จนท.พิสูจน์หลักฐาน 7 นำกำลังพร้อมหมายค้นบุกเข้าค้นเพื่อหาวัตถุพยานเพิ่มในบ้าน "หมอสุพัฒน์" อีกรอบ พร้อมนำตัว “นายแง-กะลา” 2 ชาวพม่ามาชี้จุดประกอบสำนวนคดีอีกครั้ง เผย "นายแง" เป็นชาวพม่าพยานปากสำคัญอีกรายที่เป็นลูกจ้างในไร่ "หมอสุพัฒน์" ที่ออกมาแฉว่าถูกหมอสั่งให้ไปเก็บ "นายกะลา" เพื่อหวังฆ่าปิดปาก แต่ด้วยความมีสำนึกที่นายกะลา พาเข้ามาทำงานจึงบอกให้ไปหลบซ้อนตัว ก่อนถูกลูกน้องหมอพาไปหลบที่ประจวบฯ และถูกตำรวจควบคุมตัวในเวลาต่อมา
เมื่อเวลา 13.00 น.วานนี้ (16 ต.ค.) พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุขแสวง รอง ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี พ.ต.อ.อดิชัย กัณฐา นักวิทยาศาสตร์ สบ.4 กลุ่มผู้เชี่ยวชาญ ศพฐ.7 พ.ต.อ.สมภพ เองสมบุญ นักวิทยาศาสตร์ สบ.4 กลุ่มผู้เชี่ยวชาญ ศพฐ.7 และ พ.ต.ท.ประสงค์ สุขแสวง รอง ผกก.สส.สภ.ท่าไม้รวก พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้นำหมายศาลจังหวัดเพชรบุรี ลงวันที่ 16 ต.ค.2555 เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 65 หมู่ 2 ต.กลัดหลวง อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี ซึ่งเป็นบ้านพักของ พ.ต.อ.นายแพทย์สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ เพื่อตรวจหาวัตถุพยานที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมเพื่อนำไปประกอบสำนวนคดีเกี่ยวกับเครื่องกระสุนและอาวุธปืนที่เคยตรวจค้นพบในบ้านพักหลังดังกล่าวของ พ.ต.อ.นายแพทย์สุพัฒน์ โดยมีนายสม แดงกล่ำ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 เป็นตัวแทนรับหมายค้น
จากการตรวจค้นภายในห้องนอนจุดที่เคยพบปืนยาวซุกซ่อนอยู่ในตู้ไม้เดิมและภายในห้องเก็บของพบลำกล้องปืนไรเฟิล ซองกระสุนเอ็ม 16 จำนวน 2 ซอง กระสุนปืนเอ็ม 16 ที่ดัดแปลง ซีโหลดเป็นไรเฟิล อีกจำนวนมาก กระสุนปืนขนาด .223 .308 และ .375 อีกจำนวนหนึ่ง ที่มีทั้งกระสุนใช้แล้วและยังไม่ได้ใช้งาน จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ส่วนในตัวบ้านอีกห้องพบอุปกรณ์การทำกระสุน และสิ่งผิดกฎหมายเกี่ยวกับอาวุธปืนอีกหลายรายการจึงเก็บไว้เป็นหลักฐานเพื่อนำไปตรวจสอบกับอาวุธปืนที่เคยตรวจค้นได้
ต่อมาเวลา 15.00 น. พ.ต.อ.สมเดช ฐิตวัฒนะสกุล รอง ผบก.ภจว.เพชรบุรี ได้นำตัวนายแง ชาวพม่า และนายกะลา มายังบ้านหลังดังกล่าวเพื่อทำการชี้จุดประกอบสำนวนคดีตามคำให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยนายแง เป็นแรงงานชาวพม่าที่ถูก พ.ต.อ.นายแพทย์สุพัฒน์ สั่งให้ไปฆ่าเพื่อหวังปิดปากนายกะลา หลังจากเป็นข่าวโด่งดังกรณีพบรถของสองสามีภรรยาที่บ้านพัก จ.นนทบุรี
โดยนายแง เป็นแรงงานชาวพม่าที่เข้ามาทำงานกับ พ.ต.อ.นายแพทย์สุพัฒน์ ได้ประมาณ 1 ปี 6 เดือน ซึ่งมีนายกะลา ชักชวนมาให้ทำงานอยู่กับ พ.ต.อ.นายแพทย์สุพัฒน์ โดยประมาณ 2 วันก่อนที่ พ.ต.อ.นายแพทย์สุพัฒน์ จะถูกควบคุมตัวไปนั้นซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ผู้สื่อข่าวไปพบกับนายกะลา พยานคนสำคัญเกี่ยวกับคดีนี้ที่หนีเข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่ในป่าที่ไร่บนพื้นที่บ้านวังข้าวสาร หมู่ 10 ต.กลัดหลวง โดยวันนั้น พ.ต.อ.นายแพทย์สุพัฒน์ ได้ขับรถลงมาเพื่อตามหาตัวนายกะลา แต่ตามหาไม่พบ จึงได้เรียกนายแง ที่กำลังนอนหลับอยู่บนที่นอนที่อยู่ภายในโรงรถ และได้มาพูดคุยกันโดย พ.ต.อ.นายแพทย์สุพัฒน์ ได้บอกกล่าวให้นายแง นำอาวุธปืนไปยิงนายกะลา เพื่อหวังปิดปาก พร้อมกับพาไปหยิบอาวุธปืนขนาด .38 ที่อยู่ในห้องภายในตัวบ้านให้กับนายแง ซึ่งหลังจากได้อาวุธปืนแล้วนายแง ก็ขี่รถจักรยานยนต์เพื่อจะไปที่ไร่บนตามคำสั่งของ พ.ต.อ.สุพัฒน์ ที่ใช้ไปยิงนายกะลา
แต่ด้วยความที่นายแง มีจิตสำนึกว่านายกะลา เป็นลูกพี่เนื่องจากพามาฝากเข้าทำงานจึงได้โทรศัพท์มาบอกกับ พ.ต.อ.นายแพทย์สุพัฒน์ว่า รถจักรยานยนต์คันที่ขี่ไปนั้นเสียไม่สามารถขี่ต่อไปได้ แต่ในขณะเดียวกันนายแง ก็ได้โทรศัพท์ไปบอกนายกะลา ที่อยู่ไร่บนว่าไม่ปลอดภัยอย่าลงมาด้านล่างเป็นอันขาด เนื่องจากหมอจะฆ่านายกะลา และเมื่อนายกะลา รู้ว่าตัวเองจะถูกฆ่าก็เลยหนีเข้าไปแอบอยู่ในป่า จนกระทั่งนักข่าวไปพบจึงยอมออกจากที่ซ่อนและหลังจากทำงานไม่สำเร็จ พ.ต.อ.นายแพทย์สุพัฒน์ ได้สั่งให้นายแก้ว ลูกน้องคนสนิทนำตัวนายแง หนีไปกบดานอยู่ในพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจตามไปพบตัวในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร ขณะที่ไปต่อวีซ่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ควบคุมตัวไปยังตำรวจภูธรภาค 7 เพื่อสอบปากคำและนำมาชี้จุดประกอบคำในการในครั้งนี้
นายกะลา เปิดเผยว่า สำหรับนายแง เป็นเพื่อนชาวพม่าที่ตนชักชวนมาอยู่ด้วยพร้อมกับเพื่อนชาวพม่าอีก 3 คน ซึ่งมาทำงานอยู่กับ พ.ต.อ.นายแพทย์สุพัฒน์ มาได้ 1 ปี 6 เดือน โดยนายแง นับถือนายกะลา ให้เป็นลูกพี่ ซึ่งวันเกิดเหตุนั้นขณะที่ตนอยู่ในไร่บน บ้านวังข้าวสาร นายแง ได้โทรศัพท์มาบอกว่าให้ทราบว่าหมอสุพัฒน์ ให้นำอาวุธปืนมายิงเพื่อที่จะฆ่าปิดปาก พร้อมกับให้ระวังตัวอย่าลงมาไร่ล่าง ซึ่งเป็นบ้านที่หมออาศัยอยู่และเมื่อได้ยินดังนั้นก็รู้สึกกลัวจึงหนีเข้าป่าไป อีกทั้งพยายามโทรศัพท์ติดต่อกับนายแง แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ และมาเจอกันอีกครั้งเมื่อตอนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวนายแง มาสอบปากคำ จึงรู้ว่า พ.ต.อ.นายแพทย์สุพัฒน์ เป็นคนสั่งให้นายแง ไปยิงหวังฆ่าตนให้ตาย และทราบว่าวันที่เกิดเหตุนายแง ได้พูดจาโกหก พ.ต.อ.นายแพทย์สุพัฒน์ว่า รถเสียขี่ไปไม่ได้ หมอจึงโทรศัพท์ตามตัวให้กลับมาที่บ้านพักแล้วให้นายแก้ว พาหนีไปกบดานในพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์
เมื่อเวลา 13.00 น.วานนี้ (16 ต.ค.) พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุขแสวง รอง ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี พ.ต.อ.อดิชัย กัณฐา นักวิทยาศาสตร์ สบ.4 กลุ่มผู้เชี่ยวชาญ ศพฐ.7 พ.ต.อ.สมภพ เองสมบุญ นักวิทยาศาสตร์ สบ.4 กลุ่มผู้เชี่ยวชาญ ศพฐ.7 และ พ.ต.ท.ประสงค์ สุขแสวง รอง ผกก.สส.สภ.ท่าไม้รวก พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้นำหมายศาลจังหวัดเพชรบุรี ลงวันที่ 16 ต.ค.2555 เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 65 หมู่ 2 ต.กลัดหลวง อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี ซึ่งเป็นบ้านพักของ พ.ต.อ.นายแพทย์สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ เพื่อตรวจหาวัตถุพยานที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมเพื่อนำไปประกอบสำนวนคดีเกี่ยวกับเครื่องกระสุนและอาวุธปืนที่เคยตรวจค้นพบในบ้านพักหลังดังกล่าวของ พ.ต.อ.นายแพทย์สุพัฒน์ โดยมีนายสม แดงกล่ำ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 เป็นตัวแทนรับหมายค้น
จากการตรวจค้นภายในห้องนอนจุดที่เคยพบปืนยาวซุกซ่อนอยู่ในตู้ไม้เดิมและภายในห้องเก็บของพบลำกล้องปืนไรเฟิล ซองกระสุนเอ็ม 16 จำนวน 2 ซอง กระสุนปืนเอ็ม 16 ที่ดัดแปลง ซีโหลดเป็นไรเฟิล อีกจำนวนมาก กระสุนปืนขนาด .223 .308 และ .375 อีกจำนวนหนึ่ง ที่มีทั้งกระสุนใช้แล้วและยังไม่ได้ใช้งาน จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ส่วนในตัวบ้านอีกห้องพบอุปกรณ์การทำกระสุน และสิ่งผิดกฎหมายเกี่ยวกับอาวุธปืนอีกหลายรายการจึงเก็บไว้เป็นหลักฐานเพื่อนำไปตรวจสอบกับอาวุธปืนที่เคยตรวจค้นได้
ต่อมาเวลา 15.00 น. พ.ต.อ.สมเดช ฐิตวัฒนะสกุล รอง ผบก.ภจว.เพชรบุรี ได้นำตัวนายแง ชาวพม่า และนายกะลา มายังบ้านหลังดังกล่าวเพื่อทำการชี้จุดประกอบสำนวนคดีตามคำให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยนายแง เป็นแรงงานชาวพม่าที่ถูก พ.ต.อ.นายแพทย์สุพัฒน์ สั่งให้ไปฆ่าเพื่อหวังปิดปากนายกะลา หลังจากเป็นข่าวโด่งดังกรณีพบรถของสองสามีภรรยาที่บ้านพัก จ.นนทบุรี
โดยนายแง เป็นแรงงานชาวพม่าที่เข้ามาทำงานกับ พ.ต.อ.นายแพทย์สุพัฒน์ ได้ประมาณ 1 ปี 6 เดือน ซึ่งมีนายกะลา ชักชวนมาให้ทำงานอยู่กับ พ.ต.อ.นายแพทย์สุพัฒน์ โดยประมาณ 2 วันก่อนที่ พ.ต.อ.นายแพทย์สุพัฒน์ จะถูกควบคุมตัวไปนั้นซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ผู้สื่อข่าวไปพบกับนายกะลา พยานคนสำคัญเกี่ยวกับคดีนี้ที่หนีเข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่ในป่าที่ไร่บนพื้นที่บ้านวังข้าวสาร หมู่ 10 ต.กลัดหลวง โดยวันนั้น พ.ต.อ.นายแพทย์สุพัฒน์ ได้ขับรถลงมาเพื่อตามหาตัวนายกะลา แต่ตามหาไม่พบ จึงได้เรียกนายแง ที่กำลังนอนหลับอยู่บนที่นอนที่อยู่ภายในโรงรถ และได้มาพูดคุยกันโดย พ.ต.อ.นายแพทย์สุพัฒน์ ได้บอกกล่าวให้นายแง นำอาวุธปืนไปยิงนายกะลา เพื่อหวังปิดปาก พร้อมกับพาไปหยิบอาวุธปืนขนาด .38 ที่อยู่ในห้องภายในตัวบ้านให้กับนายแง ซึ่งหลังจากได้อาวุธปืนแล้วนายแง ก็ขี่รถจักรยานยนต์เพื่อจะไปที่ไร่บนตามคำสั่งของ พ.ต.อ.สุพัฒน์ ที่ใช้ไปยิงนายกะลา
แต่ด้วยความที่นายแง มีจิตสำนึกว่านายกะลา เป็นลูกพี่เนื่องจากพามาฝากเข้าทำงานจึงได้โทรศัพท์มาบอกกับ พ.ต.อ.นายแพทย์สุพัฒน์ว่า รถจักรยานยนต์คันที่ขี่ไปนั้นเสียไม่สามารถขี่ต่อไปได้ แต่ในขณะเดียวกันนายแง ก็ได้โทรศัพท์ไปบอกนายกะลา ที่อยู่ไร่บนว่าไม่ปลอดภัยอย่าลงมาด้านล่างเป็นอันขาด เนื่องจากหมอจะฆ่านายกะลา และเมื่อนายกะลา รู้ว่าตัวเองจะถูกฆ่าก็เลยหนีเข้าไปแอบอยู่ในป่า จนกระทั่งนักข่าวไปพบจึงยอมออกจากที่ซ่อนและหลังจากทำงานไม่สำเร็จ พ.ต.อ.นายแพทย์สุพัฒน์ ได้สั่งให้นายแก้ว ลูกน้องคนสนิทนำตัวนายแง หนีไปกบดานอยู่ในพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจตามไปพบตัวในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร ขณะที่ไปต่อวีซ่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ควบคุมตัวไปยังตำรวจภูธรภาค 7 เพื่อสอบปากคำและนำมาชี้จุดประกอบคำในการในครั้งนี้
นายกะลา เปิดเผยว่า สำหรับนายแง เป็นเพื่อนชาวพม่าที่ตนชักชวนมาอยู่ด้วยพร้อมกับเพื่อนชาวพม่าอีก 3 คน ซึ่งมาทำงานอยู่กับ พ.ต.อ.นายแพทย์สุพัฒน์ มาได้ 1 ปี 6 เดือน โดยนายแง นับถือนายกะลา ให้เป็นลูกพี่ ซึ่งวันเกิดเหตุนั้นขณะที่ตนอยู่ในไร่บน บ้านวังข้าวสาร นายแง ได้โทรศัพท์มาบอกว่าให้ทราบว่าหมอสุพัฒน์ ให้นำอาวุธปืนมายิงเพื่อที่จะฆ่าปิดปาก พร้อมกับให้ระวังตัวอย่าลงมาไร่ล่าง ซึ่งเป็นบ้านที่หมออาศัยอยู่และเมื่อได้ยินดังนั้นก็รู้สึกกลัวจึงหนีเข้าป่าไป อีกทั้งพยายามโทรศัพท์ติดต่อกับนายแง แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ และมาเจอกันอีกครั้งเมื่อตอนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวนายแง มาสอบปากคำ จึงรู้ว่า พ.ต.อ.นายแพทย์สุพัฒน์ เป็นคนสั่งให้นายแง ไปยิงหวังฆ่าตนให้ตาย และทราบว่าวันที่เกิดเหตุนายแง ได้พูดจาโกหก พ.ต.อ.นายแพทย์สุพัฒน์ว่า รถเสียขี่ไปไม่ได้ หมอจึงโทรศัพท์ตามตัวให้กลับมาที่บ้านพักแล้วให้นายแก้ว พาหนีไปกบดานในพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์