป็นอย่างสูง สูงจนไปเหยียบตาปลาคนในพรรคเพื่อไทยไม่น้อย
ล่าสุด สถานการณ์ในพรรคเพื่อไทย หรือ บริษัท ชินวัตร จำกัด ของนช.ทักษิณ ก็ดูเค้าจะส่อแววเกิดปัญหาหนักเสียแล้ว เมื่อวันดีคืนดีหลังจากอดรนทนไม่ไหว จนทำให้แกนนำ ส.ส.อีสานในพรรคเพื่อไทยหลายคนแอบแตะมือสร้างขั้วการเมืองใหม่และเคลื่อนไหวเงียบ ๆ และเลือกต่อสู้ให้ นช.ทักษิณ ชินวัตร เพียงคนเดียว
สำหรับกลุ่มแกนนำในพรรคเพื่อไทยตั้งขึ้นมาคานอำนาจชื่อว่า องค์กรเสียงประชาชน (สปช.) ซึ่งมีคำสั่งแต่งตั้งหลังเกิดรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่นาน มีสำนักนายกรัฐมนตรีสนับสนุนงบประมาณ ทำกิจกรรมในลักษณะเป็นเวทีสะท้อนปัญหาความเดือดร้อนมายังรัฐบาล แต่ สปช.เป็นอีกเครือข่ายหนึ่งของคนเสื้อแดงที่ขยายฐานมวลชนลงลึกในแต่ละภาคและจังหวัด ปัจจุบันมีสมาชิกถึง 2 ล้านคน
ว่ากันว่า แม้นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้เซ็นคำสั่งยกเลิกคำสั่งแต่งตั้ง สปช.ไปเมื่อวันที่ 26 มิ.ย.2555 ด้วยเหตุผลว่ามีบุคคลแอบอ้างนำชื่อสำนักนายกรัฐมนตรีไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตัว แต่แกนนำเพื่อไทยที่แตะมือกันเงียบ ๆ นี้ตัดสินใจสนับสนุน สปช.เคลื่อนไหวต่อ ซึ่งยังคลุมเครือว่าแหล่งทุนนี้มาจากที่ใด รูปแบบการเคลื่อนไหวจะคู่ขนานไปกับกลุ่มคนเสื้อแดง แต่ สปช.จะเน้นไปที่การปกป้องและเรียกร้องผลประโยชน์ประชาชนคู่ไปกับเรื่องของประชาธิปไตย หรือเรียกแนวคิดนี้ว่า ประชาธิปไตยกินได้ ต่างจาก นปช.ที่มุ่งไปที่อุดมการณ์ประชาธิปไตยอย่างเดียว โดย สปช.จะออกมาต่อต้านโครงการหรือนโยบายใด ๆ ที่เห็นว่าไม่ถูกต้องแม้ว่าจะเป็นนโยบายของรัฐบาลเพื่อไทยก็ตาม
เป้าหมายแท้จริงหาใช่เหตุผลอันใด คือเป็นการสร้างมวลชนของตัวเองเพื่อคานอำนาจกับขั้วนางเยาวภานั่นเอง เป็นขั้วการเมืองใหม่เพื่อโค่นอำนาจของ "เจ๊แดง-เยาวภา วงศ์สวัสดิ์" โดย ต้นสายปลายเหตุก็คือไม่พอใจที่ปรับ ครม.ล่าสุด ปู 3 ประเด็นร้อนแรงก็คือ ส.ส.อีสานถูกลดจำนวนรัฐมนตรีลง เหลือแค่ 6 ในขณะที่ ส.ส.เหนือของเจ๊แดง มีแค่ 35 คน แต่ได้รัฐมนตรีถึง 5 คน
ในการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่แม้ในระดับแกนนำหลายกลุ่มจะลงทุนบินไปเจรจาตกลงกับ นช.ทักษิณ แล้ว แต่ว่ากันว่าก็มาถูกเปลี่ยนโผยึดคืนโควตาในภายหลัง อาทิ โควตานายยงยุทธ ติยะไพรัช เสนอให้วิสาร เตชะธีราวัฒน์ เป็น รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ แทนนายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข พอถึงเวลา กลับไม่มีชื่อ
หรือจะเป็น กรณียุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม เบียดเข้าป้าย คว้าตำแหน่ง รมช.เกษตรฯ ไปเชยชม ทำเอาส.ส.ลายคราม ในภาคอีสานยืนงงเป็นไก่ตาแตกเห็นผลงานของยุทธพงศ์ อย่าได้แปลกใจกับในฐานะทายาทเจ้าของโรงสีข้าวแหลมทองแห่งทุ่งกุลาร้องไห้ ที่ช่วยงาน เจ๊ ด. เรื่องโครงการรับจำนำข้าวจนลุล่วงไปด้วยดี รายการนี้เลยมีของกำนัลจากเจ๊ด.อีกหนึ่งราย
เช่นเดียวกับ "เสี่ยแมว-วรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล" น้องรักของเจ๊ ด.ที่ไม่ว่าจะมีการปรับ ครม.สักกี่ครั้ง ชื่อของเสี่ยแมวก็ไม่เคยหลุดโผ จากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการถูกเด้งเข้ากรุไปเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและเที่ยวนี้สามารถกลับมาผงาดในเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอีกครั้ง
ไม่เว้นแต่ ผู้ที่มีข่าวว่าต้องมีอันเป็นไปอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้อย่าง นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ คงไม่ยืนหยัดในเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ทั้งๆ ที่เป็นสายล่อฟ้าและสุ่มเสี่ยงต่อการอภิปรายไม่ไว้วางใจเพียงใด แต่แล้วก็ยังเหนียวแน่นสมกับปลุกเสกคาถา เจ๊ ด.
และหากจะถามถึงการแต่งตั้งข้าราชการกระทรวงใด ผู้ว่าราชการจังหวัดไหน ก็ไม่พ้นมีการเข้าไปจุ่นจ้านของแก๊ง เจ็ ด.อีกตามเคย
นอกจากนั้นแล้ว ล่าสุดก็ปรากฏภาพการรับประทานอาหารครั้งสำคัญทางการเมืองอีกครั้ง โดยนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย กับ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มมัชฌิมา และ ส.ส.ทั้ง 7 คนของกลุ่มมัชฌิมา ที่ร้านอาหารจีนโฮ คิทเช่น ถนนประชาอุทิศ ย่านเหม่งจ๋าย
ทั้งนี้ การหารือเรื่องทางการเมืองนั้น แหล่งข่าวระบุว่า นางเยาวภา ได้พูดกับแกนนำ และ ส.ส.ของกลุ่มมัชฌิมาช่วงหนึ่งว่า ทุกคนไม่ต้องกังวล เพราะ ส.ส.ของกลุ่มมัชฌิมา ทั้ง 7 คนนั้น ถือเป็นคนของรัฐบาล ซึ่งจะได้รับการดูแลไม่ต่างจาก ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย และต้องขอโทษด้วยที่ไม่สามารถนำกลุ่มมัชฌิมาไปเข้าร่วมรัฐบาลยิ่งลักษณ์ 3 ได้ เพราะเกิดปัญหาเรื่องตำแหน่งรัฐมนตรีขึ้นในพรรคเพื่อไทยเอง แต่ไม่ต้องกังวล เพราะการมาร่วมรับประทานอาหารของตนในวันนี้นั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นคนให้ตนมาเอง และเพื่อให้เกิดความสบายใจ ยืนยันว่า การร่วมรัฐบาลกันนั้น มีแนวโน้มที่กลุ่มมัชฌิมาจะเข้ามาร่วมรัฐบาลใน ครม.ยิ่งลักษณ์ 4
งานนี้ต้องเรียกว่า กลุ่มวังบัวบานรีเทิร์นก็ไม่ผิดนัก เพราะก็เป็นเหมือนยุคพรรคไทยรักไทย ที่มี นางเยาวภาเคยดูแลร่วมกันกลับมาทำงานกันอีกครั้ง เพราะหากรวมกลุ่มกันแล้วอำนาจต่อรองภายในพรรคเพื่อไทยของกลุ่มก๊วนเจ๊ ด.ก็จะขยายออกไปได้อีกด้วย แล้วใครเล่าจะไม่หมั้นไส้ได้ลงคอ
เอาเป็นว่าถึงแม้ นายพร้อมพงศ์ นพฤิทธิ์ จะออกลิเกมาแถลงปากฉีกปากแฉะว่า เป็นการปล่อยข่าวจากมือที่ 3 เพื่อยุยงให้พรรคเพื่อไทยแตกความสามัคคีและหวังให้กระทบต่อรัฐบาล ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยเป็นปึกแผ่น ไม่มีกลุ่ม ก๊วน ก๊ก หรือมุ้งใดๆ ทั้งสิ้น มีมุ้งเดียว คือ มุ้งเพื่อไทยที่ทำงานเพื่อประชาชน ก็คงไม่มีมีใครเชื่อ เพราะก็เห็นชัดอยู่แล้วว่า เจ๊ ด.แพร่ขยายอิทธิพลจนข้ามหน้าข้ามตาคนอื่นมากแค่ไหน จากนี้ก็รอแค่ถึงจุดเดือดต้องมี ส.ส.ไม่ใครก็ใครในพรรคเพื่อไทย ออกมาเปิดประเด็นงัดข้อกับกลุ่ม เจ๊ด. อย่างแน่นอน
ขณะเดียวกัน ข้ามฟากไปศึกสายเลือดเสื้อแดง ก็เรียกว่าระอุไม่แพ้กัน สำหรับในมุมของแกนนำเสื้อแดงที่แตกคอกันเรื่องราวบานปลายมาจากกรณี ขอบเขตอำนาจของศาลอาญาระหว่างประเทศ (ไอซีซี) ในกรณีตรวจสอบและศึกษากรณีการสลายการชุมนุมช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553 จนมีผู้เสียชีวิต 91 ศพ
พ.ต.ต.เสงี่ยม สำราญรัตน์ หนึ่งในแกนนำ นปช.คนสำคัญกล่าวว่า นางธิดา และนพ.เหวง ไม่รู้จริงและกำลังโกหกและต้มตุ๋นคนเสื้อแดงให้เข้าใจผิดว่า ศาลอาญาระหว่างประเทศได้รับเรื่องไว้แล้ว พร้อมกันนี้อยากให้ยุติการบีบบังคับฝ่ายบริหารของประเทศให้รับรองเขตอำนาจไอซีซี โดยอ้างว่าเพื่อให้ไอซีซีรับพิจารณาเรื่องนี้ต่อไป ซึ่งถ้าฝ่ายบริหารรับรองจริงก็จะเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญตามมาตรา 190 ซึ่งรัฐสภาจะต้องให้ความเห็นชอบก่อน จึงเป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้ อยากให้ทางสภาฯช่วยทำความจริงให้ปรากฏ
"เข้าใจว่ากำลังหาทางลงให้กับ นปช. แต่ก็ต้องให้ทำถูกขั้นตอน พวกผมก็กำลังหาทางดำเนินการเอาผิด นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ สมัยที่มีการสั่งสลายการชุมนุมเช่นกัน แต่การกระทำของภาวะผู้นำ นปช.ปัจจุบันกลับกระทำเรื่องที่ไม่สมควร พูดไป นางธิดา ก็ไม่ยอมฟัง เสื้อแดงไม่ได้แตกแยก จึงคิดว่าควรเปลี่ยนประธาน นปช.เป็น นายจตุพร พรหมพันธุ์ แทนได้แล้ว" พ.ต.ต.เสงี่ยมเอ่ยปากไล่นางธิดา
จนฟากฝั่งผู้ถูกพาดพิงอย่าง นพ.เหวง ต้องรีบแจ้นออกมาชี้แจง พร้อมทั้งสาวไส้เพื่อนแกนนำนปช.ชุมพรคนนี้ ว่า ไม่ทราบว่าใครเสี้ยมสอนให้ พ.ต.ต.เสงี่ยมพูด และดูเหมือนว่าคนที่เขียนบทให้ดูจะไม่เข้าใจและไม่มีความรู้เลยรีจิสตราไม่ได้มีหน้าที่ในการดูแลผู้ต้องขังทั่วโลก แต่รีจิสตรามีหน้าที่ในการตรวจรับคำร้องเรียนที่ยื่นยังไอซีซี และทำการตรวจสอบเบื้องต้นว่าเป็นเรื่องที่มีสาระ มีมูลและหลักฐานพอที่จะรับไว้พิจารณาหรือไม่ หากไม่มีก็จะปัดตกไป แต่ถ้ามีน้ำหนักก็จะออกหมายเลขรับไว้ เชื่อว่ามีเบื้องหน้าเบื้องหลังในการยื่นเรื่องให้ ประธานสภาผู้แทนราษฎรตรวจสอบครั้งนี้ โดยเฉพาะมีคนบงการ
ครั้งหนึ่ง เสงี่ยม ยังเคยออกมากระทุ้งประธาน นปช.หนนี้ของ พ.ต.ต.เสงี่ยมไม่ถือว่าเป็นครั้งแรกที่โจมตีคนเสื้อแดงกันเอง เพราะก่อนหน้านี้เจ้าตัวก็เคยเหน็บจิก "ขวัญชัย ไพรพนา" แกนนำคนรักอุดรฯ ว่า ร่ำรวยผิดปกติมาแล้ว
อย่างไรก็ตาม หากจะกล่าวถึงการเปลี่ยนตัวหัวหน้านปช.ก็ใช่ว่าจะไม่มีความเป็นไปได้ที่ อาจเปลี่ยนตัวนางธิดาออก เพราะคนอย่างนางธิดา สัญลักษณ์ก็ชัดเจนเสียยิ่งกว่าชัดว่าเป็น เสื้อแดงที่ไม่เอาเจ้า ซึ่งไม่ตรงสเปกของ นช.ทักษิณ ขณะนี้ที่เปลี่ยนโหมดมาเล่นเกมปรองดองแล้ว แถมหากเปรียบเทียบกับนายจตุพร ก็ดูจะสั่งซ้ายหันขวาหันได้ง่ายกว่า เอาขนาดแค่ว่าสัญญาอย่างดิบดีว่าจะให้เป็นรัฐมนตรี แล้วก็หลอกให้รอฝันค้าง ก็ไม่เห็นข้าทาสที่ซื่อสัตย์แห่งตระกูลชินวัตร อย่างนายจตุพร จะออกมาตีโพยตีพายอะไรเลยด้วยซ้ำ
ถามว่าเชื่องๆว่านอนสอนง่ายแบบนี้น่ะหรือ จะมีกำลังมีแรงไปตั้งพรรคเสื้อแดง เพราะความจริงคือ แกนนำเสื้อแดงยังไม่มีปัญญา สลัดตนให้พ้นจากอำนาจเงิน บารมีของนช.ทักษิณได้ เพราะการอยู่ใต้อาณัติ มันหมายถึงความมั่งคั่งอันสุดจะประมาณ อย่าลืมว่าพรรคการเมืองต้องอาศัยเงินมหาศาล เอาแค่เพียงสลัดตนเองให้หลุดพ้นจากอำนาจบงการโดยเจ้าของพรรคเพื่อไทยตัวจริงที่มอมเมาคนเสื้อแดงด้วยนโยบายประชานิยมให้หลุดพ้นก็เป็นเรื่องยากยิ่งแล้ว
นี่ถ้าสมมุติว่า วันหนึ่งแกนนำเสื้อแดงเกิดยกโขยง ออกไปตั้งพรรคเสื้อแดงมาสู้กับพรรคเพื่อไทยจริง ก็คงจะน่าสนุกไม่น้อย เอาแค่ว่าขนาดแกนนำเสื้อแดง ที่อยู่ภายใต้อำนาจพรรคเพื่อไทย ยังทะเลาะ แย่งเก้าอี้ แอบแทงข้างหลังกันสนุกสนานแบบนี้แล้ว เกิดออกไปตั้งพรรคเสื้อแดงมันจะไปได้สักกี่น้ำ ตอนนี้ เอาให้เลิกกัดกันเองก่อนยังยากเลยด้วยซ้ำ