ASTVผู้จัดการรายวัน-ทอท.ถกร่วมทุกหน่วยป้องกันปัญหาดอนเมืองไฟดับซ้ำ ยันสนามบินมีระบบไฟฟ้าสำรอง 30% ตามมาตรฐาน ทำความเข้าใจแผนจ่ายกระแสไฟฟ้าสำรองแต่ละเคาน์เตอร์ หากเกิดเหตุอีก
เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2555 นางภาระณี วรรธโนทัย ผู้อำนวยการท่าอากาศยานดอนเมือง บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. ได้มีการประชุมร่วมกับ การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) สายการบิน ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันหาแนวทางแก้ไขปัญหาหลังจากเกิดเหตุระบบไฟฟ้าดับภายในท่าอากาศยานดอนเมืองเมื่อช่วงเช้าวันที่ 14 ตุลาคม โดยนายภาระณีกล่าวว่า โดยปกติไฟฟ้าของท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) มีระบบไฟฟ้าสำรอง ซึ่งเมื่อระบบไฟฟ้าปกติที่รับจากการไฟฟ้านครหลวงขัดข้อง ระบบการจ่ายไฟฟ้าสำรองสนามบินจะทำงานทันทีภายใน 8 วินาที โดยมีการจ่ายไฟฟ้าสำรองร้อยละ 30 ของท่าอากาศยานซึ่งเป็นสัดส่วนที่เป็นมาตรฐาน เช่น มีการจ่ายไฟฟ้าสำรองให้แก่ระบบไฟฟ้าสนามบิน ไฟฟ้าส่องสว่าง ลิฟท์ บันไดเลื่อน เป็นต้น
โดยในการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พิจารณาการใช้ไฟฟ้าเฉลี่ยไฟฟ้าสำรองฉุกเฉินเพิ่มเติมที่จ่ายให้กับสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ที่ให้บริการผู้โดยสาร เพื่อไม่ให้เกิดการหยุดชะงักในการให้บริการ รวมทั้งอาจมีการพิจารณาติดตั้ง Generator เพิ่ม เพื่อเพิ่มศักยภาพในการจ่ายไฟฟ้าสำรองสำหรับท่าอากาศยาน โดยเฉพาะผู้ประกอบการสายการบิน และตม.ต้องพิจารณาว่าหากเกิดไฟดับ จะให้กระแสไฟฟ้าสำรองที่ท่าอากาศยานดอนเมืองจัดเตรียมไว้จ่ายไปยังเคาน์เตอร์ให้บริการไหนบ้าง เพื่อให้ระบบการเช็คอินยังสามารถใช้งานได้ตามปกติ ส่วน ตม.ก็ต้องจัดเตรียมในส่วนของเคาน์เตอร์ตรวจคนเข้าเมืองเพื่อให้กระแสไฟฟ้าสามารถจ่ายไปยังเคาน์เตอร์ให้บริการได้เช่นเดียวกัน
ส่วนจะมีการปรับเพิ่มกระแสไฟฟ้าสำรองอีกหรือไม่นั้น เบื้องต้นทางผู้ประกอบการสายการบิน ตม. และบวท. เห็นว่ากระแสไฟฟ้าเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว ดังนั้นทาง ทอท.จึงให้ทุกหน่วยงานไปพิจารณาการปรับกระแสไฟฟ้าให้สามารถใช้งานได้เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นก่อน หากต้องการกระแสไฟฟ้าเพิ่มเติมก็ค่อยจะมีการเพิ่มควบคู่กันไปในทันที สำหรับระบบ Under voltage ซึ่งเป็นระบบตัดกระแสไฟฟ้าอัตโนมัติ เมื่อมีกระแสไฟฟ้าตก กระชาก และไม่เสถียร เพื่อป้องกันไม่ให้อุปกรณ์ภายในท่าอากาศยานได้รับความเสียหายนั้น ถือว่าเป็นระบบที่มีประสิทธิภาพ ไม่จำเป็นต้องมีการปรับปรุงแก้ไขแต่อย่างไร
ซึ่งตั้งแต่เปิดให้บริการท่าอากาศยานดอนเมืองเต็มรูปแบบในวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา ยังไม่มีเหตุการณ์ที่เป็นปัญหาต่อการให้บริการผู้โดยสาร โดยมีกระแสไฟฟ้าขัดข้องครั้งนี้ ซึ่งเกิดขึ้นในระยะสั้นๆ ส่งผลให้เครื่องบินล่าช้ากว่ากำหนด ประมาณ 20-25 นาทีเท่านั้น
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อเวลา 04.50 น. วันที่ 14ตุลาคม บริเวณท่าอากาศยานดอนเมืองเกิดฝนตกหนัก และมีฟ้าแลบ ฟ้าร้อง คะนอง ลมกรรโชกแรง ทำให้กระแสไฟฟ้าที่ท่าอากาศยานดอนเมืองดับ และต้องใช้ระบบไฟสำรองแทน โดยใช้เวลาแก้ไขประมาณ 30 นาที โดยสามารถใช้งานได้ตามปกติเวลา 05.20 น. ส่งผลให้มีเที่ยวบินได้รับผลกระทบรวม 15 เที่ยวบิน ประกอบด้วย สายการบินแอร์เอเชีย 9 เที่ยวบิน เป็นเส้นทางระหว่างประเทศ 4 เที่ยวบิน ภายในประเทศ 5 เที่ยวบิน สายการบินนกแอร์ 6เที่ยวบิน โดยมีผู้โดยสารเที่ยวบินละประมาณ 130-150 คน มีผู้โดยสารได้รับผลกระทบรวมประมาณ 1,950-2,250 คน
เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2555 นางภาระณี วรรธโนทัย ผู้อำนวยการท่าอากาศยานดอนเมือง บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. ได้มีการประชุมร่วมกับ การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) สายการบิน ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันหาแนวทางแก้ไขปัญหาหลังจากเกิดเหตุระบบไฟฟ้าดับภายในท่าอากาศยานดอนเมืองเมื่อช่วงเช้าวันที่ 14 ตุลาคม โดยนายภาระณีกล่าวว่า โดยปกติไฟฟ้าของท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) มีระบบไฟฟ้าสำรอง ซึ่งเมื่อระบบไฟฟ้าปกติที่รับจากการไฟฟ้านครหลวงขัดข้อง ระบบการจ่ายไฟฟ้าสำรองสนามบินจะทำงานทันทีภายใน 8 วินาที โดยมีการจ่ายไฟฟ้าสำรองร้อยละ 30 ของท่าอากาศยานซึ่งเป็นสัดส่วนที่เป็นมาตรฐาน เช่น มีการจ่ายไฟฟ้าสำรองให้แก่ระบบไฟฟ้าสนามบิน ไฟฟ้าส่องสว่าง ลิฟท์ บันไดเลื่อน เป็นต้น
โดยในการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พิจารณาการใช้ไฟฟ้าเฉลี่ยไฟฟ้าสำรองฉุกเฉินเพิ่มเติมที่จ่ายให้กับสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ที่ให้บริการผู้โดยสาร เพื่อไม่ให้เกิดการหยุดชะงักในการให้บริการ รวมทั้งอาจมีการพิจารณาติดตั้ง Generator เพิ่ม เพื่อเพิ่มศักยภาพในการจ่ายไฟฟ้าสำรองสำหรับท่าอากาศยาน โดยเฉพาะผู้ประกอบการสายการบิน และตม.ต้องพิจารณาว่าหากเกิดไฟดับ จะให้กระแสไฟฟ้าสำรองที่ท่าอากาศยานดอนเมืองจัดเตรียมไว้จ่ายไปยังเคาน์เตอร์ให้บริการไหนบ้าง เพื่อให้ระบบการเช็คอินยังสามารถใช้งานได้ตามปกติ ส่วน ตม.ก็ต้องจัดเตรียมในส่วนของเคาน์เตอร์ตรวจคนเข้าเมืองเพื่อให้กระแสไฟฟ้าสามารถจ่ายไปยังเคาน์เตอร์ให้บริการได้เช่นเดียวกัน
ส่วนจะมีการปรับเพิ่มกระแสไฟฟ้าสำรองอีกหรือไม่นั้น เบื้องต้นทางผู้ประกอบการสายการบิน ตม. และบวท. เห็นว่ากระแสไฟฟ้าเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว ดังนั้นทาง ทอท.จึงให้ทุกหน่วยงานไปพิจารณาการปรับกระแสไฟฟ้าให้สามารถใช้งานได้เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นก่อน หากต้องการกระแสไฟฟ้าเพิ่มเติมก็ค่อยจะมีการเพิ่มควบคู่กันไปในทันที สำหรับระบบ Under voltage ซึ่งเป็นระบบตัดกระแสไฟฟ้าอัตโนมัติ เมื่อมีกระแสไฟฟ้าตก กระชาก และไม่เสถียร เพื่อป้องกันไม่ให้อุปกรณ์ภายในท่าอากาศยานได้รับความเสียหายนั้น ถือว่าเป็นระบบที่มีประสิทธิภาพ ไม่จำเป็นต้องมีการปรับปรุงแก้ไขแต่อย่างไร
ซึ่งตั้งแต่เปิดให้บริการท่าอากาศยานดอนเมืองเต็มรูปแบบในวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา ยังไม่มีเหตุการณ์ที่เป็นปัญหาต่อการให้บริการผู้โดยสาร โดยมีกระแสไฟฟ้าขัดข้องครั้งนี้ ซึ่งเกิดขึ้นในระยะสั้นๆ ส่งผลให้เครื่องบินล่าช้ากว่ากำหนด ประมาณ 20-25 นาทีเท่านั้น
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อเวลา 04.50 น. วันที่ 14ตุลาคม บริเวณท่าอากาศยานดอนเมืองเกิดฝนตกหนัก และมีฟ้าแลบ ฟ้าร้อง คะนอง ลมกรรโชกแรง ทำให้กระแสไฟฟ้าที่ท่าอากาศยานดอนเมืองดับ และต้องใช้ระบบไฟสำรองแทน โดยใช้เวลาแก้ไขประมาณ 30 นาที โดยสามารถใช้งานได้ตามปกติเวลา 05.20 น. ส่งผลให้มีเที่ยวบินได้รับผลกระทบรวม 15 เที่ยวบิน ประกอบด้วย สายการบินแอร์เอเชีย 9 เที่ยวบิน เป็นเส้นทางระหว่างประเทศ 4 เที่ยวบิน ภายในประเทศ 5 เที่ยวบิน สายการบินนกแอร์ 6เที่ยวบิน โดยมีผู้โดยสารเที่ยวบินละประมาณ 130-150 คน มีผู้โดยสารได้รับผลกระทบรวมประมาณ 1,950-2,250 คน