ASTVผู้จัดการรายวัน - ผ้าเบรก“คอมแพ็ก” ประกาศเพิ่มการผลิตเป็น150,000 ชุดต่อปี หวังยอดขายรถใหม่พุ่ง ตลาดสินค้าทดแทนผ้าเบรกจะได้ประโยชน์อีก 2-3 ปีข้างหน้า ส่วนยอดขาย 9 เดือนแรกยังโตต่อเนื่อง คาดสิ้นปีนี้ปิดตามเป้า 800 ล้านบาท โต 15% เล็ง 2 ปีลุยพม่าสร้างโรงงานผลิตใหม่เมืองทวาย
นายพัฒนะ อิสระพิทักษ์กุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานพัฒนาธุรกิจและภาพลักษณ์ บริษัท คอมแพ็คอินเตอร์เนชั่นแนล (1994) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผ้าเบรกแบรนด์ คอมแพ็ค ไดมอนด์ มูซาชิ และเคนจิ เปิดเผยว่า แม้ตลาดรถยนต์ในประเทศปีนี้จะมียอดขายสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์หรือกว่า 1 ล้านคัน แต่บริษัทไม่ได้รับอานิสงค์โดยตรง เนื่องจากเน้นทำตลาดสินค้าทดแทน (After market) หรือป้อนอู่ซ่อมและร้านอะไหล่ทั่วไป
“ตลาดรถยนต์ที่ขยายตัวสูงมากในปีนี้ เราน่าจะได้ประโยชน์ในอีก2-3 ปีข้างหน้า เพราะรถวิ่งผ่าน 50,000 กิโลเมตรแล้วต้องเปลี่ยนผ้าเบรกใหม่ แต่กระนั้นยอดขายในปัจจุบันยังคงเติบโตขึ้นเรื่อยๆ โดย 9 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-ก.ย.55) คอมแพ็คมียอดขายกว่า 700 ล้านบาท คาดว่าถึงสิ้นปีจะทำได้ตามเป้าหมาย 800 ล้านบาท เติบโต 10-15% เมื่อเทียบกับปี 2554 สอดคล้องกับการเติบโตของตลาดรวมที่ปีนี้จะมีมูลค่า2,500 ล้านบาท
นอกจากนี้ต้นปีที่ผ่านมาบริษัทได้ลงทุนไปกว่า100 ล้านบาทที่โรงงานจังหวัดเพชรบุรี เพื่อเพิ่มกำลังผลิตผ้าเบรกให้เป็น 100,000 ชุดต่อปี เมื่อรวมกับ 2 โรงงานที่กระทุ่มแบน และมหาชัย จังหวัดสมุทรสาครแล้ว ส่งผลให้ปลายเดือนตุลาคมนี้บริษัทจะมีกำลังการผลิตถึง 150,000 ชุดต่อปี ซึ่งถือเป็น 75% ของความสามารถในการผลิตทั้งหมด ขณะเดียวกันยังลงทุนอีกกว่า 100 ล้านบาท ย้ายคลังสินที่โรงงานกระทุ่มแบน รวมถึงซื้อเครื่องทดสอบที่ทันสมัย ตลอดจนปรับโครงสร้างและซอฟแวร์ใหม่รองรับ
ในส่วนของสินค้าใหม่ บริษัทเตรียมเปิดตัวผ้าเบรกระดับพรีเมียมเพื่อรองรับรถยุโรปช่วงปลายปีนี้ โดยจะทำเป็นสูตรเฉพาะแยกย่อยตามรุ่นเพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายมากขึ้น ที่สำคัญบริษัทยังย้ำเรื่องสิ่งแวดล้อม เพราะผ้าเบรกคอมแพ็คทุกชนิดทุกรุ่นที่ทำตลาดจะไม่ใช้ใยหิน ซึ่งบริษัทถือเป็นผู้ผลิตไทยรายแรกที่ลงมือทำอย่างจริงจัง
นายพัฒนะ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันกำลังเตรียมความพร้อมในการเข้าไปตั้งโรงงานผลิตผ้าเบรกแห่งใหม่ที่ นิคมอุตสาหกรรมเมืองทวาย ประเทศพม่า คาดว่าจะใช้งบลงทุนกว่า 100 ล้านบาท ขณะนี้กำลังศึกษาเรื่องข้อกฎหมายต่างๆ รวมถึงทักษะแรงงาน และระบบสาธารณูปโภคอย่างละเอียด น่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆนี้
“2 ปีข้างหน้า เราจะเปิดโรงงานที่ทวาย ด้วยงบลงทุนราว 100 ล้านบาท ระยะแรกเน้นผลิตสินค้าบางประเภท เช่น ผ้าเบรกรถจักรยานยนต์และรถบรรทุก เพื่อตอบสนองความต้องทั้งในประเทศพม่าและประเทศเป้าหมาย เนื่องจากทวายเป็นฐานที่สามารถส่งสินค้าไปตามประเทศที่อยู่รอบๆ ได้สะดวก หรือส่งไปประเทศที่ 3 เช่น บังกลาเทศ ศรีลังกา ปากีสถาน” นายพัฒนะ กล่าว
นายพัฒนะ อิสระพิทักษ์กุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานพัฒนาธุรกิจและภาพลักษณ์ บริษัท คอมแพ็คอินเตอร์เนชั่นแนล (1994) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผ้าเบรกแบรนด์ คอมแพ็ค ไดมอนด์ มูซาชิ และเคนจิ เปิดเผยว่า แม้ตลาดรถยนต์ในประเทศปีนี้จะมียอดขายสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์หรือกว่า 1 ล้านคัน แต่บริษัทไม่ได้รับอานิสงค์โดยตรง เนื่องจากเน้นทำตลาดสินค้าทดแทน (After market) หรือป้อนอู่ซ่อมและร้านอะไหล่ทั่วไป
“ตลาดรถยนต์ที่ขยายตัวสูงมากในปีนี้ เราน่าจะได้ประโยชน์ในอีก2-3 ปีข้างหน้า เพราะรถวิ่งผ่าน 50,000 กิโลเมตรแล้วต้องเปลี่ยนผ้าเบรกใหม่ แต่กระนั้นยอดขายในปัจจุบันยังคงเติบโตขึ้นเรื่อยๆ โดย 9 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-ก.ย.55) คอมแพ็คมียอดขายกว่า 700 ล้านบาท คาดว่าถึงสิ้นปีจะทำได้ตามเป้าหมาย 800 ล้านบาท เติบโต 10-15% เมื่อเทียบกับปี 2554 สอดคล้องกับการเติบโตของตลาดรวมที่ปีนี้จะมีมูลค่า2,500 ล้านบาท
นอกจากนี้ต้นปีที่ผ่านมาบริษัทได้ลงทุนไปกว่า100 ล้านบาทที่โรงงานจังหวัดเพชรบุรี เพื่อเพิ่มกำลังผลิตผ้าเบรกให้เป็น 100,000 ชุดต่อปี เมื่อรวมกับ 2 โรงงานที่กระทุ่มแบน และมหาชัย จังหวัดสมุทรสาครแล้ว ส่งผลให้ปลายเดือนตุลาคมนี้บริษัทจะมีกำลังการผลิตถึง 150,000 ชุดต่อปี ซึ่งถือเป็น 75% ของความสามารถในการผลิตทั้งหมด ขณะเดียวกันยังลงทุนอีกกว่า 100 ล้านบาท ย้ายคลังสินที่โรงงานกระทุ่มแบน รวมถึงซื้อเครื่องทดสอบที่ทันสมัย ตลอดจนปรับโครงสร้างและซอฟแวร์ใหม่รองรับ
ในส่วนของสินค้าใหม่ บริษัทเตรียมเปิดตัวผ้าเบรกระดับพรีเมียมเพื่อรองรับรถยุโรปช่วงปลายปีนี้ โดยจะทำเป็นสูตรเฉพาะแยกย่อยตามรุ่นเพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายมากขึ้น ที่สำคัญบริษัทยังย้ำเรื่องสิ่งแวดล้อม เพราะผ้าเบรกคอมแพ็คทุกชนิดทุกรุ่นที่ทำตลาดจะไม่ใช้ใยหิน ซึ่งบริษัทถือเป็นผู้ผลิตไทยรายแรกที่ลงมือทำอย่างจริงจัง
นายพัฒนะ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันกำลังเตรียมความพร้อมในการเข้าไปตั้งโรงงานผลิตผ้าเบรกแห่งใหม่ที่ นิคมอุตสาหกรรมเมืองทวาย ประเทศพม่า คาดว่าจะใช้งบลงทุนกว่า 100 ล้านบาท ขณะนี้กำลังศึกษาเรื่องข้อกฎหมายต่างๆ รวมถึงทักษะแรงงาน และระบบสาธารณูปโภคอย่างละเอียด น่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆนี้
“2 ปีข้างหน้า เราจะเปิดโรงงานที่ทวาย ด้วยงบลงทุนราว 100 ล้านบาท ระยะแรกเน้นผลิตสินค้าบางประเภท เช่น ผ้าเบรกรถจักรยานยนต์และรถบรรทุก เพื่อตอบสนองความต้องทั้งในประเทศพม่าและประเทศเป้าหมาย เนื่องจากทวายเป็นฐานที่สามารถส่งสินค้าไปตามประเทศที่อยู่รอบๆ ได้สะดวก หรือส่งไปประเทศที่ 3 เช่น บังกลาเทศ ศรีลังกา ปากีสถาน” นายพัฒนะ กล่าว
