ASTVผู้จัดการรายวัน - เจ้าพ่อปิกอัพ“อีซูซุ” ประกาศพร้อมลงทุนครั้งใหม่ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต“ดีแมคซ์”เป็น 5 แสนคันต่อปี แต่ต้องรอบริษัทแม่ประเทศญี่ปุ่นฟันธงเวลา หลังโรงงงานแห่งใหม่ที่นิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ จ.ฉะเชิงเทรา เดินเครื่องผลิตอย่างเป็นทางการแล้ว หวังแก้ปัญหายอดค้างส่งมอบนาน และรองรับตลาดส่งออกที่เติบโตสูง
วานนี้ (29ต.ค.)กลุ่มอีซูซุในประเทศไทย ทำพิธีเปิดโรงงานผลิตรถอีซูซุแห่งใหม่ ที่นิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ซิตี้ จังหวัดฉะเชิงเทราอย่างเป็นทางการ หลังลงทุนไป 6,500 ล้านบาทเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตปิกอัพ “ดีแมคซ์” อีก90,000 คันต่อปี รวมถึงรถบรรทุกขนาดกลางและรถบรรทุกขนาดใหญ่อีก 30,000 คันต่อปี(ย้ายไลน์ผลิตมาจากโรงงานสำโรง)
นายมาโคโตะ คาวาฮาระ ประธาน บริษัท อีซูซุมอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า โรงงานผลิตรถอีซูซุแห่งใหม่ ที่นิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ นับเป็นโรงงานที่ทันสมัยที่สุดของอีซูซุ มีพนักงานรวม 1,800 คน ในจำนวนนี้ 800 คนเป็นพนักงานใหม่ ครอบคลุมการผลิตรถปิกอัพ รถบรรทุกขนาดกลาง และรถบรรทุกขนาดใหญ่ ดังนั้นเมื่อรวมกับกำลังการผลิตของโรงงานเดิม (สำโรง สมุทรปราการ)ส่งผลให้บริษัทสามารถผลิตรถเพื่อการพาณิชย์อีซูซุ ได้มากกว่า 430,000 แสนคันต่อปี
“ด้วยกระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพสูง จะช่วยให้กลุ่มอีซูซุในประเทศไทยที่เกี่ยวข้องกับการผลิต การพัฒนา การจัดจำหน่าย รวมถึงการส่งออก สามารถขยายธุรกิจในการส่งมอบยานพาหนะคุณภาพสูงเพื่อผู้ใช้รถชาวไทยและผู้ใช้รถทั่วโลกได้ทันความต้องการมากขึ้น ทั้งนี้ตลอดระยะเวลาเกือบ 50 ปีนับตั้งแต่เปิดสายการผลิตครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2506 จนถึงปี พ.ศ. 2555 โรงงานอีซูซุในประเทศไทยสามารถผลิตรถอีซูซุไปกว่า3 ล้านคันแล้ว”
นายฮิโรชิ นาคางาวะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เปิดเผยว่า ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตที่สำคัญของอีซูซุ ล่าสุดได้ลงทุน 6,500 ล้านบาท สร้างโรงงานผลิตรถยนต์อีซูซุแห่งใหม่ที่นิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ซิตี้ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตอีก 120,000คันต่อปี แบ่งเป็นปิกอัพ90,000คัน และรถบรรทุกขนาดกลางและขนาดใหญ่อีก 30,000คัน
อีซูซุมั่นใจในศักยภาพของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และจะมีการลงทุนใหม่ๆเกิดขึ้นอย่างแน่นอน อย่างปิกอัพดีแมคซ์ที่จะมีกำลังการผลิตรวม 400,000 คันต่อปี แต่ในอนาคตก็มีแผนเพิ่มกำลังผลิตเป็น 500,000 คันต่อปี ซึ่งในขณะที่นี้อยู่ระหว่างการตัดสินใจของบริษัทแม่ประเทศญี่ปุ่นว่าจะพร้อมลงทุนเมื่อไหร่
“การลงทุนเพิ่มเติมต้องมาลงที่โรงงานแห่งใหม่ที่นิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ เพราะยังมีศักยภาพในการผลิตอีกมาก ในส่วนของเมืองไทยก็อยากให้ลงทุนพร้อมเพิ่มกำลังการผลิตให้เร็วที่สุด เพื่อรองรับตลาดในประเทศและส่งออกที่กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น แต่ทั้งนี้การลงทุนใหม่จะเริ่มเมื่อไหร่ต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของบริษัทแม่ประเทศญี่ปุ่น”
นายนาคางาวะ กล่าวว่า ที่ผ่านมาบริษัทลงทุนด้านการวิจัยและการพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตรถอีซูซุอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งการเปิดโรงงานแห่งใหม่และเริ่มเดินสายการผลิตไปตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา จะช่วยคลี่คลายปัญหายอดค้างส่งมอบปิกอัพดีแมคซ์ในปี 2555 ที่มีมากกว่า 200,000คันได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกันโรงงานผลิตแห่งใหม่จะเข้ามาเสริมศักยภาพในการผลิตปิกอัพดีแมคซ์เพื่อส่งออกไปยัง107ประเทศทั่วโลก ซึ่งในปัจจุบันมีสัดส่วนการส่งออกอยู่ที่ 40% จากกำลังการผลิตทั้งหมด ส่วนปีนี้บริษัทคาดว่าจะส่งออกได้ 140,000 - 150,000 คัน
สำหรับภาพรวมตลาดรถยนต์ไทยปี 2555 น่าจะทำยอดขายได้ถึง1.4 ล้านคัน โดยการเติบโตระดับสูงเป็นผลมาจากโครงการคืนภาษีรถยนต์คันแรกของรัฐบาล ทั้งนี้บริษัทคาดว่านโยบายดังกล่าวจะดึงกำลังซื้อในปี 2556 มาอยู่ในปีนี้ ส่งผลให้ยอดขายรถยนต์รวมปีหน้า มีแนวโน้มลดลง 5 - 10%
วานนี้ (29ต.ค.)กลุ่มอีซูซุในประเทศไทย ทำพิธีเปิดโรงงานผลิตรถอีซูซุแห่งใหม่ ที่นิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ซิตี้ จังหวัดฉะเชิงเทราอย่างเป็นทางการ หลังลงทุนไป 6,500 ล้านบาทเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตปิกอัพ “ดีแมคซ์” อีก90,000 คันต่อปี รวมถึงรถบรรทุกขนาดกลางและรถบรรทุกขนาดใหญ่อีก 30,000 คันต่อปี(ย้ายไลน์ผลิตมาจากโรงงานสำโรง)
นายมาโคโตะ คาวาฮาระ ประธาน บริษัท อีซูซุมอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า โรงงานผลิตรถอีซูซุแห่งใหม่ ที่นิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ นับเป็นโรงงานที่ทันสมัยที่สุดของอีซูซุ มีพนักงานรวม 1,800 คน ในจำนวนนี้ 800 คนเป็นพนักงานใหม่ ครอบคลุมการผลิตรถปิกอัพ รถบรรทุกขนาดกลาง และรถบรรทุกขนาดใหญ่ ดังนั้นเมื่อรวมกับกำลังการผลิตของโรงงานเดิม (สำโรง สมุทรปราการ)ส่งผลให้บริษัทสามารถผลิตรถเพื่อการพาณิชย์อีซูซุ ได้มากกว่า 430,000 แสนคันต่อปี
“ด้วยกระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพสูง จะช่วยให้กลุ่มอีซูซุในประเทศไทยที่เกี่ยวข้องกับการผลิต การพัฒนา การจัดจำหน่าย รวมถึงการส่งออก สามารถขยายธุรกิจในการส่งมอบยานพาหนะคุณภาพสูงเพื่อผู้ใช้รถชาวไทยและผู้ใช้รถทั่วโลกได้ทันความต้องการมากขึ้น ทั้งนี้ตลอดระยะเวลาเกือบ 50 ปีนับตั้งแต่เปิดสายการผลิตครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2506 จนถึงปี พ.ศ. 2555 โรงงานอีซูซุในประเทศไทยสามารถผลิตรถอีซูซุไปกว่า3 ล้านคันแล้ว”
นายฮิโรชิ นาคางาวะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เปิดเผยว่า ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตที่สำคัญของอีซูซุ ล่าสุดได้ลงทุน 6,500 ล้านบาท สร้างโรงงานผลิตรถยนต์อีซูซุแห่งใหม่ที่นิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ซิตี้ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตอีก 120,000คันต่อปี แบ่งเป็นปิกอัพ90,000คัน และรถบรรทุกขนาดกลางและขนาดใหญ่อีก 30,000คัน
อีซูซุมั่นใจในศักยภาพของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และจะมีการลงทุนใหม่ๆเกิดขึ้นอย่างแน่นอน อย่างปิกอัพดีแมคซ์ที่จะมีกำลังการผลิตรวม 400,000 คันต่อปี แต่ในอนาคตก็มีแผนเพิ่มกำลังผลิตเป็น 500,000 คันต่อปี ซึ่งในขณะที่นี้อยู่ระหว่างการตัดสินใจของบริษัทแม่ประเทศญี่ปุ่นว่าจะพร้อมลงทุนเมื่อไหร่
“การลงทุนเพิ่มเติมต้องมาลงที่โรงงานแห่งใหม่ที่นิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ เพราะยังมีศักยภาพในการผลิตอีกมาก ในส่วนของเมืองไทยก็อยากให้ลงทุนพร้อมเพิ่มกำลังการผลิตให้เร็วที่สุด เพื่อรองรับตลาดในประเทศและส่งออกที่กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น แต่ทั้งนี้การลงทุนใหม่จะเริ่มเมื่อไหร่ต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของบริษัทแม่ประเทศญี่ปุ่น”
นายนาคางาวะ กล่าวว่า ที่ผ่านมาบริษัทลงทุนด้านการวิจัยและการพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตรถอีซูซุอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งการเปิดโรงงานแห่งใหม่และเริ่มเดินสายการผลิตไปตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา จะช่วยคลี่คลายปัญหายอดค้างส่งมอบปิกอัพดีแมคซ์ในปี 2555 ที่มีมากกว่า 200,000คันได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกันโรงงานผลิตแห่งใหม่จะเข้ามาเสริมศักยภาพในการผลิตปิกอัพดีแมคซ์เพื่อส่งออกไปยัง107ประเทศทั่วโลก ซึ่งในปัจจุบันมีสัดส่วนการส่งออกอยู่ที่ 40% จากกำลังการผลิตทั้งหมด ส่วนปีนี้บริษัทคาดว่าจะส่งออกได้ 140,000 - 150,000 คัน
สำหรับภาพรวมตลาดรถยนต์ไทยปี 2555 น่าจะทำยอดขายได้ถึง1.4 ล้านคัน โดยการเติบโตระดับสูงเป็นผลมาจากโครงการคืนภาษีรถยนต์คันแรกของรัฐบาล ทั้งนี้บริษัทคาดว่านโยบายดังกล่าวจะดึงกำลังซื้อในปี 2556 มาอยู่ในปีนี้ ส่งผลให้ยอดขายรถยนต์รวมปีหน้า มีแนวโน้มลดลง 5 - 10%