สมุทรปราการ- สภ.บางปูวิสามัญคนร้ายปล้นร้านทองเยาวราชสาขา 8 เสียชีวิต 1 ราย เจ็บ 1 ราย หลังก่อเหตุสวมหมวกไหมพรม สวมเสื้อเกราะ ยิงอาสาสมัครจราจรเสียชีวิต ก่อนกวาดทองรูปพรรณน้ำหนัก 130 บางมูลค่ากว่า 3 ล้านบาท มุ่งหน้าตลาดบางปูแลนด๋แต่หนีไม่รอด ถูกสกัดจับและยิงต่อสู้ จึงถูกวิสามัญดังกล่าว
วานนี้ (15 ต.ค.) พ.ต.ท.ปภาน วงศ์ชนเดช สารวัตรเวรสภ.บางปู รับแจ้งเหตุคนร้าย 2คนใช้อาวุธปืนปล้นห้างทองเยาวราช สาขาที่8 ในบางปูนคร ม.7 ต.บางปูใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ใช้รถจยย.หลบหนีมุ่งหน้าถ.สุขุมวิทขาออก และมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 ราย จึงแจ้งไปยังพ.ต.อ.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผกก.สภ.บางปู พ.ต.ท.พิสุทธิ์ จันทร์สุวรรณ รองผกก.สส. พ.ต.ท.สุรพงค์ ธรรมมาพิทักษ์ รอง ผกก.ป. และเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สายตรวจ และจราจร ร่วมสกัดจับกุม
ในที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ 4 ชั้นด้านล่างเปิดเป็นร้านขายทอง ชื่อห้างทองเยาวราชสาขาที่ 8 เลขที่ 212-212/1 พบกระจกหน้าร้านแตก และพบผู้บาดเจ็บเป็นชาย ชื่อ นายสมนึก จังพาณิชย์ อายุ 60 ปี ซึ่งเป็นอาสาสมัครจราจร(อส.จร.) ที่คอยดูแลร้านทองดังกล่าวถูกยิงด้วยอาวุธ ขนาด 9 มม.เข้าที่บริเวณหน้าอก 4 นัด แขนขวา 2 นัดนอนหงายจมกองเลือดที่หน้าร้าน เจ้าหน้าที่จึงได้ให้มูลนิธิรีบนำตัวส่งแพทย์ที่โรงพยาบาลรัทรินทร์และเสียชีวิตในเวลาต่อมา นอกจากนี้ยังพบปลอกกระสุนปืนขนาดเดียวกันตกอยู่ที่พื้นจำนวน 9 ปลอกเจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวนนายสุวรรณ จูทะสมภากร อายุ 52 ปี เจ้าของห้างทองดังกล่าว ให้การว่า ขณะที่ตนกำลังนั่งอยู่ในร้าน คนร้ายเป็นชาย 2 คนสวมหมวกไหมพรมคลุมหน้าไม่สวมหมวกกันน๊อค สวมกางเกงยีนส์ขายาว รองเท้าผ้าใบ สวมเสื้อเกราะคลุมทับ ขับรถจยย.ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น เวฟ 100 ทะเบียน อฉจ-192 กทม.มาจอดที่หน้าร้าน ก่อนคนซ้อนจะลงจากรถชักอาวุธปืนยิงใส่อส.จร.ที่เฝ้าร้านประจำจนได้รับบาดเจ็บ และยิงใส่เข้ามาในร้าน 1 นัด จากนั้นก็เข้ามากวาดทองในตู้ใส่กระเป๋าสะพาย และขับรถจยย.หลบหนี ขณะนั้นได้มีพลเมืองแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ทราบ
ขณะที่กำลังสอบสวนที่เกิดเหตุอยู่นั้นพ.ต.อ.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผกก.สภ.บางปู พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวคนร้ายไว้ได้โดยคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้เจ้าหน้าที่บริเวณหน้าตลาดบางปูแลนด์ เป็นเหตุให้คนซ้อนท้ายถูกยิงที่ต้นขาและเฉี่ยวคอ จนรถจยย.เสียหลักล้ม ทำให้คนร้ายที่เป็นคนขับวิ่งหนีหลบเข้าไปในป่าหญ้าข้างทางแต่สุดท้ายไปไม่รอดถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงจนเสียชีวิต
ต่อมา เมื่อเวลา 12.00 น. วันเดียวกัน พล.ต.ท.นเรศ นันทโชติ ผบช.ภ.1 พร้อม พล.ต.ต.ธัชชัย หงษ์ทอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ พ.ต.อ.วสันต์ บุญเจริญ รองผบก. พ.ต.อ.วสันต์ เตชะอัครเกษม ผกก.สส.พ.ต.ท.กฤตยา เลาประสพวัฒนา รองผกก.สส. เดินทางเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุบริเวณป่าหญ้าตรงข้ามตลาดบางปูแลนด์ ซึ่งคนร้ายถูกยิงเสียชีวิต 1 ราย สภาพศพนอกหงายสวมหมวกคลุมหน้า สวมเสื้อเกราะกันกระสุน มือขวายังกำอาวุธปืนขนาด 11 มม.ไว้ ถูกยิงเข้าที่บริเวณท้อง 2 นัด แขน 2 นัดเสียชีวิต ส่วนผู้บาดเจ็บชื่อนายอานนท์ แซ่ล้อ อายุ 22 ปีเป็นชาวราชบุรี นอกจากนี้ยังพบของกลางเป็นทองรูปพรรณน้ำหนักราว 130 บาท มูลค่าประมาณ 3 ล้านบาทใส่อยู่ในกระเป๋าสะพายสีดำ อาวุธปืนขนาด 9 มม. 1 กระบอก
พล.ต.ต.ธัชชัย หงษ์ทอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ประสานกำลังทุกฝ่ายเพื่อไล่ล่าจับกุมคนร้ายด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากถนนสุขุมวิทที่คนร้ายใช้หลบหนีมีการสัญจรหนาแน่น โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที จึงจับกุมได้ ซึ่งการปล้นในครั้งนี้พบว่าคนร้ายเตรียมการณ์เป็นอย่างดีทั้งอาวุธปืน เสื้อเกราะกันกระสุนและรถจยย.ที่ใช้ก่อเหตุก็มีการโจรกรรมมาอีกที แต่เนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้มีการฝึกซ้อมแผนเผชิญเหตุตามนโยบายของผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค1 ไปเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา จึงทำให้การประสานงานต่างๆในการจับกุมคนร้ายเป็นไปด้วยความรวดเร็ว.
วานนี้ (15 ต.ค.) พ.ต.ท.ปภาน วงศ์ชนเดช สารวัตรเวรสภ.บางปู รับแจ้งเหตุคนร้าย 2คนใช้อาวุธปืนปล้นห้างทองเยาวราช สาขาที่8 ในบางปูนคร ม.7 ต.บางปูใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ใช้รถจยย.หลบหนีมุ่งหน้าถ.สุขุมวิทขาออก และมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 ราย จึงแจ้งไปยังพ.ต.อ.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผกก.สภ.บางปู พ.ต.ท.พิสุทธิ์ จันทร์สุวรรณ รองผกก.สส. พ.ต.ท.สุรพงค์ ธรรมมาพิทักษ์ รอง ผกก.ป. และเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สายตรวจ และจราจร ร่วมสกัดจับกุม
ในที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ 4 ชั้นด้านล่างเปิดเป็นร้านขายทอง ชื่อห้างทองเยาวราชสาขาที่ 8 เลขที่ 212-212/1 พบกระจกหน้าร้านแตก และพบผู้บาดเจ็บเป็นชาย ชื่อ นายสมนึก จังพาณิชย์ อายุ 60 ปี ซึ่งเป็นอาสาสมัครจราจร(อส.จร.) ที่คอยดูแลร้านทองดังกล่าวถูกยิงด้วยอาวุธ ขนาด 9 มม.เข้าที่บริเวณหน้าอก 4 นัด แขนขวา 2 นัดนอนหงายจมกองเลือดที่หน้าร้าน เจ้าหน้าที่จึงได้ให้มูลนิธิรีบนำตัวส่งแพทย์ที่โรงพยาบาลรัทรินทร์และเสียชีวิตในเวลาต่อมา นอกจากนี้ยังพบปลอกกระสุนปืนขนาดเดียวกันตกอยู่ที่พื้นจำนวน 9 ปลอกเจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวนนายสุวรรณ จูทะสมภากร อายุ 52 ปี เจ้าของห้างทองดังกล่าว ให้การว่า ขณะที่ตนกำลังนั่งอยู่ในร้าน คนร้ายเป็นชาย 2 คนสวมหมวกไหมพรมคลุมหน้าไม่สวมหมวกกันน๊อค สวมกางเกงยีนส์ขายาว รองเท้าผ้าใบ สวมเสื้อเกราะคลุมทับ ขับรถจยย.ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น เวฟ 100 ทะเบียน อฉจ-192 กทม.มาจอดที่หน้าร้าน ก่อนคนซ้อนจะลงจากรถชักอาวุธปืนยิงใส่อส.จร.ที่เฝ้าร้านประจำจนได้รับบาดเจ็บ และยิงใส่เข้ามาในร้าน 1 นัด จากนั้นก็เข้ามากวาดทองในตู้ใส่กระเป๋าสะพาย และขับรถจยย.หลบหนี ขณะนั้นได้มีพลเมืองแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ทราบ
ขณะที่กำลังสอบสวนที่เกิดเหตุอยู่นั้นพ.ต.อ.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผกก.สภ.บางปู พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวคนร้ายไว้ได้โดยคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้เจ้าหน้าที่บริเวณหน้าตลาดบางปูแลนด์ เป็นเหตุให้คนซ้อนท้ายถูกยิงที่ต้นขาและเฉี่ยวคอ จนรถจยย.เสียหลักล้ม ทำให้คนร้ายที่เป็นคนขับวิ่งหนีหลบเข้าไปในป่าหญ้าข้างทางแต่สุดท้ายไปไม่รอดถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงจนเสียชีวิต
ต่อมา เมื่อเวลา 12.00 น. วันเดียวกัน พล.ต.ท.นเรศ นันทโชติ ผบช.ภ.1 พร้อม พล.ต.ต.ธัชชัย หงษ์ทอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ พ.ต.อ.วสันต์ บุญเจริญ รองผบก. พ.ต.อ.วสันต์ เตชะอัครเกษม ผกก.สส.พ.ต.ท.กฤตยา เลาประสพวัฒนา รองผกก.สส. เดินทางเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุบริเวณป่าหญ้าตรงข้ามตลาดบางปูแลนด์ ซึ่งคนร้ายถูกยิงเสียชีวิต 1 ราย สภาพศพนอกหงายสวมหมวกคลุมหน้า สวมเสื้อเกราะกันกระสุน มือขวายังกำอาวุธปืนขนาด 11 มม.ไว้ ถูกยิงเข้าที่บริเวณท้อง 2 นัด แขน 2 นัดเสียชีวิต ส่วนผู้บาดเจ็บชื่อนายอานนท์ แซ่ล้อ อายุ 22 ปีเป็นชาวราชบุรี นอกจากนี้ยังพบของกลางเป็นทองรูปพรรณน้ำหนักราว 130 บาท มูลค่าประมาณ 3 ล้านบาทใส่อยู่ในกระเป๋าสะพายสีดำ อาวุธปืนขนาด 9 มม. 1 กระบอก
พล.ต.ต.ธัชชัย หงษ์ทอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ประสานกำลังทุกฝ่ายเพื่อไล่ล่าจับกุมคนร้ายด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากถนนสุขุมวิทที่คนร้ายใช้หลบหนีมีการสัญจรหนาแน่น โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที จึงจับกุมได้ ซึ่งการปล้นในครั้งนี้พบว่าคนร้ายเตรียมการณ์เป็นอย่างดีทั้งอาวุธปืน เสื้อเกราะกันกระสุนและรถจยย.ที่ใช้ก่อเหตุก็มีการโจรกรรมมาอีกที แต่เนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้มีการฝึกซ้อมแผนเผชิญเหตุตามนโยบายของผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค1 ไปเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา จึงทำให้การประสานงานต่างๆในการจับกุมคนร้ายเป็นไปด้วยความรวดเร็ว.