ASTV ผู้จัดการรายวัน – หุ้นไทยรูด 15 จุด ลดลงตามตลาดหุ้นอื่นๆในต่างประเทศ อีกทั้งถูกแรงกดดันจากแรงเทขายหุ้นมือถือ หลังการประมูล3G ส่อแวว!อาจโดนล้ม และแรงเทขายจากหุ้นกลุ่มแบงก์ที่ผลประกอบการไม่เป็นดังคาดหวัง โบรกฯประเมินเป็นช่วงปรับฐานของหุ้นไทย ทำให้หุ้นหลายตัวราคาถูกลงและน่าเข้าซื้อ
ตลาดหุ้นไทยวานนี้( 24ต.ค.) ปรับตัวในแดนลบเช่นเดียวกับตลาดอื่นในภูมิภาค โดยปิดที่ระดับ 1,295.00 จุด ลดลง 15.42 จุด หรือ -1.18% มูลค่าการซื้อขาย 37,958.52 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงสุดที่ระดับ1,307.85 จุด ต่ำสุดของวันอยู่ที่ 1,291.36 จุด
สาเหตุสำคัญ เชื่อว่าเกิดจากภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ดี อีกทั้งยังมีแรงเทขายออกมาจากหุ้นในกลุ่มสื่อสาร ต่อการประมูล 3G เมื่อเร็วๆนี้ เนื่องจากหลายฝ่ายกังวลว่าอาจต้องล้มเลิกการประมูล นอกจากนี้ยังมีแรงเทขายออกมาจากหุ้นในกลุ่มธนาคาร หลังสถาบันการเงินหลายแห่งแถลงผลประกอบการไตรมาส3/55 ออกมาไม่เป็นไปดังที่คาดหวังไว้
หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงวานนี้ เพิ่มขึ้น 156 หลักทรัพย์ ลดลง 431 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 117 หลักทรัพย์
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ BBL มูลค่าการซื้อขาย 3,023.75 ล้านบาท ปิดที่ 178.00 บาท ลดลง 6.00 บาท ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 1,909.61 ล้านบาท ปิดที่ 203.00 บาท ลดลง 9.00 บาท CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,284.05 ล้านบาท ปิดที่ 40.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,230.08 ล้านบาท ปิดที่ 158.00 บาท ลดลง 3.50 บาท TRUE มูลค่าการซื้อขาย 1,229.35 ล้านบาท ปิดที่ 5.45 บาท ลดลง 0.30 บาท
นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้บริหารสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์และกลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย)กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่อยู่ในแดนลบ เนื่องจาก Sentiment ตลาดต่างประเทศที่เข้ามารบกวน จากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯที่ออกมาไม่ดี และการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐก็ยังต้องเผชิญกับมรสุมเศรษฐกิจ รวมทั้งปัญหาหนี้ในยุโรปที่ยังไม่มีอะไรดีขึ้น
ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศ การที่ดัชนีปรับตัวลง มองว่าเป็นการปรับฐานระยะสั้น อีกทั้งรับแรงกดดันจากการเทขายหุ้นในกลุ่มสื่อสาร อันเนื่องมาจากประเด็นความขัดแย้งในเรื่องการประมูล 3G และหุ้นธนาคารพาณิชย์บางแห่งที่ผลประกอบการไม่ดีเท่าที่ควร
สำหรับทิศทางการลงทุนในวันนี้ (25ต.ค.) ปัจจัยในประเทศขณะนี้ ยังมีเรื่องรบกวนจากที่จะมีการชุมนุมทางการเมือง ตรงนี้ประเมินว่าคงจะรบกวนจิตใจนักลงทุนเล็กน้อย แต่คิดว่าการชุมนุมคงจะไม่มีเหตุรุนแรง ทำให้แนวโน้มการลงทุนในวันนี้ ดัชนีคงจะยังมีโอกาสอ่อนตัวลง ถ้าตลาดสหรัฐฯยังปรับตัวลงต่อ แต่เชื่อไม่มีนัยต่อตลาดหุ้นประเทศไทยมากนัก
“ตลาดฯยังน่าสนใจเมื่อดัชนีฯปรับตัวลงมาแถวแนวรับที่ 1,290-1,280 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,300-1,310 จุด ในทางกลยุทธ์แนะขายเมื่อราคาปรับตัวขึ้น และซื้อเมื่อราคาปรับตัวลง โดยหุ้นบิ๊กแคปที่โดนแรงขายมากยังน่าสนใจลงทุน”
ตลาดหุ้นไทยวานนี้( 24ต.ค.) ปรับตัวในแดนลบเช่นเดียวกับตลาดอื่นในภูมิภาค โดยปิดที่ระดับ 1,295.00 จุด ลดลง 15.42 จุด หรือ -1.18% มูลค่าการซื้อขาย 37,958.52 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงสุดที่ระดับ1,307.85 จุด ต่ำสุดของวันอยู่ที่ 1,291.36 จุด
สาเหตุสำคัญ เชื่อว่าเกิดจากภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ดี อีกทั้งยังมีแรงเทขายออกมาจากหุ้นในกลุ่มสื่อสาร ต่อการประมูล 3G เมื่อเร็วๆนี้ เนื่องจากหลายฝ่ายกังวลว่าอาจต้องล้มเลิกการประมูล นอกจากนี้ยังมีแรงเทขายออกมาจากหุ้นในกลุ่มธนาคาร หลังสถาบันการเงินหลายแห่งแถลงผลประกอบการไตรมาส3/55 ออกมาไม่เป็นไปดังที่คาดหวังไว้
หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงวานนี้ เพิ่มขึ้น 156 หลักทรัพย์ ลดลง 431 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 117 หลักทรัพย์
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ BBL มูลค่าการซื้อขาย 3,023.75 ล้านบาท ปิดที่ 178.00 บาท ลดลง 6.00 บาท ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 1,909.61 ล้านบาท ปิดที่ 203.00 บาท ลดลง 9.00 บาท CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,284.05 ล้านบาท ปิดที่ 40.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,230.08 ล้านบาท ปิดที่ 158.00 บาท ลดลง 3.50 บาท TRUE มูลค่าการซื้อขาย 1,229.35 ล้านบาท ปิดที่ 5.45 บาท ลดลง 0.30 บาท
นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้บริหารสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์และกลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย)กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่อยู่ในแดนลบ เนื่องจาก Sentiment ตลาดต่างประเทศที่เข้ามารบกวน จากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯที่ออกมาไม่ดี และการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐก็ยังต้องเผชิญกับมรสุมเศรษฐกิจ รวมทั้งปัญหาหนี้ในยุโรปที่ยังไม่มีอะไรดีขึ้น
ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศ การที่ดัชนีปรับตัวลง มองว่าเป็นการปรับฐานระยะสั้น อีกทั้งรับแรงกดดันจากการเทขายหุ้นในกลุ่มสื่อสาร อันเนื่องมาจากประเด็นความขัดแย้งในเรื่องการประมูล 3G และหุ้นธนาคารพาณิชย์บางแห่งที่ผลประกอบการไม่ดีเท่าที่ควร
สำหรับทิศทางการลงทุนในวันนี้ (25ต.ค.) ปัจจัยในประเทศขณะนี้ ยังมีเรื่องรบกวนจากที่จะมีการชุมนุมทางการเมือง ตรงนี้ประเมินว่าคงจะรบกวนจิตใจนักลงทุนเล็กน้อย แต่คิดว่าการชุมนุมคงจะไม่มีเหตุรุนแรง ทำให้แนวโน้มการลงทุนในวันนี้ ดัชนีคงจะยังมีโอกาสอ่อนตัวลง ถ้าตลาดสหรัฐฯยังปรับตัวลงต่อ แต่เชื่อไม่มีนัยต่อตลาดหุ้นประเทศไทยมากนัก
“ตลาดฯยังน่าสนใจเมื่อดัชนีฯปรับตัวลงมาแถวแนวรับที่ 1,290-1,280 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,300-1,310 จุด ในทางกลยุทธ์แนะขายเมื่อราคาปรับตัวขึ้น และซื้อเมื่อราคาปรับตัวลง โดยหุ้นบิ๊กแคปที่โดนแรงขายมากยังน่าสนใจลงทุน”
