xs
xsm
sm
md
lg

อีซูซุเดินเครื่องเต็มพิกัด ผลิต-สินค้าชนทุกสนาม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ครบรอบ 1 ปี การเปิดตัวโฉมใหม่ปิกอัพ "อีซูซุ ดีแมคซ์" ไปสดๆ ร้อนๆ เมื่อวันที่ 29 กันยายนที่ผ่านมา พร้อมกับการสร้างความสำเร็จให้กับตนเอง จากการตอบรับของผู้บริโภคในไทย เห็นได้จากทำสถิติยอดจองกว่า 15,000 คัน ภายในระยะเวลาหลังเปิดตัวเพียง 3 วัน จากรุ่นเดิมที่ว่าเยี่ยมแล้ว 10 วัน 10,000 คัน และตลอดปีของทำตลาด ยังได้เกิดปรากฏการณ์ใหม่ มียอดขายและค้างส่งมอบกว่า 200,000 คัน

ในการก้าวสู่ปีที่ 2 จึงน่าสนใจว่าอีซูซุจะทำอย่างไร? ไม่ว่าจะเป็นปัญหาของการผลิต ที่จะต้องเร่งและเพิ่มการผลิตรถ เพื่อส่งมอบรถได้เร็วขึ้น เรื่องของผลิตภัณฑ์ใหม่ กิจกรรมการตลาด รวมถึงความพร้อมสู้ศึกในประเทศ และการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี(AEC) โดยทั้งหมด... "เอช. นาคางาวะ" กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ที่นานๆ ครั้งจะมาไขคำตอบครบทุกประเด็นเช่นนี้…
... เอช. นาคางาวะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์
"ก่อนอื่นต้องขอโทษลูกค้าของอีซูซุที่ต้องรอรถนาน ซึ่งด้วยรูปลักษณ์ เทคโนโลยี และสมรรถนะของดีแมคซ์โฉมใหม่ จึงได้การตอบรับจากลูกค้ามาก แม้ช่วงเปิดตัวจะประสบกับวิกฤตอุทกภัยครั้งใหญ่ แต่เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้คนไทยได้เห็นประโยชน์ของปิกอัพมากยิ่งขึ้น และยังสร้างกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอีกด้วย เช่น กลุ่มผู้ใช้รถเก๋ง หรือผู้ที่ไม่เคยสัมผัสปิกอัพมาก่อนให้หันมาสนใจ จนเกิดปรากฏการณ์มียอดขายและค้างส่งมอบกว่า 200,000 คัน ในระยะเวลาเพียง 1 ปี มากสุดเป็นประวัติศาสตร์ 55 ปี ของการดำเนินธุรกิจอีซูซุในไทย"

นั่นเป็นประโยคแรกของนาคางาวะ ซึ่งไม่เพียงจะกล่าวขอโทษ และพยายามอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นให้ลูกค้าเข้าใจ แต่สิ่งสำคัญเห็นคำมั่น ว่าจะพยายามเร่งแก้ปัญหาการค้างส่งมอบให้เข้าสู่สภาวะปกติเร็วที่สุด โดยเฉพาะนับตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไป ที่อีซูซุจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตปิกอัพ ได้อย่างน้อยอีกปีละเป็นแสนคัน

โดยตั้งแต่เดือนตุลาคมนี้เป็นต้นไป โรงงานแห่งใหม่ที่นิคมอุตสาหกรรมเกตุเวย์ จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งมีมูลค่าลงทุนกว่า 6,500 ล้านบาท จะเริ่มการผลิตปิกอัพอีซูซุ ดีแมคซ์ โฉมใหม่เพิ่มอีกแห่ง ด้วยกำลังการผลิต 100,000 คันต่อปี ซึ่งเมื่อรวมกับกำลังการผลิตโรงงานเดิมที่สำโรง จังหวัดสมุทรปราการ จำนวน 200,000 คันต่อปี จะทำให้อีซูซุมีกำลังการผลิตรวมทั้งสองแห่ง 300,000 คันต่อปี

"หลังโรงงานแห่งใหม่ที่เกตุเวย์ เริ่มดำเนินการผลิต เชื่อว่าจะสามารถเร่งการส่งมอบรถลูกค้าได้เร็วขึ้นแน่นอน จากปัจจุบันลูกค้าต้องรอรับรถนาน 3-4 เดือน แต่คงยังไม่สามารถระบุหรือกำหนดเวลาชัดเจนได้ เพราะกำลังการผลิตส่วนหนึ่ง จะถูกแบ่งไปรองรับการส่งออกด้วย"

เมื่อถามถึงโอกาสที่อีซูซุจะก้าวขึ้นมา เป็นผู้นำตลาดปิกอัพในไทย เพราะจากผลการตอบรับอย่างมากของลูกค้า และอีซูซุได้มีการเปิดโรงงานผลิตแห่งใหม่เพิ่ม เรื่องนี้นาคางาวะชี้แจงว่า สถานการณ์ปัจจุบันไม่ใช่การทำตลาดแข่งขันกัน กลับเป็นอยู่ที่แต่ละยี่ห้อจะสามารถผลิตได้มากน้อยเท่าไหร่ และแน่นอนอีซูซุคงสู้ได้ในเรื่องนี้ เพราะมีกำลังการผลิตเพียง 300,000 คันต่อปีเท่านั้น

"สิ่งสำคัญสำหรับอีซูซุ คือการเร่งเพิ่มการผลิตให้เพียงพอกับความต้องการ และสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นก่อนและหลังการขาย โดยปัจจุบันอีซูซุมีโชว์รูมและศูนย์บริการกว่า 300 แห่ง ซึ่งถือว่าครอบคลุมทั่วประเทศ แต่บางพื้นที่ยังไม่เพียงพอกับตลาด ก็กำลังพิจารณาดูอยู่เช่นกัน ขณะเดียวกันยังจะมีกิจกรรมการตลาด ไม่ว่าจะสร้างแบรนด์ และความสัมพันธ์ การเข้าหาลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ รวมถึงให้เรียนรู้ทำความเข้าใจ และใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีใหม่ๆ ของปิกอัพอีซูซุ ดีแมคซ์ โฉมใหม่ได้สูงสุด"

ทั้งนี้ตลอดปีที่ผ่านมาอีซูซุได้จัดกิจกรรมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแคมเปญส่งเสริมการขาย โรดโชว์ตามสถานที่ต่างๆ ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม หรือการเปิดตัว "บอย-ปกรณ์" เป็นพรีเซนเตอร์อีซูซุ ดีแมคซ์ วี-ครอส 4x4 และจัดประกวดกิจกรรมกาตลาด เพื่อเข้าถึงโดนใจกลุ่มเจนเนอเรชั่นวาย

นอกจากนี้ยังมีการจัดทดสอบสมรรถนะของดีแมคซ์ใหม่ ทั้งพาสื่อมวลชนไปขับรถที่ประเทศจีนระยะทาง 3,400 กิโลเมตร รวมถึงให้ผู้ใช้รถอีซูซุได้แสดงถึงความประหยัดของปิกอัพดีแมคซ์ใหม่ ด้วยการขับรถน้ำมันถังเดียวเที่ยวจีน 3 มณฑล ระยะทาง 1,230 กิโลเมตร และกิจกรรม "อีซซุ ไดร์ฟวิ่งคลับ" เที่ยวสบายได้ความรู้เรื่องประหยัดน้ำมันกับเทคโนโลยี "อีซูซุอินไซท์" สำหรับผู้ใช้รถดีแมคซ์โฉมใหม่ และในปีที่ 2 อีซูซุยังจะจัดกิจกรรมต่อเนื่องอีกแน่นอน

"ล่าสุดอีซูซุได้จัดกิจกรรมช่วยพัฒนาการขับขี่ในชีวิตประจำวันของผู้ใช้รถ กับโครงการ "อีซูซุอินไซท์ ขับประหยัดอัจฉริยะทั่วไทย" เริ่มจากผู้ใช้รถดีแมคซ์โฉมใหม่ทุกรุ่นทุกคัน เพียงนำรถเข้าเช็คตามระยะขั้นต่ำ 5,000 กิโลเมตรขึ้นไปที่ศูนย์บริการอีซูซุ และขอรายงาน "อีซูซุอินไซท์" หากทำคะแนนได้ 90-95 คะแนน รับบัตรกำนัลอีซูซุ 5,000 บาท(เพียงครั้งเดียว) 96-100 คะแนน รับบัตรกำนัล 10,000 บาท(เพียงครั้งเดียว) และหากทำคะแนน 90-100 คะแนนได้ 3 ครั้งติดต่อกัน จะได้รับบัตรกำนัลพิเศษมูลค่ารางวัลละ 30,000 บาท โดยเริ่มตั้งแต่ 13 ตุลาคม 2555 - 30 มีนาคม 2556"

ในส่วนของรถยนต์ใหม่ๆ ที่แนะนำสู่ตลาด นาคางาวะบอกว่าดีแมคซ์ใหม่เพิ่งเปิดตัวสู่ตลาด และได้รับการตอบรับอย่างมาก จึงยังไม่มีการปรับโฉมแน่นอน ขณะที่ปัจจุบันบริษัทรถยนต์แนะนำปิกอัพที่ใช้พลังงานก๊าซธรรมชาติ หรือซีเอ็นจี(CNG) ติดตั้งจากโรงงานสู่ตลาดมากขึ้น เรื่องนี้อีซูซุมีการศึกษาอยู่เช่นกัน แต่ขณะนี้ตลาดไม่ได้โตมากนัก ปิกอัพใช้น้ำมันดีเซลตลาดยังมีความต้องการมากกว่า อีซูซุจึงจะยังคงมุ่งไปตรงนี้อยู่ก่อน

"เกี่ยวกับอีซูซุ มิว-7 โฉมใหม่ เรายังยืนยันตามที่ประกาศไว้ว่า ในช่วง 2 ปีหลังจากเปิดตัวปิกอัพอีซูซุ ดีแมคซ์ โฉมใหม่ จะยังไม่มีการแนะนำโมเดลใหม่ของรถอเนกประสงค์รุ่นมิว-7 สู่ตลาด แต่หลังจากเดือนกันยายนปีหน้าค่อยมาดูกันอีกที" นาคางาวะกล่าว

สำหรับประเด็นการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน หรือเออีซี (AEC) ในปี 2558 ที่กำลังพูดถึงกันมากขณะนี้ นาคางาวะบอกว่าถือเป็นการเปิดเสรีหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะเรื่องของระบบขนส่ง หรือโลจิสติกส์ และปัจจุบันบริษัทขนส่งของไทยมีมาตรฐานที่สูงมาก ทำให้โอกาสของธุรกิจนี้ขยายตัวมากยิ่งขึ้น นั่นจะส่งผลต่อการอุตสาหกรรมและตลาดรถบรรทุกเป็นอย่างมาก

"หากเทียบกับปิกอัพแล้ว รถบรรทุกจะมีโอกาสมากต่อบทบาทของเออีซี ที่จะส่งผลให้การขนส่งเสรีและมีระยะที่ไกลมากขึ้น โดยรถบรรทุกอีซูซุปัจจุบันได้รับการตอบรับดีเช่นกัน มียอดค้างส่งมอบพอสมควร ซึ่งขณะนี้ได้ย้ายการผลิตจากสำโรง ไปยังโรงงานเกตุเวย์แห่งใหม่ จะทำให้การผลิตเพิ่มเป็น 30,000 คัน จากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 17,000 คัน จึงเชื่อมั่นว่าจะรองรับตลาดที่เติบโต และการเข้าสู่เออีซีได้พอสมควร"

เรียกว่าเป็นการเปิดเผยทุกรายละเอียดของอีซูซุอย่างมาก เพราะนานๆ ครั้งนายใหญ่ของค่ายนี้ จะมานั่งให้สัมภาษณ์แบบเต็มอิ่มเช่นนี้ และคงจะทำให้บรรดาลูกค้าทั้งหลาย และผู้ที่กำลังจะตัดสินใจเป็นลูกค้าใหม่ ได้ทราบถึงแนวทางของอีซูซุพอสมควร....



กำลังโหลดความคิดเห็น