สิ่งเดียวที่คนไทยต้องการในเวลานี้คือ ความสามัคคี วิธีการของระบอบทักษิณที่จะเข้ามาครอบครองแผ่นดินนี้ได้ คือการทำลายความสามัคคีของคนในชาติ ยิ่งแตกแยก ยิ่งครอบงำได้ง่าย แบ่งแยกแล้วปกครองคือเป้าหมายของทักษิณ
วาทกรรมไพร่กับอำมาตย์ถูกนำมาใช้เพื่อปลุกเร้าผู้คนระดับล่างกับชนชั้นกลาง เพื่อนำไปสู่เป้าหมายสูงสุดคือชนชั้นสูง คือชั้นเจ้า กลุ่มคนของทักษิณในระดับแกนนำนั้น มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ฟุ่มเฟือย ฟุ้งเฟ้อยิ่งกว่าเจ้าเสียอีก รถรา บ้านช่องของแต่ละคนล้วนใหญ่โตมโหฬาร มีข้าทาสบริวารล้อมหน้าล้อมหลัง
แต่วาทกรรมไพร่-อำมาตย์ สามารถโดนใจคนยากคนจนและคนด้อยการศึกษาจำนวนมาก โยนความยากจนของคนเหล่านั้นว่าเป็นปัญหามาจากพวกอำมาตย์ หรือชนชั้นสูง ทั้งที่ความเป็นจริงทักษิณนั่นแหละ คืออำมาตย์ตัวเอ้ ที่ต้องการเทียบบารมีกับชนชั้นสูงหรือเจ้าที่มีอยู่เดิม
ในช่วงแรกหลัง 19 กันยายน 2549 ทักษิณประกาศวางมือทางการเมืองให้คนทั้งโลกได้รับรู้ แต่ด้วยแรงอาฆาตแค้นจากการยุยงของเหล่าสมุนที่ใส่ร้ายป้ายสีว่าเจ้าอยู่เบื้องหลังการรัฐประหาร ทำให้ทักษิณลุกขึ้นสู้
ด้วยเงินทุนที่กอบโกยไปจากการโกงชาติกินแผ่นดินจำนวนนับแสนล้าน นำมาซึ่งภัยพิบัติกับตัวเองและครอบครัว จนต้องหลบหนีออกนอกประเทศด้วยโทษจำคุก 2 ปีโดยไม่รอลงอาญา และยังมีหมายจับอีกหลายคดี โทษสุดท้ายหนักสุดคือข้อหาหัวหน้าผู้ก่อการร้ายตัวสำคัญ ยุยงส่งเสริมให้สมุนเผาบ้านเผาเมือง
เขาเคยประกาศชัดเจนว่า ถ้าเขาไม่ได้กลับเมืองไทยและอยู่อย่างมีความสุข ก็อย่าหวังว่าคนอื่นในประเทศนี้จะอยู่อย่างมีความสุขได้
6 ปีผ่านไป คนไทยแทบไม่ได้ลิ้มรสแห่งความสุขเลย แม้ในปีที่ควรเฉลิมฉลองพระชนมายุครบ 84 พรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ผมยืนยันว่าน้ำท่วมในปี 2554 นั้นเกิดขึ้นจากน้ำมือมนุษย์ มีการกักเก็บน้ำไว้ในเขื่อนใหญ่ๆ 3-4 เขื่อนมากถึง 90% ของความจุ ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ เมื่อมีการพยากรณ์ว่าจะมีพายุจำนวนมากเกิดขึ้นในฤดูฝนปี 2554 ทันทีที่ฝนตกปริมาณมหาศาล น้ำในเขื่อนถูกปล่อยออกมาสมทบ อ้างว่าเขื่อนไม่สามารถรองรับน้ำไว้ได้ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นผู้บริหารเขื่อนขอให้ระบายน้ำออก แต่ถูกคำสั่งจากนักการเมืองไปยังผู้ว่าฯ และชลประทานให้กักเก็บน้ำไว้ก่อน
เมื่อน้ำปริมาณมหาศาลไหลทะลักจากเขื่อนใหญ่ๆ ทั่วประเทศ ก็ไม่ผิดอะไรกับเขื่อนแตก รวมกับปริมาณน้ำฝนที่มากกว่าทุกปี ทำลายชีวิตและทรัพย์สินของราษฎรเหลือคณานับ กรุงเทพมหานครคือเป้าหมายสำคัญ และที่สำคัญกว่านั้นคือการทำลายการเฉลิมฉลองในวโรกาส 84 พรรษาของพระเจ้าอยู่หัว
ที่กล่าวมานี้มีหลักฐานทางเอกสารมากมายชี้ให้เห็นว่าส่อถึงเจตนาให้น้ำท่วมมากกว่าเป็นภัยธรรมชาติ หากเปรียบเทียบกับเฮอร์ริเคนที่ถล่มสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 29-31 ตุลาคม 2555 องค์กรเอกชนบางแห่งได้ยื่นฟ้องรัฐบาลต่อศาลปกครองในกรณีนี้ แต่เรื่องก็เงียบหายไปเพราะคนไทยลืมง่าย รัฐบาลอำมหิตก็ไม่สนใจไยดี
เมื่อไม่นานมานี้ทักษิณ ชินวัตรได้สารภาพต่อสื่อมวลชนต่างประเทศชัดเจนแล้วว่า เขาคือผู้อยู่เบื้องหลังพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลยิ่งลักษณ์ น้องสาวซึ่งเป็นเสมือนโคลนนิ่งของเขา ยอมรับแม้ว่ามีการโทรศัพท์ปรึกษาหารือกันทุกสัปดาห์ การจำนำข้าวเขาก็เป็นคนคิดเอง
การยอมรับของทักษิณในครั้งนี้ เท่ากับนายกรัฐมนตรีไทยที่ชื่อยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อยู่ภายใต้การบงการของนักโทษหนีคดีอาญา ผู้ต้องหาก่อการร้าย และผู้ต้องหาหลบหนีหมายจับของศาลไทยอีกหลายคดี
“ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” มิใช่เพียงแค่สโลแกนเพื่อหาเสียง แต่เป็นเรื่องที่เจ้าตัวรับสารภาพว่าเป็นความจริง นั่นก็เท่ากับว่าพรรคเพื่อไทยยอมรับนโยบายจากคนต่างชาติ เพราะในขณะหาเสียงนั้น ทักษิณ ชินวัตร ถือสัญชาติมอนเตเนโกร ชัดเจนแล้วว่านี่คือการทำผิดกฎหมายว่าด้วยพรรคการเมือง มีโทษถึงขั้นยุบพรรค แต่ กกต.ไทยกลับทำตัวเหมือนคนไร้ความสามารถ หูหนวก ตาบอด เป็นใบ้ อยู่เฉยๆ โดยไม่ทำอะไร
ด้วยเหตุนี้เขาจึงจำเป็นต้องดิ้นรนให้ได้พาสปอร์ตไทยกลับคืนมา เพื่ออ้างความเป็นคนไทย อยากใช้สิทธิการเป็นพลเมือง แต่ไม่รู้จักหน้าที่
รัฐตำรวจกลับมาอีกครั้ง ครอบงำไปทุกหน่วยงาน ศอ.บต. ปปง. ป.ป.ช. กรมราชทัณฑ์ สำนักงานสลากกินแบ่ง ฯลฯ แม้แต่ปลัดกระทรวงคมนาคมก็ยังให้ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี กระโดดข้ามห้วยข้ามหัวคนอื่นมากินตำแหน่ง
วงการตำรวจเรียบร้อยไปแล้ว อัยการก็ยึดหัวไว้ได้ ตอนนี้กำลังรุกคืบเข้าไปในวงการตุลาการ ส่วนทหารระดับหัวก็อุดปากและซื้อตัวด้วยงบประมาณซื้ออาวุธ ข้าราชการคนไหนไม่ยอมสยบก็จะถูกเขี่ยออกไปนอกเส้นทาง กินรวบประเทศไทยเกือบหมดด้วยจิตใจอำมหิตชั่วช้า ผู้ที่เข้ามารับใช้ใกล้ชิดล้วนแล้วแต่ประพฤติชั่วได้ใจนาย
กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ถือเป็นฐานเสียงสำคัญที่ใกล้ชิดประชาชนในระดับภูมิภาคมากที่สุด ถูกดึงเข้ามาสู่เกมการเมืองตลอดเวลา ในยุค คมช. พลเอกสุรยุทธ จุลานนท์ ได้ต่ออายุให้บรรดากำนัน ผู้ใหญ่บ้านอยู่จนเกษียณ เพื่อหวังดึงคะแนนให้พรรคการเมืองอีกขั้วหนึ่ง แต่ก็สู้อำนาจการเมืองเก่า และการจัดตั้ง รวมทั้งอำนาจเงินไม่ได้
วันนี้พรรคเพื่อไทยจะแก้กฎหมายให้มีการเลือกตั้งทุก 5 ปี ตีเมืองขึ้นให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน กลับมายอมสยบต่อรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย เป็นเกมการเมืองเพื่อการต่อรองและซื้อตัว
ข้าราชการถูกตัดงบประมาณเรื่องค่ารักษาพยาบาล ไม่จ่ายยานอกบัญชีซึ่งเป็นยาต่างประเทศ และบางตัวเป็นยาจำเป็นสำหรับผู้สูงอายุ ซึ่งทำให้ต้องจ่ายเงินเพิ่มเอง รัฐบาลอ้างว่าสามารถประหยัดงบได้กว่า 6 หมื่นล้านบาท แต่กลับไปใช้จ่ายฟุ่มเฟือยในด้านอื่น อาทิ กองทุนพัฒนาสตรี เพิ่มเงินกองทุนหมู่บ้านอีกหมู่บ้านละ 1 ล้านบาท ข้าราชการมีสิทธิเท่ากับบัตรทองทั่วไป และจะได้รับสิทธิพิเศษอื่นๆ อีกหากยอมเข้ามาอยู่ภายใต้พรรคเพื่อไทย
บัตรเครดิตชาวนา บัตรเครดิตแท็กซี่-วินมอเตอร์ไซค์ เป็นการบีบบังคับทางอ้อมให้ทุกคนต้องทำ มิฉะนั้นจะไม่ได้ส่วนลดค่าแก๊สหรือน้ำมัน ทุกอาชีพเริ่มเข้าสู่การควบคุมและระบบจัดตั้ง เพื่อนำไปสู่การสถาปนารัฐไทยใหม่ ซึ่งเขาเปิดเผยและประกาศชัดเจนในทุกพื้นที่ของชุมชนเสื้อแดง เป้าหมายสุดท้ายคือโค่นล้มอำมาตย์ ซึ่งรู้กันดีอยู่แล้วว่าสัญลักษณ์คำว่าอำมาตย์ของทักษิณและคนเสื้อแดงคือใคร
คนกลุ่มหนึ่งซึ่งทนเห็นประเทศหายนะไปต่อหน้าต่อตาไม่ไหว จึงได้ออกมารวบรวมสมัครพรรคพวก ประกาศจัดตั้งองค์การพิทักษ์สยาม เดินสายทำบุญประเทศและชักชวนผู้คนขับไล่รัฐบาลนอร์มินีของทักษิณ ไม่เอาพรรคการเมือง จัดการกับพวกจ้องล้มสถาบัน หยุดนักการเมืองระบบเดิมไว้ 5 ปี ปฏิวัติประเทศไทยใหม่โดยประชาชน
จัดการชุมนุมครั้งใหญ่เพื่อประเมินกำลังในวันที่ 28 ตุลาคม 2555 ท่ามกลางคำปรามาส เสียงวิพากษ์วิจารณ์จากทั้งพวกที่คิดว่าเป็นมิตรและฝ่ายรัฐ
การชุมนุมครั้งนั้นประสบผลเกินคาด และจะมีครั้งใหญ่ซึ่งเขาประกาศไว้ว่าจะเป็นครั้งสุดท้าย หากมีมวลชนมากพอ โดยตั้งเป้าไว้ 1 ล้านคน ซึ่งก็ยังไม่ทราบว่าสงครามครั้งสุดท้ายของเสธ.อ้ายจะจบอย่างไร
ผมเองก็วิพากษ์วิจารณ์การออกมาครั้งนี้ไว้พอสมควร แต่ก็ตรงใจในหลายเรื่อง จึงทำให้สนใจว่าเสธ.อ้ายคนนี้ออกมาทำเพื่อใคร และทำไปทำไม คิดอะไรไม่เป็นเอาแต่ใช้อารมณ์ โดยไม่มียุทธศาสตร์จริงหรือ กลุ่มคนเหล่านี้ประกอบด้วยใคร ถ้าพวกเขาทำสำเร็จผลจะออกมาเป็นอย่างไร และหากไม่สำเร็จจะเกิดอะไรขึ้น ทหารแก่ที่ไม่มีอำนาจจะลุกขึ้นมาสู้กับทักษิณเพราะเหตุใด นี่เป็นคำถามที่หลายคนยังคงสงสัยอยู่
เพียงแค่ยกแรกก็ได้รับข้อหากบฏ มีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต เคยมีตัวอย่างมาแล้ว ซึ่งผู้นำรัฐประหารไม่สำเร็จเป็นกบฏและถูกประหารชีวิตนั้นมีจริง ในครั้งนั้นเสธ.อ้ายก็เป็นคนหนึ่งที่เข้าร่วมกับเขาด้วย
คนเราจะไม่เรียนรู้บทเรียนเชียวหรือ หรือต้องการพิสูจน์ทฤษฎีใหม่ที่ว่าด้วยการปฏิวัติโดยประชาชน เพียงแค่นั้นจริงหรือ เสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ดังกระหึ่มมาจากฟากที่คิดว่าน่าจะเป็นมิตรมากกว่าฝ่ายของรัฐบาล
ใครรักชาติ รักสถาบัน หากมีความจริงใจ ผมก็ขอร่วมสนับสนุน ถ้ามีโอกาสทำอะไรได้ก็จะทำ ไม่เพียงแค่พูดและเขียนเท่านั้น
ผมหัดเดินขบวนครั้งแรกเมื่อ 14 ตุลาคม 2516 ผ่านมา 39 ปียังไม่เคยหยุด อาชีพการงานที่มีก็ทำไป ว่างเมื่อไหร่ก็มาร่วมทุกกลุ่มที่เรียกร้องความเป็นธรรม ร่วมก่อตั้งสมัชชาคนจนเมื่อ 18 ปีที่แล้ว บุกทำเนียบฯ ครั้งแรกก่อนใครเมื่อปี 2538 ปีนทำเนียบ ล้อมทำเนียบ ล้อมศาลากลางมานับครั้งไม่ถ้วน ถูกทำร้าย ถูกขู่ฆ่าไม่มีใครรู้ รอดมาได้ทุกวันนี้เพราะยึดกรรมดีเป็นที่ตั้ง ถูกกลั่นแกล้งตรวจสอบสารพัด ขายทรัพย์สินส่วนตัวจนไม่เหลืออะไรแล้ว ได้มาร่วมกับพันธมิตรฯ ตั้งแต่วันแรกที่คุณสนธิออกมาข้างถนน ผมไม่เคยเรียกร้องขออะไรจากใครเลย เพราะเราเลือกที่จะทำและเลือกทางที่จะเดินเอง เหนื่อยแต่ไม่ท้อ และจะทำต่อไปถ้ายังไม่ตาย ถึงตายก็ไม่โทษใคร
บ้านเมืองฉิบหายขนาดนี้ นอนตายตาไม่หลับ ไม่รู้ว่าลูกหลานจะอยู่อย่างไร คนโง่อย่างผมพร้อมเป็นขี้ข้าให้คนจริง แต่จะไม่มีวันยอมเป็นทาสระบอบทักษิณ เวลานี้สิ่งที่ประเทศไทยต้องการคือความสามัคคีของคนในชาติ ดังนั้นใครที่คิดดีทำดี รักชาติบ้านเมือง รักแผ่นดินเกิด ออกมาช่วยกันเถิดครับ อย่ามัวแต่เถียงกันอยู่เลย
ชาติใดไร้รักสมัครสมาน จะทำการสิ่งใดก็ไร้ผล
แม้ชาติย่อยยับอับจน บุคคลจะสุขอยู่ได้อย่างไร
วาทกรรมไพร่กับอำมาตย์ถูกนำมาใช้เพื่อปลุกเร้าผู้คนระดับล่างกับชนชั้นกลาง เพื่อนำไปสู่เป้าหมายสูงสุดคือชนชั้นสูง คือชั้นเจ้า กลุ่มคนของทักษิณในระดับแกนนำนั้น มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ฟุ่มเฟือย ฟุ้งเฟ้อยิ่งกว่าเจ้าเสียอีก รถรา บ้านช่องของแต่ละคนล้วนใหญ่โตมโหฬาร มีข้าทาสบริวารล้อมหน้าล้อมหลัง
แต่วาทกรรมไพร่-อำมาตย์ สามารถโดนใจคนยากคนจนและคนด้อยการศึกษาจำนวนมาก โยนความยากจนของคนเหล่านั้นว่าเป็นปัญหามาจากพวกอำมาตย์ หรือชนชั้นสูง ทั้งที่ความเป็นจริงทักษิณนั่นแหละ คืออำมาตย์ตัวเอ้ ที่ต้องการเทียบบารมีกับชนชั้นสูงหรือเจ้าที่มีอยู่เดิม
ในช่วงแรกหลัง 19 กันยายน 2549 ทักษิณประกาศวางมือทางการเมืองให้คนทั้งโลกได้รับรู้ แต่ด้วยแรงอาฆาตแค้นจากการยุยงของเหล่าสมุนที่ใส่ร้ายป้ายสีว่าเจ้าอยู่เบื้องหลังการรัฐประหาร ทำให้ทักษิณลุกขึ้นสู้
ด้วยเงินทุนที่กอบโกยไปจากการโกงชาติกินแผ่นดินจำนวนนับแสนล้าน นำมาซึ่งภัยพิบัติกับตัวเองและครอบครัว จนต้องหลบหนีออกนอกประเทศด้วยโทษจำคุก 2 ปีโดยไม่รอลงอาญา และยังมีหมายจับอีกหลายคดี โทษสุดท้ายหนักสุดคือข้อหาหัวหน้าผู้ก่อการร้ายตัวสำคัญ ยุยงส่งเสริมให้สมุนเผาบ้านเผาเมือง
เขาเคยประกาศชัดเจนว่า ถ้าเขาไม่ได้กลับเมืองไทยและอยู่อย่างมีความสุข ก็อย่าหวังว่าคนอื่นในประเทศนี้จะอยู่อย่างมีความสุขได้
6 ปีผ่านไป คนไทยแทบไม่ได้ลิ้มรสแห่งความสุขเลย แม้ในปีที่ควรเฉลิมฉลองพระชนมายุครบ 84 พรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ผมยืนยันว่าน้ำท่วมในปี 2554 นั้นเกิดขึ้นจากน้ำมือมนุษย์ มีการกักเก็บน้ำไว้ในเขื่อนใหญ่ๆ 3-4 เขื่อนมากถึง 90% ของความจุ ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ เมื่อมีการพยากรณ์ว่าจะมีพายุจำนวนมากเกิดขึ้นในฤดูฝนปี 2554 ทันทีที่ฝนตกปริมาณมหาศาล น้ำในเขื่อนถูกปล่อยออกมาสมทบ อ้างว่าเขื่อนไม่สามารถรองรับน้ำไว้ได้ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นผู้บริหารเขื่อนขอให้ระบายน้ำออก แต่ถูกคำสั่งจากนักการเมืองไปยังผู้ว่าฯ และชลประทานให้กักเก็บน้ำไว้ก่อน
เมื่อน้ำปริมาณมหาศาลไหลทะลักจากเขื่อนใหญ่ๆ ทั่วประเทศ ก็ไม่ผิดอะไรกับเขื่อนแตก รวมกับปริมาณน้ำฝนที่มากกว่าทุกปี ทำลายชีวิตและทรัพย์สินของราษฎรเหลือคณานับ กรุงเทพมหานครคือเป้าหมายสำคัญ และที่สำคัญกว่านั้นคือการทำลายการเฉลิมฉลองในวโรกาส 84 พรรษาของพระเจ้าอยู่หัว
ที่กล่าวมานี้มีหลักฐานทางเอกสารมากมายชี้ให้เห็นว่าส่อถึงเจตนาให้น้ำท่วมมากกว่าเป็นภัยธรรมชาติ หากเปรียบเทียบกับเฮอร์ริเคนที่ถล่มสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 29-31 ตุลาคม 2555 องค์กรเอกชนบางแห่งได้ยื่นฟ้องรัฐบาลต่อศาลปกครองในกรณีนี้ แต่เรื่องก็เงียบหายไปเพราะคนไทยลืมง่าย รัฐบาลอำมหิตก็ไม่สนใจไยดี
เมื่อไม่นานมานี้ทักษิณ ชินวัตรได้สารภาพต่อสื่อมวลชนต่างประเทศชัดเจนแล้วว่า เขาคือผู้อยู่เบื้องหลังพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลยิ่งลักษณ์ น้องสาวซึ่งเป็นเสมือนโคลนนิ่งของเขา ยอมรับแม้ว่ามีการโทรศัพท์ปรึกษาหารือกันทุกสัปดาห์ การจำนำข้าวเขาก็เป็นคนคิดเอง
การยอมรับของทักษิณในครั้งนี้ เท่ากับนายกรัฐมนตรีไทยที่ชื่อยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อยู่ภายใต้การบงการของนักโทษหนีคดีอาญา ผู้ต้องหาก่อการร้าย และผู้ต้องหาหลบหนีหมายจับของศาลไทยอีกหลายคดี
“ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” มิใช่เพียงแค่สโลแกนเพื่อหาเสียง แต่เป็นเรื่องที่เจ้าตัวรับสารภาพว่าเป็นความจริง นั่นก็เท่ากับว่าพรรคเพื่อไทยยอมรับนโยบายจากคนต่างชาติ เพราะในขณะหาเสียงนั้น ทักษิณ ชินวัตร ถือสัญชาติมอนเตเนโกร ชัดเจนแล้วว่านี่คือการทำผิดกฎหมายว่าด้วยพรรคการเมือง มีโทษถึงขั้นยุบพรรค แต่ กกต.ไทยกลับทำตัวเหมือนคนไร้ความสามารถ หูหนวก ตาบอด เป็นใบ้ อยู่เฉยๆ โดยไม่ทำอะไร
ด้วยเหตุนี้เขาจึงจำเป็นต้องดิ้นรนให้ได้พาสปอร์ตไทยกลับคืนมา เพื่ออ้างความเป็นคนไทย อยากใช้สิทธิการเป็นพลเมือง แต่ไม่รู้จักหน้าที่
รัฐตำรวจกลับมาอีกครั้ง ครอบงำไปทุกหน่วยงาน ศอ.บต. ปปง. ป.ป.ช. กรมราชทัณฑ์ สำนักงานสลากกินแบ่ง ฯลฯ แม้แต่ปลัดกระทรวงคมนาคมก็ยังให้ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี กระโดดข้ามห้วยข้ามหัวคนอื่นมากินตำแหน่ง
วงการตำรวจเรียบร้อยไปแล้ว อัยการก็ยึดหัวไว้ได้ ตอนนี้กำลังรุกคืบเข้าไปในวงการตุลาการ ส่วนทหารระดับหัวก็อุดปากและซื้อตัวด้วยงบประมาณซื้ออาวุธ ข้าราชการคนไหนไม่ยอมสยบก็จะถูกเขี่ยออกไปนอกเส้นทาง กินรวบประเทศไทยเกือบหมดด้วยจิตใจอำมหิตชั่วช้า ผู้ที่เข้ามารับใช้ใกล้ชิดล้วนแล้วแต่ประพฤติชั่วได้ใจนาย
กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ถือเป็นฐานเสียงสำคัญที่ใกล้ชิดประชาชนในระดับภูมิภาคมากที่สุด ถูกดึงเข้ามาสู่เกมการเมืองตลอดเวลา ในยุค คมช. พลเอกสุรยุทธ จุลานนท์ ได้ต่ออายุให้บรรดากำนัน ผู้ใหญ่บ้านอยู่จนเกษียณ เพื่อหวังดึงคะแนนให้พรรคการเมืองอีกขั้วหนึ่ง แต่ก็สู้อำนาจการเมืองเก่า และการจัดตั้ง รวมทั้งอำนาจเงินไม่ได้
วันนี้พรรคเพื่อไทยจะแก้กฎหมายให้มีการเลือกตั้งทุก 5 ปี ตีเมืองขึ้นให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน กลับมายอมสยบต่อรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย เป็นเกมการเมืองเพื่อการต่อรองและซื้อตัว
ข้าราชการถูกตัดงบประมาณเรื่องค่ารักษาพยาบาล ไม่จ่ายยานอกบัญชีซึ่งเป็นยาต่างประเทศ และบางตัวเป็นยาจำเป็นสำหรับผู้สูงอายุ ซึ่งทำให้ต้องจ่ายเงินเพิ่มเอง รัฐบาลอ้างว่าสามารถประหยัดงบได้กว่า 6 หมื่นล้านบาท แต่กลับไปใช้จ่ายฟุ่มเฟือยในด้านอื่น อาทิ กองทุนพัฒนาสตรี เพิ่มเงินกองทุนหมู่บ้านอีกหมู่บ้านละ 1 ล้านบาท ข้าราชการมีสิทธิเท่ากับบัตรทองทั่วไป และจะได้รับสิทธิพิเศษอื่นๆ อีกหากยอมเข้ามาอยู่ภายใต้พรรคเพื่อไทย
บัตรเครดิตชาวนา บัตรเครดิตแท็กซี่-วินมอเตอร์ไซค์ เป็นการบีบบังคับทางอ้อมให้ทุกคนต้องทำ มิฉะนั้นจะไม่ได้ส่วนลดค่าแก๊สหรือน้ำมัน ทุกอาชีพเริ่มเข้าสู่การควบคุมและระบบจัดตั้ง เพื่อนำไปสู่การสถาปนารัฐไทยใหม่ ซึ่งเขาเปิดเผยและประกาศชัดเจนในทุกพื้นที่ของชุมชนเสื้อแดง เป้าหมายสุดท้ายคือโค่นล้มอำมาตย์ ซึ่งรู้กันดีอยู่แล้วว่าสัญลักษณ์คำว่าอำมาตย์ของทักษิณและคนเสื้อแดงคือใคร
คนกลุ่มหนึ่งซึ่งทนเห็นประเทศหายนะไปต่อหน้าต่อตาไม่ไหว จึงได้ออกมารวบรวมสมัครพรรคพวก ประกาศจัดตั้งองค์การพิทักษ์สยาม เดินสายทำบุญประเทศและชักชวนผู้คนขับไล่รัฐบาลนอร์มินีของทักษิณ ไม่เอาพรรคการเมือง จัดการกับพวกจ้องล้มสถาบัน หยุดนักการเมืองระบบเดิมไว้ 5 ปี ปฏิวัติประเทศไทยใหม่โดยประชาชน
จัดการชุมนุมครั้งใหญ่เพื่อประเมินกำลังในวันที่ 28 ตุลาคม 2555 ท่ามกลางคำปรามาส เสียงวิพากษ์วิจารณ์จากทั้งพวกที่คิดว่าเป็นมิตรและฝ่ายรัฐ
การชุมนุมครั้งนั้นประสบผลเกินคาด และจะมีครั้งใหญ่ซึ่งเขาประกาศไว้ว่าจะเป็นครั้งสุดท้าย หากมีมวลชนมากพอ โดยตั้งเป้าไว้ 1 ล้านคน ซึ่งก็ยังไม่ทราบว่าสงครามครั้งสุดท้ายของเสธ.อ้ายจะจบอย่างไร
ผมเองก็วิพากษ์วิจารณ์การออกมาครั้งนี้ไว้พอสมควร แต่ก็ตรงใจในหลายเรื่อง จึงทำให้สนใจว่าเสธ.อ้ายคนนี้ออกมาทำเพื่อใคร และทำไปทำไม คิดอะไรไม่เป็นเอาแต่ใช้อารมณ์ โดยไม่มียุทธศาสตร์จริงหรือ กลุ่มคนเหล่านี้ประกอบด้วยใคร ถ้าพวกเขาทำสำเร็จผลจะออกมาเป็นอย่างไร และหากไม่สำเร็จจะเกิดอะไรขึ้น ทหารแก่ที่ไม่มีอำนาจจะลุกขึ้นมาสู้กับทักษิณเพราะเหตุใด นี่เป็นคำถามที่หลายคนยังคงสงสัยอยู่
เพียงแค่ยกแรกก็ได้รับข้อหากบฏ มีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต เคยมีตัวอย่างมาแล้ว ซึ่งผู้นำรัฐประหารไม่สำเร็จเป็นกบฏและถูกประหารชีวิตนั้นมีจริง ในครั้งนั้นเสธ.อ้ายก็เป็นคนหนึ่งที่เข้าร่วมกับเขาด้วย
คนเราจะไม่เรียนรู้บทเรียนเชียวหรือ หรือต้องการพิสูจน์ทฤษฎีใหม่ที่ว่าด้วยการปฏิวัติโดยประชาชน เพียงแค่นั้นจริงหรือ เสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ดังกระหึ่มมาจากฟากที่คิดว่าน่าจะเป็นมิตรมากกว่าฝ่ายของรัฐบาล
ใครรักชาติ รักสถาบัน หากมีความจริงใจ ผมก็ขอร่วมสนับสนุน ถ้ามีโอกาสทำอะไรได้ก็จะทำ ไม่เพียงแค่พูดและเขียนเท่านั้น
ผมหัดเดินขบวนครั้งแรกเมื่อ 14 ตุลาคม 2516 ผ่านมา 39 ปียังไม่เคยหยุด อาชีพการงานที่มีก็ทำไป ว่างเมื่อไหร่ก็มาร่วมทุกกลุ่มที่เรียกร้องความเป็นธรรม ร่วมก่อตั้งสมัชชาคนจนเมื่อ 18 ปีที่แล้ว บุกทำเนียบฯ ครั้งแรกก่อนใครเมื่อปี 2538 ปีนทำเนียบ ล้อมทำเนียบ ล้อมศาลากลางมานับครั้งไม่ถ้วน ถูกทำร้าย ถูกขู่ฆ่าไม่มีใครรู้ รอดมาได้ทุกวันนี้เพราะยึดกรรมดีเป็นที่ตั้ง ถูกกลั่นแกล้งตรวจสอบสารพัด ขายทรัพย์สินส่วนตัวจนไม่เหลืออะไรแล้ว ได้มาร่วมกับพันธมิตรฯ ตั้งแต่วันแรกที่คุณสนธิออกมาข้างถนน ผมไม่เคยเรียกร้องขออะไรจากใครเลย เพราะเราเลือกที่จะทำและเลือกทางที่จะเดินเอง เหนื่อยแต่ไม่ท้อ และจะทำต่อไปถ้ายังไม่ตาย ถึงตายก็ไม่โทษใคร
บ้านเมืองฉิบหายขนาดนี้ นอนตายตาไม่หลับ ไม่รู้ว่าลูกหลานจะอยู่อย่างไร คนโง่อย่างผมพร้อมเป็นขี้ข้าให้คนจริง แต่จะไม่มีวันยอมเป็นทาสระบอบทักษิณ เวลานี้สิ่งที่ประเทศไทยต้องการคือความสามัคคีของคนในชาติ ดังนั้นใครที่คิดดีทำดี รักชาติบ้านเมือง รักแผ่นดินเกิด ออกมาช่วยกันเถิดครับ อย่ามัวแต่เถียงกันอยู่เลย
ชาติใดไร้รักสมัครสมาน จะทำการสิ่งใดก็ไร้ผล
แม้ชาติย่อยยับอับจน บุคคลจะสุขอยู่ได้อย่างไร
