ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- “ผบช.ภ.3” เค้นสอบหัวโจกตัววางแผนและสนับสนุนอาวุธทีมคนร้ายก่อเหตุปล้นโหดร้านทองเยาวราช จ.สมุทรปราการ หลังจนมุมตำรวจที่ จ.บุรีรัมย์ โดยผู้ต้องหายังปากแข็งปฏิเสธ อ้างไม่รู้เห็นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะ ผบช.ภ.3 มั่นใจพยานหลักฐานที่ตำรวจมีจะมัดตัวดิ้นไม่หลุดแน่ พร้อมส่งให้ตำรวจท้องที่เจ้าของคดีไปดำเนินการตาม กม.
วันนี้ (16 ต.ค.) เมื่อเวลา 19.00 น.ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.ต.ท.เชิด ชูเวช ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (ผบช.ภ.3) พร้อมด้วย พล.ต.ต.ประสิทธิ์ ทำดี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 และ พ.ต.อ.ภาณุ บุรณศิริ รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 ร่วมกันสอบปากคำ นายเดชา วงศ์ที่รัก อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 40 หมู่ 8 ต.ทับสวาย อ.ห้วยแถลง จ.นครราชสีมา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรปราการ ที่ 693/2555 ลงวันที่ 16 ต.ค. 2555
ในความผิด “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ปล้นทรัพย์โดยใช้อาวุธปืน โดยใช้ยานพาหนะในการปล้นร้านทองเยาวราช สาขา 8 ภายในซอยบางปู-นคร ต.บางปูใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 15 ต.ค. ที่ผ่านมา, พยายามฆ่าเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติการตามหน้าที่, ต่อสู้ขัดขวางการจัดกุมของเจ้าพนักงาน มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวทั้งไม่มีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแห่งพฤติการณ์และมีเครื่องยุทธภัณฑ์ (เสื้อเกราะกันกระสุน) ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” พร้อมของกลางรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ แค็บ ทะเบียน ณร 9182 กรุงเทพฯ
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากช่วงเย็นวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บุรีรัมย์ ร่วมกับชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 3 ทำการสกัดจับกุมตัวได้ที่ จ.บุรีรัมย์ ขณะหลบหนีไปบ้านแฟนสาวที่ จ.ร้อยเอ็ด
พล.ต.ท.เชิด ชูเวช ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 กล่าวว่า จากการสืบสวนเบื้องต้นทราบว่านายเดชาเป็นผู้วางแผนและจัดหาอาวุธ เครื่องยุทธภัณฑ์ และอุปกรณ์ให้ทีมคนร้ายใช้ในการก่อเหตุปล้นร้านทองดังกล่าว และนายเดชายังมีพฤติกรรมชอบแอบอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย จากการสอบปากคำเบื้องต้นนายเดชาให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่าไม่รู้เห็นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และช่วงเกิดเหตุก็อยู่ที่สถานีบริการน้ำมันเนื่องจากไปซ่อมรถยนต์ขณะเดินทางไปหาแฟนสาวซึ่งทำงานอยู่ที่ จ.สมุทรปราการ
พล.ต.ท.เชิดกล่าวว่า แม้ผู้ต้องหาจะให้การปฏิเสธก็เป็นสิทธิของผู้ต้องหาที่กระทำได้ แต่ยืนยันว่าพยานหลักฐานสำคัญที่ตำรวจได้ทำการรวบรวมได้ในที่เกิดเหตุ และการสอบปากคำคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุจนนำไปสู่การออกหมายจับจะสามารถมัดตัวนายเดชาได้อย่างแน่นอน
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายเดชาไปทำการสอบสวนเพิ่มเติม ก่อนส่งต่อให้ตำรวจจังหวัดสมุทรปราการเจ้าของคดีไปดำเนินการตามกฎหมายต่อไป