ASTVผู้จัดการรายวัน-"ธนาคารธนชาต"ขายทิ้งธุรกิจประกันชีวิตให้"พรูเด็นเชียล"มูลค่า 1.8 หมื่นล้านบาท ยันลูกค้าเก่าได้รับความคุ้มครอง-บริการตามเดิม พร้อมเล็งหั่นทิ้งนครหลวงประกันชีวิตด้วย หากเป็นประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้น ลูกค้า และพนักงาน "พรูเด็นเชียล"ลั่นเป็นเบอร์หนึ่งประกันชีวิต หลังได้ช่องทางขายผ่านแบงก์พ่วงตามดีล ด้านโบรกฯ แนะซื้อTCAPเก็งกำไร ให้ราคาเหมาะสมที่ 45 บาท
นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารธนชาต จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ทางธนาคารได้บรรลุข้อตกลงในการขายหุ้นบริษัทธนชาตประกันชีวิต จำกัดทั้งหมด 100% ให้แก่ทางบริษัท พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต(ประเทศไทย) คิดเป็นมูลค่าการซื้อขาย 17,500 ล้านบาท และค่าตอบแทนอีก 500 ล้านบาท หลังมีการชำระค่าหุ้นและโอนหุ้นแล้ว โดยการขายธุรกิจประกันชีวิตในครั้งนี้จะส่งผลให้ธนาคารเพิ่มความแข็งแกร่งของเงินสำรองกองทุนขั้นที่ 1 มากขึ้น จากเดิม 9% มาอยู่ที่ 11%
สำหรับข้อตกลงดังกล่าวยังรวมถึงสัญญาความร่วมมือในการขายสินค้าประกันชีวิตของบริษัทพรูเด็นเชียลผ่านสาขาของธนาคารเป็นเวลา 15 ปี โดยคาดว่าข้อตกลงนี้จะเสร็จสิ้นตามกระบวนการได้ภายในเดือนมีนาคมปีหน้า เนื่องจากต้องได้รับการอนุมัติจากทางสำนักงานคณะกรรมกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ.)ก่อน
ทั้งนี้ ในส่วนของลูกค้าเดิมของธนชาตประกันชีวิตจะยังคงได้รับ ความคุ้มครอง และบริการได้ตามปกติ และน่าจะเป็นผลดีต่อลูกค้าใหม่มากขึ้น เนื่องจากพรูเด็นเชียลประกันชีวิตมีความชำนาญในการพัฒนาสินค้าที่ตรงความต้องการของลูกค้า
"ถึงแม้เราจะขายธุรกิจประกันชีวิตในครั้งนี้ ธนาคารก็ยังสามารถเป็นยูนิเวอร์แซลแบงก์ได้ เนื่องจากยังมีการให้บริการด้านการเงินครบวงจร เพราะเราจะนำสินค้าของพรูเด็นเชียลมาขายอยู่ และเรายังมีบริษัทประกันภัย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน และการให้บริการสินเชื่อต่างๆ"
ส่วนการที่ธนาคารยังมีบริษัท นครหลวงประกันชีวิต จำกัด เป็นบริษัทลูกอีก 1 แห่ง นายสมเจตน์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาทั้ง 2 บริษัทมีการแบ่งสินค้าที่นำออกมาขายอย่างชัดเจน แต่หลังจากนี้คงจะต้องหยุดขายสินค้าใหม่และดูแลเพียงลูกค้าเดิมไปก่อน โดยหลังจากนี้การขายนครหลวงประกันชีวิตออกไปถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจเช่นกัน แต่จะต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบก่อน เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่ายทั้งผู้ถือหุ้น ลูกค้า และพนักงาน
ด้านนายทิดเจน เธียม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทพรูเด็นเชียล กล่าวว่า การเข้าซื้อธนชาตประกันชีวิตในครั้งนี้เป็นนโยบายของบริษัทที่จะขยายธุรกิจในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งประเทศไทยถือเป็นตลาดสำคัญในภูมิภาคนี้ และอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากประชากรของไทยยังมีอัตราการถือครองกรมธรรม์ในระดับต่ำ
"เราอยากเป็นอันดับ 1 ของธุรกิจประกันชีวิต ซึ่งไม่จำเป็นที่จะต้องมีส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 อย่างเดียว การมีสินค้าที่มีคุณภาพ มีบริการที่ดีเป็นอันดับ 1 ก็ถือเป็นจุดมุ่งหมายของเราเช่นกัน"
**แนะซื้อTCAP**
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย) เปิดเผยบทวิเคราะห์ว่า หลังจากที่ ธนาคารธนชาต (TBANK) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ TCAPบริษัทประกาศขายบริษัทธนชาติประกันชีวิต (TLIFE) ให้กับบริษัทพรูเด็นเชียล ประกันชีวิต โดยมีมูลค่าซื้อขายเป็นเงิน 18,000 ล้านบาท และคาดว่าการชำระราคาหุ้นและโอนหุ้นจะเสร็จสิ้นได้ไตรมาสแรกของปีหน้า
ทั้งนี้ การขายธุรกิจประกันชีวิตออกไปจะช่วยลดภาระการดำรงสัดส่วนเงินกองทุน และทำให้ Tier 1 ของ TBANK เพิ่มขึ้น และช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับการเพิ่มทุนของ TCAP ด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ เมื่อเทียบกับต้นทุนทางบัญชีของ TLIFE ที่ 936 ล้านบาท คาดว่า ธนาคารธนชาต จะมีการบันทึกกำไรพิเศษจากรายการดังกล่าวสูงถึงราว 1.65 หมื่นล้านบาท และส่งผลบวกต่อ TCAP ตามสัดส่วนการถือหุ้นที่ 50.96% เท่ากับ 8.5 พันล้านบาท (ก่อนภาษี) หรือ คิดเป็นกำไรต่อหุ้นราว 6.65 บาท
ส่วนราคาหุ้นมี Valuation ที่ค่อนข้างถูก โดยซื้อขาย PBV 2556 เพียง 1.0 เท่า และ BV จะเพิ่มขึ้นอีกหลังบันทึกกำไรพิเศษจากการขายหุ้น TLIFE เทียบกับ PBV 2556 ของกลุ่มธนาคารที่ 1.45 เท่า และเป็นหุ้นที่ให้เงินปันผลในเกณฑ์ดีราว 4-5% ต่อปี
ล่าสุดเมื่อ 2 พ.ย.55 หุ้น TCAP ปิดที่ 37.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท(+1.35%)ซึ่งน่าจะได้ตอบรับในเชิงบวกจากสัดส่วนเงินกองทุนที่เพิ่มขึ้น ทั้งทางบริษัทเชื่อว่าหุ้น บมจ.ทุนธนชาต(TCAP) ให้ราคาเหมาะสม 45 บาทในการซื้อเพื่อทำกำไรต่อไป
นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารธนชาต จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ทางธนาคารได้บรรลุข้อตกลงในการขายหุ้นบริษัทธนชาตประกันชีวิต จำกัดทั้งหมด 100% ให้แก่ทางบริษัท พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต(ประเทศไทย) คิดเป็นมูลค่าการซื้อขาย 17,500 ล้านบาท และค่าตอบแทนอีก 500 ล้านบาท หลังมีการชำระค่าหุ้นและโอนหุ้นแล้ว โดยการขายธุรกิจประกันชีวิตในครั้งนี้จะส่งผลให้ธนาคารเพิ่มความแข็งแกร่งของเงินสำรองกองทุนขั้นที่ 1 มากขึ้น จากเดิม 9% มาอยู่ที่ 11%
สำหรับข้อตกลงดังกล่าวยังรวมถึงสัญญาความร่วมมือในการขายสินค้าประกันชีวิตของบริษัทพรูเด็นเชียลผ่านสาขาของธนาคารเป็นเวลา 15 ปี โดยคาดว่าข้อตกลงนี้จะเสร็จสิ้นตามกระบวนการได้ภายในเดือนมีนาคมปีหน้า เนื่องจากต้องได้รับการอนุมัติจากทางสำนักงานคณะกรรมกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ.)ก่อน
ทั้งนี้ ในส่วนของลูกค้าเดิมของธนชาตประกันชีวิตจะยังคงได้รับ ความคุ้มครอง และบริการได้ตามปกติ และน่าจะเป็นผลดีต่อลูกค้าใหม่มากขึ้น เนื่องจากพรูเด็นเชียลประกันชีวิตมีความชำนาญในการพัฒนาสินค้าที่ตรงความต้องการของลูกค้า
"ถึงแม้เราจะขายธุรกิจประกันชีวิตในครั้งนี้ ธนาคารก็ยังสามารถเป็นยูนิเวอร์แซลแบงก์ได้ เนื่องจากยังมีการให้บริการด้านการเงินครบวงจร เพราะเราจะนำสินค้าของพรูเด็นเชียลมาขายอยู่ และเรายังมีบริษัทประกันภัย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน และการให้บริการสินเชื่อต่างๆ"
ส่วนการที่ธนาคารยังมีบริษัท นครหลวงประกันชีวิต จำกัด เป็นบริษัทลูกอีก 1 แห่ง นายสมเจตน์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาทั้ง 2 บริษัทมีการแบ่งสินค้าที่นำออกมาขายอย่างชัดเจน แต่หลังจากนี้คงจะต้องหยุดขายสินค้าใหม่และดูแลเพียงลูกค้าเดิมไปก่อน โดยหลังจากนี้การขายนครหลวงประกันชีวิตออกไปถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจเช่นกัน แต่จะต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบก่อน เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่ายทั้งผู้ถือหุ้น ลูกค้า และพนักงาน
ด้านนายทิดเจน เธียม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทพรูเด็นเชียล กล่าวว่า การเข้าซื้อธนชาตประกันชีวิตในครั้งนี้เป็นนโยบายของบริษัทที่จะขยายธุรกิจในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งประเทศไทยถือเป็นตลาดสำคัญในภูมิภาคนี้ และอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากประชากรของไทยยังมีอัตราการถือครองกรมธรรม์ในระดับต่ำ
"เราอยากเป็นอันดับ 1 ของธุรกิจประกันชีวิต ซึ่งไม่จำเป็นที่จะต้องมีส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 อย่างเดียว การมีสินค้าที่มีคุณภาพ มีบริการที่ดีเป็นอันดับ 1 ก็ถือเป็นจุดมุ่งหมายของเราเช่นกัน"
**แนะซื้อTCAP**
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย) เปิดเผยบทวิเคราะห์ว่า หลังจากที่ ธนาคารธนชาต (TBANK) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ TCAPบริษัทประกาศขายบริษัทธนชาติประกันชีวิต (TLIFE) ให้กับบริษัทพรูเด็นเชียล ประกันชีวิต โดยมีมูลค่าซื้อขายเป็นเงิน 18,000 ล้านบาท และคาดว่าการชำระราคาหุ้นและโอนหุ้นจะเสร็จสิ้นได้ไตรมาสแรกของปีหน้า
ทั้งนี้ การขายธุรกิจประกันชีวิตออกไปจะช่วยลดภาระการดำรงสัดส่วนเงินกองทุน และทำให้ Tier 1 ของ TBANK เพิ่มขึ้น และช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับการเพิ่มทุนของ TCAP ด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ เมื่อเทียบกับต้นทุนทางบัญชีของ TLIFE ที่ 936 ล้านบาท คาดว่า ธนาคารธนชาต จะมีการบันทึกกำไรพิเศษจากรายการดังกล่าวสูงถึงราว 1.65 หมื่นล้านบาท และส่งผลบวกต่อ TCAP ตามสัดส่วนการถือหุ้นที่ 50.96% เท่ากับ 8.5 พันล้านบาท (ก่อนภาษี) หรือ คิดเป็นกำไรต่อหุ้นราว 6.65 บาท
ส่วนราคาหุ้นมี Valuation ที่ค่อนข้างถูก โดยซื้อขาย PBV 2556 เพียง 1.0 เท่า และ BV จะเพิ่มขึ้นอีกหลังบันทึกกำไรพิเศษจากการขายหุ้น TLIFE เทียบกับ PBV 2556 ของกลุ่มธนาคารที่ 1.45 เท่า และเป็นหุ้นที่ให้เงินปันผลในเกณฑ์ดีราว 4-5% ต่อปี
ล่าสุดเมื่อ 2 พ.ย.55 หุ้น TCAP ปิดที่ 37.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท(+1.35%)ซึ่งน่าจะได้ตอบรับในเชิงบวกจากสัดส่วนเงินกองทุนที่เพิ่มขึ้น ทั้งทางบริษัทเชื่อว่าหุ้น บมจ.ทุนธนชาต(TCAP) ให้ราคาเหมาะสม 45 บาทในการซื้อเพื่อทำกำไรต่อไป