วานนี้ ( 31 ต.ค.) ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งกลับคำสั่งศาลปกครองกลางที่เพิกถอนกระบวนการพิจารณาคดีผู้ป่วยบวมน้ำเหลืองฟ้องคณะเวชศาสตร์ ม.มหิดล กรณียกเลิกโครงการรักษาด้วยวิธีภูษาบำบัดฯ เพราะเห็นว่า คำสั่งมหาวิทยาลัยมหิดล ที่ออกประกาศยุบเลิกโครงการรักษาโรคบวมน้ำเหลืองด้วยวิธีภูษาบำบัด และขันชะเนาะเป็นคำสั่งภายใน และนางสมจิต วัชราเกียรติ กับพวกรวม 13 คนที่เป็นผู้ป่วย ซึ่งเป็นผู้ฟ้องคีดไม่ใช่ผู้เดือดร้อนเสียหาย อีกทั้งโรคบวมเหลืองยังใช้วิธีอื่นรักษาได้ โดยศาลปกครองสูงสุดได้สั่งให้มีการรับคำฟ้องกรณีดังกล่าวไว้พิจารณาวินิจฉัย และให้มีการดำเนินกระบวนการพิจารณาตามรูปคดีต่อไป
ทั้งนี้คดีดังกล่าวนางสมจิตและพวกได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลางเมื่อวันที่ 25 ต.ค.2554 และศาลก็ได้มีคำสั่งรับคำฟ้องไว้พิจารณาไปแล้วเมื่อวันที่ 21 พ.ย. 2554 จากนั้นก็ดำเนินกระบวนการพิจารณาโดยในวันที่ 15 ธ.ค. 2554ได้มีการนัดไต่สวนคู่กรณีเพื่อพิจารณาคำขอทุเลาการบังคับใช้ประกาศยุบเลิกโครงการฯก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษา ของนางสมจิตและพวก แต่ต่อมาวันที่ 6ม.ค.2555ศาลปกครองกลางกลับมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องคดีนี้และสั่งเพิกถอนกระบวนการพิจารณาในชั้นรับคำฟ้องก่อนหน้านี้ทั้งหมดด้วยทำให้นางสมจิตกับพวกยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด
ส่วนที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้ศาลปกครองกลางรับคำฟ้องดังกล่าวไว้พิจารณาระบุว่า พิจารณาแล้วเห็นว่า มีการจัดตั้งโรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล โดยทางโรงพยาบาล ได้เปิดโครงการรักษาโรคบวมน้ำเหลืองด้วยวิธีภูษาบำบัดและขันชะเนาะ นางสมจิต วัชราเกียรติ กับพวกรวม 13 คน เป็นผู้ป่วยโรคบวมน้ำเหลืองที่รักษาอาการด้วยวิธีการดังกล่าวที่โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน และอยู่ระหว่างการรักษาซึ่งต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง การยุบเลิกโครงการทำให้นางสมจิต กับพวกรวม 13 คน ไม่สามารถรักษาโรคบวมน้ำเหลืองด้วยวิธีภูษาบำบัดและขันชะเนาะได้อีกต่อไป แม้ว่าการรักษาโรคบวมน้ำเหลืองจะสามารถรักษาด้วยวิธีการอื่นได้ แต่การตัดสินใจว่าจะรักษาด้วยวิธีการใดเป็นสิทธิของผู้ป่วยที่แพทยสภา สภาการพยาบาล สภาเภสัชกรรม ทันตแพทยสภา และคณะกรรมการควบคุมการประกอบโรคศิลปะได้ร่วมกันออกประกาศรับรองสิทธิดังกล่าวไว้
รวมทั้งการรักษาโรคบวมน้ำเหลืองด้วยวิธีภูษาบำบัดและขันชะเนาะ ไม่ปรากฏว่ามีโรงพยาบาลใดรักษาด้วยวิธีการดังกล่าวนอกจากโรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน เมื่อนางสมจิต กับพวกรวม 13 คน เลือกที่จะรักษาโรคบวมน้ำเหลืองด้วยวิธีภูษาบำบัดและขันชะเนาะ ที่โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน แต่ไม่อาจรักษาด้วยวิธีการดังกล่าวได้ เนื่องจากคณะเวชศาสตร์ ม.มหิดล ประกาศยุบเลิกโครงการ นางสมจิต กับพวกรวม 13 คนจึงเป็นผู้ที่เดือดร้อนเสียหาย โดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้จากการกระทำของคณะเวชศาสตร์ ม.มหิดล อีกทั้งในข้อเท็จจริงไม่ปรากฏเหตุอื่นที่จะมีผลให้คำฟ้องคดีไม่สมบูรณ์ครบถ้วนตาม การฟ้องคดีนี้จึงเป็นไปตามเงื่อนไขการฟ้องคดีตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 ดังนั้นการที่ศาลปกครองกลางมีคำสั่งเพิกถอนกระบวนพิจารณาในชั้นการรับคำฟ้องไว้พิจารณา รวมถึงกระบวนพิจารณาในภายหลังทั้งหมด และมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณาและให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ และมีคำสั่งไม่รับคำขอวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาของนางสมจิต กับพวกรวม 13 คน ศาลปกครองสูงสุดไม่เห็นพ้องด้วย จึงมีคำสั่งกลับคำสั่งศาลปกครองกลาง โดยให้ศาลปกครองกลางรับคำฟ้องไว้พิจารณาและดำเนินกระบวนการพิจารณาตามรูปคดีต่อไป
ทั้งนี้คดีดังกล่าวนางสมจิตและพวกได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลางเมื่อวันที่ 25 ต.ค.2554 และศาลก็ได้มีคำสั่งรับคำฟ้องไว้พิจารณาไปแล้วเมื่อวันที่ 21 พ.ย. 2554 จากนั้นก็ดำเนินกระบวนการพิจารณาโดยในวันที่ 15 ธ.ค. 2554ได้มีการนัดไต่สวนคู่กรณีเพื่อพิจารณาคำขอทุเลาการบังคับใช้ประกาศยุบเลิกโครงการฯก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษา ของนางสมจิตและพวก แต่ต่อมาวันที่ 6ม.ค.2555ศาลปกครองกลางกลับมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องคดีนี้และสั่งเพิกถอนกระบวนการพิจารณาในชั้นรับคำฟ้องก่อนหน้านี้ทั้งหมดด้วยทำให้นางสมจิตกับพวกยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด
ส่วนที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้ศาลปกครองกลางรับคำฟ้องดังกล่าวไว้พิจารณาระบุว่า พิจารณาแล้วเห็นว่า มีการจัดตั้งโรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล โดยทางโรงพยาบาล ได้เปิดโครงการรักษาโรคบวมน้ำเหลืองด้วยวิธีภูษาบำบัดและขันชะเนาะ นางสมจิต วัชราเกียรติ กับพวกรวม 13 คน เป็นผู้ป่วยโรคบวมน้ำเหลืองที่รักษาอาการด้วยวิธีการดังกล่าวที่โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน และอยู่ระหว่างการรักษาซึ่งต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง การยุบเลิกโครงการทำให้นางสมจิต กับพวกรวม 13 คน ไม่สามารถรักษาโรคบวมน้ำเหลืองด้วยวิธีภูษาบำบัดและขันชะเนาะได้อีกต่อไป แม้ว่าการรักษาโรคบวมน้ำเหลืองจะสามารถรักษาด้วยวิธีการอื่นได้ แต่การตัดสินใจว่าจะรักษาด้วยวิธีการใดเป็นสิทธิของผู้ป่วยที่แพทยสภา สภาการพยาบาล สภาเภสัชกรรม ทันตแพทยสภา และคณะกรรมการควบคุมการประกอบโรคศิลปะได้ร่วมกันออกประกาศรับรองสิทธิดังกล่าวไว้
รวมทั้งการรักษาโรคบวมน้ำเหลืองด้วยวิธีภูษาบำบัดและขันชะเนาะ ไม่ปรากฏว่ามีโรงพยาบาลใดรักษาด้วยวิธีการดังกล่าวนอกจากโรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน เมื่อนางสมจิต กับพวกรวม 13 คน เลือกที่จะรักษาโรคบวมน้ำเหลืองด้วยวิธีภูษาบำบัดและขันชะเนาะ ที่โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน แต่ไม่อาจรักษาด้วยวิธีการดังกล่าวได้ เนื่องจากคณะเวชศาสตร์ ม.มหิดล ประกาศยุบเลิกโครงการ นางสมจิต กับพวกรวม 13 คนจึงเป็นผู้ที่เดือดร้อนเสียหาย โดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้จากการกระทำของคณะเวชศาสตร์ ม.มหิดล อีกทั้งในข้อเท็จจริงไม่ปรากฏเหตุอื่นที่จะมีผลให้คำฟ้องคดีไม่สมบูรณ์ครบถ้วนตาม การฟ้องคดีนี้จึงเป็นไปตามเงื่อนไขการฟ้องคดีตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 ดังนั้นการที่ศาลปกครองกลางมีคำสั่งเพิกถอนกระบวนพิจารณาในชั้นการรับคำฟ้องไว้พิจารณา รวมถึงกระบวนพิจารณาในภายหลังทั้งหมด และมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณาและให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ และมีคำสั่งไม่รับคำขอวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาของนางสมจิต กับพวกรวม 13 คน ศาลปกครองสูงสุดไม่เห็นพ้องด้วย จึงมีคำสั่งกลับคำสั่งศาลปกครองกลาง โดยให้ศาลปกครองกลางรับคำฟ้องไว้พิจารณาและดำเนินกระบวนการพิจารณาตามรูปคดีต่อไป