xs
xsm
sm
md
lg

เร่งพัฒนากองทัพ7ข้อ รับประชาคมอาเซียน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เมื่อเวลา 12.30 น. วานนี้ (25ต.ค.) ที่กระทรวงกลาโหม พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังการประชุมสภากลาโหม ที่มีพล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม เป็นประธาน ว่า ก่อนการประชุมสภากลาโหม ได้มีการประชุม เพื่อวางแนวทางการปฏิบัติงานในปีงบประมาณ 2556 เนื่องจากมีการแต่งตั้งโยกย้ายตำแหน่งหน้าที่ของหน่วยต่างๆ และระดับรองลงไปประมาณ 1 เดือนแล้ว จึงต้องมีการกำหนดทิศทางให้เกิดความเข้าใจตรงกันว่า กระทรวงกลาโหมจะมีแนวทางการปฏิบัติงานใหม่ต่อไปข้างหน้าอย่างไร โดยมีปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ผู้บัญชาการของหน่วยรองของเหล่าทัพต่างๆ นายทหารชั้นนายพลหรือเทียบเท่า มาพร้อมกัน ณ ห้องยุทธนาธิการ ในศาลาว่าการกลาโหม รวมทั้งห้องประชุมที่ตั้งหน่วย ด้วยระบบวิดิโอ คอนเฟอร์เรนซ์ ซึ่งที่ผ่านมาการปฏิบัติงานของทุกหน่วยเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และเป็นไปตามนโยบายที่รมว.กลาโหมมอบไว้ เช่น การปกป้องพิทักษ์เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ การช่วยเหลือประชาชน, การแก้ปัญหาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ การรักษาความมั่นคงทางทะเล หรือการเฝ้าตรวจทางอากาศ อย่างไรก็ตาม ยังต้องมีการปรับปรุง ริเริ่ม ให้เกิดความเป็นสากลและมีความพร้อมในการรับมือกับภัยคุกคามในทุกรูปแบบ ทั้งนี้ งานสำคัญที่ต้องปรับปรุง ริเริ่มมีทั้งหมด 7 ข้อ คือ
1. พลังงานทดแทนในหน่วยทหาร โดยกรมการพลังงานทหารต้องเป็นหน่วยนำและแบบอย่างในการใช้พลังงานทดแทนในหน่วยทหาร ซึ่งมีนโยบายให้ใช้พื้นที่ในหน่วยทหารให้เกิดประโยชน์ด้วยการติดตั้งเซลล์แสงอาทิตย์ หน่วยละ 1 จุด เพื่อประหยัดงบประมาณพลังงานไฟฟ้า
2. พื้นที่ฝึกของกองทัพไทย ควรเน้นพื้นที่พัฒนาร่วมกัน และมีพื้นที่ฝึกที่ชัดเจนเป็นส่วนรวม เช่น บ้านด่านลานหอย จ.สุโขทัย โดยให้เหล่าทัพต่างๆ ไปขยายผลเพื่อให้ทุกเหล่าทัพมีพื้นที่ฝึกเป็นของตนเอง
3. พัฒนาระบบกำลังสำรอง การฝึก รด. ต้องจริงจัง มีคุณภาพทดแทนกำลังประจำการได้ในยามปกติ
4. แนวทางการแต่งตั้งนายทหารชั้นประทวนเป็นนายทหารสัญญาบัตร เพื่อตอบแทนคุณงามความดีแก่กำลังพลชั้นผู้น้อย โดยพิจารณาจากผลการปฏิบัติงาน อายุ และความสำคัญของตำแหน่งซึ่งจะให้คณะกรรมการพิจารณาศึกษา โดยขั้นต้นจะให้ผู้มีอายุ 55 ปีขึ้นไป จากตำแหน่งจ่าพิเศษของแต่ละเหล่าทัพที่มีความเหมาะสม
5. การวิจัยและพัฒนาของเหล่าทัพ ภาคเอกชน และ สทป. เพื่อระดมพลังสมองพัฒนายุทโธปกรณ์ใช้งาน ลดอัตราการสิ้นเปลือง โดยพึ่งพาตนเองโดยไม่ต้องจัดหาจากต่างประเทศ เพื่อประหยัดงบประมาณของรัฐบาล
6. การช่วยเหลือทหารผ่านศึก เนื่องจากโรงพยาบาลทหารผ่านศึกแห่งใหม่ ยังขาดเครื่องมือและครุภัณฑ์ทางการแพทย์ ต้องใช้งบประมาณ 200 กว่าล้านบาท จึงขอให้ทุกเหล่าทัพระดมศักยภาพของเหล่าทัพ เพื่อสนับสนุนการจัดสร้าง
7. การปรับโครงสร้างของกองทัพไทย ถือเป็นเรื่องใหญ่ โดยกองทัพต้องมีโครงสร้างที่กะทัดรัด ชัดเจน อ่อนตัว ที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม พร้อมรับมือกับภัยคุกคามในรูปแบบต่างๆเพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนโดยการปรับโครงสร้างเน้นโครงสร้างอัตรากำลังพล เพื่อให้เกิดความสมดุลสามารถปฏิบัติงานได้ตามสถานการณ์ปัจจุบัน

** จับมืออย.คุมสารตั้งต้นผลิตยาเสพติด
พ.อ.ธนาธิป ยังกล่าวถึงกรณี โรงงานเภสัชกรรมทหาร ศูนย์การอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและพลังงานทหาร (รภท.ศอพท.) ได้ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เมื่อวันที่ 26 ก.ย.ที่ผ่านมา ให้เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายสารซูโดอีเฟดรีน ซึ่งเป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ที่ใช้ในทางการแพทย์ นั้น เนื่องจากที่ผ่านมามีผู้นำสารซูโดอีเฟดรีนไปใช้เป็นสารตั้งต้นในการผลิตสารเสพติด ทั้งนี้ การที่โรงงานเภสัชกรรมทหารฯได้รับการพิจารณาให้เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายในครั้งนี้ สืบเนื่องจากโรงงานเภสัชกรรมทหารฯ เป็นโรงงานผลิตยาแห่งเดียวของรัฐ ที่มีผลการประเมินอยู่ในขั้นดีเยี่ยมมาโดยตลอด และมีเป้าหมายตั้งค่าตัวชี้วัดด้านการควบคุมการรั่วไหลสารซูโดอีเฟดรีนให้มีค่าเป็นศูนย์ โดยมีระบบการควบคุมตั้งแต่การจัดซื้อวัตถุดิบ การเก็บรักษา กระบวนการผลิต และการจำหน่าย ให้กับโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงกลาโหม ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยรมว.กลาโหม ขอให้สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม โดยโรงงานเภสัชกรรมทหารฯ ควบคุมคุณภาพการผลิต ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล รวมถึงมาตรการในการควบคุมการรั่วไหลในทุกขั้นตอนอย่างรัดกุม เพื่อมิให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องนำสารซูโดอีเฟดรีน ไปใช้เป็นสารตั้งต้นในการผลิตสารเสพติด โดยเด็ดขาด

**นำเทคโนโลยี3จีประยุกต์ใช้กับกองทัพ
นอกจากนี้ ระบบเทคโนโลยีการสื่อสาร ที่จะเข้ามามีบทบาทสำคัญมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะโทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบ 3G ที่มีจุดเด่น คือ การเชื่อมต่อ และการรับส่งข้อมูล แบบไร้สายด้วยความเร็วสูง ทำให้ประสิทธิภาพในการรับส่งข้อมูลต่างๆ รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งจะทำให้สามารถเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ได้ในลักษณะแบบ Real Time และส่งผลให้ระบบเศรษฐกิจการเมืองสังคม และวัฒนธรรม รวมทั้งสภาวะแวดล้อมด้านความมั่นคง เกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก กระทรวงกลาโหม ในฐานะเป็นหน่วยงานหลักด้านความมั่นคง ควรจะต้องปรับตัวให้ทันกับนวัตกรรมที่เปลี่ยนแปลง รวมทั้งเรียนรู้ และป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น จากเทคโนโลยีการสื่อสารดังกล่าว โดยเฉพาะการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร ที่ส่งผลกระทบต่อสถาบันฯ และความสงบสุขของสังคม ซึ่ง รมว.กลาโหม ขอให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม และเหล่าทัพ ได้ให้ความสำคัญกับระบบเทคโนโลยีการสื่อสารดังกล่าว พร้อมทั้งนำไปประยุกต์ใช้ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อกองทัพ และการสื่อสารด้านความมั่นคงต่อไป

**สั่งเข้มห้ามยุ่งค้าอาวุธสงคราม

พ.อ.ธนาธิป ยังกล่าวถึงกรณี เจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าตรวจยึดกระสุน วัตถุระเบิด และชิ้นส่วนประกอบของอาวุธสงครามได้เป็นจำนวนมาก ที่บริเวณแฟลตเอื้ออาทรปัญญา - รามอินทรา เขตคลองสามวา กทม. เมื่อต้นเดือนต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งผลการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในขั้นต้นพบว่า กระสุน วัตถุระเบิด และชิ้นส่วนประกอบของอาวุธสงครามที่ตรวจยึดได้ หลายรายการมีหมายเลขกำกับและคาดว่าอาจจะถูกขโมยมาจากหน่วยงานราชการ
ดังนั้นทาง รมว.กลาโหม จึงขอให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม และเหล่าทัพ กำชับให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้ปฏิบัติให้เป็นไปตามระเบียบของทางราชการ ที่ได้กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งสอดส่องดูแลข้าราชการภายในหน่วย มิให้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการค้าอาวุธสงครามโดยเด็ดขาด
กำลังโหลดความคิดเห็น