xs
xsm
sm
md
lg

อัดครม.เห็นคนไทยโง่ ปาหี่ทำเอ็มโอยูขายข้าวจีน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-ศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้อง 67สว. ค้านรัฐบาลขายข้าวจีทูจี เหตุไม่มีหนังสือสัญญาแนบประกอบ เน้นดูที่สัญญาระหว่างประเทศมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ไม่ได้ดูนโยบาย “หมอวรงค์”อัด ครม. ปาหี่ทำเอ็มโอยูขายข้าวจีทูจีให้จีน หลอกคนไทยทั้งประเทศ

นายพิมล ธรรมพิทักษ์พงษ์ หัวหน้าโฆษกศาลรัฐธรรมนูญ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติไม่รับคำร้องกรณีที่สมาชิกวุฒิสภา (สว.)จำนวน 67 คนยื่นเรื่องผ่านประธานวุฒิสภาให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการทำสัญญาขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) มูลค่า 7.32 ล้านตันของรัฐบาล เข้าข่ายมาตรา 190 วรรค 2 หรือไม่ เนื่องจากศลเห็นว่า ยังไม่ปรากฏเอกสารหนังสือสัญญาว่ามีการขายข้าวเป็นประเด็นสาระสำคัญซื้อขาย ตามมาตรา 190 วรรค 6

ทั้งนี้ ถ้าสว.หาหนังสือสัญญาแนบคำร้องได้ ก็จะสามารถยื่นเรื่องมาให้ศาลพิจารณาใหม่อีกครั้งได้ เพราะศาลไม่ได้ดูว่าเป็นเรื่องของนโยบายของรัฐบาล แต่ให้ความสำคัญกับหนังสือสัญญาที่มีผลทางการค้าระหว่างประเทศ

วันเดียวกันนี้ ที่ศาลรัฐธรรมนูญ เวลา 10.00 น.นายสิงห์ทอง บัวชุม สมาชิกพรรคเพื่อไทย เข้ายื่นหนังสือถึง ประธานตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผ่านนายเชาวนะ ไตรมาศ เลขาธิการศาลฯ ขอให้พิจารณาไม่รับคำร้องสัญญาขายข้าวแบบจีทูจี ของ ส.ว. 67 คน และทำการวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายในประเด็นต่างๆ ที่สำคัญ 4 ประเด็น คือ

1.ประเด็นข้อกฎหมายที่ว่าศาลรัฐธรรมนูญมีเขตอำนาจจะรับคำร้องของกลุ่มสมาชิกวุฒิสภาบางคนไว้เพื่อทำการวินิจฉัยต่อไปใช่หรือไม่

2.ประเด็นข้อกฎหมายที่ว่าในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญยอมรับเอา คำร้องของกลุ่มสมาชิกวุฒิสภาบางคนไว้ เพื่อทำการวินิจฉัยต่อไปแล้ว น่าจะเป็นการขยายอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญเองโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งเท่ากับว่าอำนาจฝ่ายตุลาการเข้าไปทำการแทรกแซงก้าวก่ายและครอบงำอำนาจ ฝ่ายบริหาร ใช่หรือไม่

3.ประเด็นข้อเท็จจริงที่ว่าการดำเนินการดังกล่าวของรัฐบาลชุดปัจจุบันนี้ได้ ดำเนินการไปตามแนวทางของรัฐบาลชุดก่อนๆมาโดยไม่ต้องนำเสนอเข้าที่ประชุมของ รัฐสภา เพื่อขอมติที่ประชุมว่าจะเห็นชอบด้วย ใช่หรือไม่

4.ประเด็นข้อเท็จจริงที่ว่าการดำเนินการเชิงธุรกิจเพื่อระบายสินค้า ตามนโยบายของรัฐบาลชุดปัจจุบันหรือรัฐบาลชุดก่อนที่ผ่านๆ มาเป็นการนำสินค้าของประเทศไปทำการแลกเปลี่ยนกับสินค้าของอีกประเทศหนึ่ง เพื่อเป็นการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ในทำนองประเทศที่มีความสัมพันธ์ไมตรีที่ดีต่อกัน โดยไม่คำนึงถึงราคาสินค้าที่นำมาแลกเปลี่ยนกันนั้นเป็นสาระสำคัญเหมือนกับว่าราคาสินค้าที่ทำการซื้อขายกันโดยทั่วๆ ไป

"ตนเห็นว่าการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลชุดปัจจุบันนี้ ที่ได้หาเสียงไว้ต่อสาธารณชน และได้แถลงนโยบายไว้ต่อที่ประชุมของรัฐสภาก่อน เข้าไปบริหารประเทศ จึงไม่น่าจะขัดต่อรัฐธรรมนูญฉบับปี 50 มาตรา 190 อย่างแน่นอน"นายสิงห์ทองกล่าว

ด้านนายเชาวนะ ไตรมาศ เลขาธิการศาลรัฐบาล กล่าวว่า ตนจะนำเสนอหนังสือคำร้องดังกล่าว เสนอเข้าที่ประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ตุลาการพิจารณาคำร้องต่อไป ส่วนจะมีมติที่ประชุมจะออกมาเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 6 พ.ย.ที่ผ่านมา เห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอให้มีการทำเอ็มโอยูซื้อขายข้าวระหว่างรัฐบาลไทยกับจีน เป็นเวลา 3 ปี โดยกำหนดไม่เกิน 5 ล้านตันต่อปีว่า ก่อนหน้านี้ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ ได้มาเปิดประเด็น เรื่องการขายข้าวแบบจีทูจี 7.32 ล้านตันกับ 4 ประเทศ ใน 6 สัญญา และที่ผ่านมา ก็มีการพูดถึงกรณีที่จีนซื้อข้าวไทยแบบจีทูจี 2 ล้านตัน ทำให้เกิดความสับสน เพราะจากการตรวจสอบกลับพบว่ามีการขายข้าวไปเพียง 76,800 ตันเท่านั้น ดังนั้น ตนจึงขอตั้งข้อสังเกตว่ากระทรวงพาณิชย์จะใช้มติครม.เล่นปาหี่ หลอกคนไทยทั้งประเทศหรือไม่

"เป็นการเล่นในช่วงที่นายกฯ ไม่อยู่ เพราะนายกฯ เป็นประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ที่ต้องรับผิดชอบทั้งหมด เท่ากับว่าถ้ามีความผิดพลาดอะไรเกิดขึ้นจากมติครม.ครั้งนี้ ก็จะมีการกันนายกฯ ออกไป แล้วให้คนอื่นมารับผิดชอบแทน"

นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังพยายามสร้างความสับสน โดยการบอกว่า ไทยยังเป็นแชมป์การขายข้าวในเชิงมูลค่าอยู่ ทั้งที่มูลค่าการขายข้าวลดลงจากปีที่ผ่านมา 5.2หมื่นล้านบาท จึงอยากให้รัฐบาลยอมรับว่านโยบายจำนำข้าวไปไม่รอดแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น