ASTVผู้จัดการรายวัน-“ซีพีเอฟ”ปรับแผนลงทุน อัดงบเพิ่ม 50%เป็น 75,000 ล้านบาท จ้องเทคโอเวอร์กิจการต่างประเทศ เร่งเพิ่มรายได้กลุ่มฟู้ดและรีเทลเป็น 33%ของรายได้รวม 7 แสนล้านบาทในอีก 5 ปี ผนึกปั๊มเชลล์ผุดร้านซีพีฟู้ดมาร์เก็ต
นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับแผนการลงทุนใหม่ในช่วง 5 ปีนี้ ตั้งแต่ปี 2555-2559 จากเดิมจะใช้งบลงทุนรวม 50,000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยปีละ 10,000 ล้านบาท ปรับเพิ่มเป็นงบรวม 75,000 ล้านบาทหรือเฉลี่ยลงทุนปีละ 15,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นอีก 50%เพื่อนำไปใช้ในการลงทุนขยายกิจการ ทั้งการลงทุนเองและการซื้อกิจการในต่างประเทศ โดยเฉพาะในเอเชียมากขึ้น รวมทั้งยังลงทุนในไทยด้วย ตั้งแต่ธุรกิจต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เนื่องจากประเทศไทยมีความแข็งแกร่งและมีพื้นฐานที่ดีโดยเฉพาะในธุรกิจอาหารที่มีความได้เปรียบกว่าประเทศอื่น แม้ว่าที่ผ่านมาเศรษฐกิจของยุโรปและสหรัฐอเมริกาจะตกต่ำลง บริษัทก็ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เพราะสัดส่วนรายได้จากการส่งออก มีเพียง 9%เท่านั้นเอง เพียงแต่ว่าเติบโตในอัตราที่น้อยลงเท่านั้น
ขณะเดียวกัน รายได้รวมของบริษัทก็จะปรับเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 600,000-700,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปีจากนี้ด้วย จากปัจจุบันคาดว่าปีนี้จะมีรายได้รวมประเมาณ 330,000-350,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มีรายได้รวม 330,000 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดรายได้เติบโตเฉลี่ย 10-15%ต่อปีจากนี้ไป ทั้งนี้บริษัทยังมีแผนที่จะเพิ่มสัดส่วนรายได้ในกลุ่มของอาหารและค้าปลีกให้เป็นประมาณ 1 ใน 3 หรือ 33%จากรายได้รวม จากปัจจุบันมีสัดส่วนประมาณ 15-20%เท่านั้น เมื่อเทียบกับกลุ่ม อาหารสัตว์กับกลุ่มฟาร์มmที่มีมากกว่า
ล่าสุดเพื่อผลักดันให้กลุ่มอาหารและค้าปลีกเติบโตมากขึ้นตามแผนงานที่วางไว้นั้น บริษัทได้จับมือร่วมเป็นพันธมิตรกับทางสถานีบริการน้ำมันเชลล์ ในการเปิดร้านซีพี ฟู้ด มาร์เก็ต ซึ่งเป็นธุรกิจซูเปอร์คอนวีเนียนสโตร์ที่บริษัทเพิ่งสร้างขึ้นมา1-2 ปีนี้เอง
นายวิรัตน์ เตชะนิรัติศัย รองกรรมการผู้จัดการสายธุรกิจค้าปลีก ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า บริษัทจะเปิดร้านซีพี ฟู้ด มาร์เก็ต ในปั๊มน้ำมันเชลล์สาขาแรกที่ปั๊มเชลล์ วังน้อย อยุธยา ในช่วงปลายปีนี้ และวางแผนจะขยายอีก 2 สาขาในช่วงต้นปีหน้าด้วย โดยพิจารณาปั๊มที่ตั้งอยู่ใกล้ชุมชนโดยรอบและตั้งอยู่ริมทางหลวงที่มีการจราจรหนาแน่น คงไม่ได้เปิดหมดทุกปั๊มเชลล์ ส่วนสาขานอกปั๊มเชลล์ก็ยังคงเปิดต่อเนื่อง โดยโมเดลของซีพี ฟู้ด มาร์เก็ต จะมีหลายแบบทั้งเปิดในอาคารสำนักงาน อาคารที่พักอาศัย พื้นที่ชุมชนทั่วไป รวมทั้งไฮเวย์ เป็นต้น ลงทุน 10-15 ล้านบาทต่อสาขา ปัจจุบันเปิดบริการแล้ว 2 สาขาคือ ตึกฟอร์จูนทาวน์รัชดาภิเษก รายได้เฉลี่ย 150,000-180,000 บาทต่อวัน และตึกซีพีทาวเวอร์3ถนนพญาไท รายได้เฉลี่ย 100,000 - 120,000 บาทต่อวัน และจะเปิดสาขาที่สามที่โครงการธัญญาพาร์ค ถนนศรีนครินทร์ วันที่ 7 พฤศจิกายนนี้ ส่วนรายได้จากสาขาที่ตั้งในปั๊มเชลล์คาดว่าจะมากกว่าประมาณ 25%
นางพิศวรรณ อัชนะพรกุล ผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาดค้าปลีก บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันเชลล์มีปั๊มน้ำมันในไทยรวม 560 แห่ง ปีนี้เปิดใหม่ 6 แห่ง เปิดไปแล้ว 2 แห่ง และจะทยอยเปิดอีกในช่วงปลายปีและปีหน้าคาดว่าจะเปิดใหม่เพิ่มอีก 20 แห่ง ลงทุนเฉลี่ย 60 ล้านบาทต่อสถานีบริการ เพื่อต้องการเร่งเพิ่มจำนวนปั๊มให้มากขึ้น รวมทั้งทดแทนปั๊มเดิมที่ต้องเลิกไปเพราะเจ้าของพื้นที่ไม่ต่อสัญญา ซึ่งในส่วนปั๊มเก่าก็มีแผนรีโนเวตต่อเนื่อง คาดว่าปีนี้จะดำเนินการแล้วเสร็จเป็นโฉมใหม่ประมาณ 100 สาขา
นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับแผนการลงทุนใหม่ในช่วง 5 ปีนี้ ตั้งแต่ปี 2555-2559 จากเดิมจะใช้งบลงทุนรวม 50,000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยปีละ 10,000 ล้านบาท ปรับเพิ่มเป็นงบรวม 75,000 ล้านบาทหรือเฉลี่ยลงทุนปีละ 15,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นอีก 50%เพื่อนำไปใช้ในการลงทุนขยายกิจการ ทั้งการลงทุนเองและการซื้อกิจการในต่างประเทศ โดยเฉพาะในเอเชียมากขึ้น รวมทั้งยังลงทุนในไทยด้วย ตั้งแต่ธุรกิจต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เนื่องจากประเทศไทยมีความแข็งแกร่งและมีพื้นฐานที่ดีโดยเฉพาะในธุรกิจอาหารที่มีความได้เปรียบกว่าประเทศอื่น แม้ว่าที่ผ่านมาเศรษฐกิจของยุโรปและสหรัฐอเมริกาจะตกต่ำลง บริษัทก็ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เพราะสัดส่วนรายได้จากการส่งออก มีเพียง 9%เท่านั้นเอง เพียงแต่ว่าเติบโตในอัตราที่น้อยลงเท่านั้น
ขณะเดียวกัน รายได้รวมของบริษัทก็จะปรับเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 600,000-700,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปีจากนี้ด้วย จากปัจจุบันคาดว่าปีนี้จะมีรายได้รวมประเมาณ 330,000-350,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มีรายได้รวม 330,000 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดรายได้เติบโตเฉลี่ย 10-15%ต่อปีจากนี้ไป ทั้งนี้บริษัทยังมีแผนที่จะเพิ่มสัดส่วนรายได้ในกลุ่มของอาหารและค้าปลีกให้เป็นประมาณ 1 ใน 3 หรือ 33%จากรายได้รวม จากปัจจุบันมีสัดส่วนประมาณ 15-20%เท่านั้น เมื่อเทียบกับกลุ่ม อาหารสัตว์กับกลุ่มฟาร์มmที่มีมากกว่า
ล่าสุดเพื่อผลักดันให้กลุ่มอาหารและค้าปลีกเติบโตมากขึ้นตามแผนงานที่วางไว้นั้น บริษัทได้จับมือร่วมเป็นพันธมิตรกับทางสถานีบริการน้ำมันเชลล์ ในการเปิดร้านซีพี ฟู้ด มาร์เก็ต ซึ่งเป็นธุรกิจซูเปอร์คอนวีเนียนสโตร์ที่บริษัทเพิ่งสร้างขึ้นมา1-2 ปีนี้เอง
นายวิรัตน์ เตชะนิรัติศัย รองกรรมการผู้จัดการสายธุรกิจค้าปลีก ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า บริษัทจะเปิดร้านซีพี ฟู้ด มาร์เก็ต ในปั๊มน้ำมันเชลล์สาขาแรกที่ปั๊มเชลล์ วังน้อย อยุธยา ในช่วงปลายปีนี้ และวางแผนจะขยายอีก 2 สาขาในช่วงต้นปีหน้าด้วย โดยพิจารณาปั๊มที่ตั้งอยู่ใกล้ชุมชนโดยรอบและตั้งอยู่ริมทางหลวงที่มีการจราจรหนาแน่น คงไม่ได้เปิดหมดทุกปั๊มเชลล์ ส่วนสาขานอกปั๊มเชลล์ก็ยังคงเปิดต่อเนื่อง โดยโมเดลของซีพี ฟู้ด มาร์เก็ต จะมีหลายแบบทั้งเปิดในอาคารสำนักงาน อาคารที่พักอาศัย พื้นที่ชุมชนทั่วไป รวมทั้งไฮเวย์ เป็นต้น ลงทุน 10-15 ล้านบาทต่อสาขา ปัจจุบันเปิดบริการแล้ว 2 สาขาคือ ตึกฟอร์จูนทาวน์รัชดาภิเษก รายได้เฉลี่ย 150,000-180,000 บาทต่อวัน และตึกซีพีทาวเวอร์3ถนนพญาไท รายได้เฉลี่ย 100,000 - 120,000 บาทต่อวัน และจะเปิดสาขาที่สามที่โครงการธัญญาพาร์ค ถนนศรีนครินทร์ วันที่ 7 พฤศจิกายนนี้ ส่วนรายได้จากสาขาที่ตั้งในปั๊มเชลล์คาดว่าจะมากกว่าประมาณ 25%
นางพิศวรรณ อัชนะพรกุล ผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาดค้าปลีก บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันเชลล์มีปั๊มน้ำมันในไทยรวม 560 แห่ง ปีนี้เปิดใหม่ 6 แห่ง เปิดไปแล้ว 2 แห่ง และจะทยอยเปิดอีกในช่วงปลายปีและปีหน้าคาดว่าจะเปิดใหม่เพิ่มอีก 20 แห่ง ลงทุนเฉลี่ย 60 ล้านบาทต่อสถานีบริการ เพื่อต้องการเร่งเพิ่มจำนวนปั๊มให้มากขึ้น รวมทั้งทดแทนปั๊มเดิมที่ต้องเลิกไปเพราะเจ้าของพื้นที่ไม่ต่อสัญญา ซึ่งในส่วนปั๊มเก่าก็มีแผนรีโนเวตต่อเนื่อง คาดว่าปีนี้จะดำเนินการแล้วเสร็จเป็นโฉมใหม่ประมาณ 100 สาขา