ศาลออกหมายจับ “แม้ว” ตอกย้ำ “ความโกง” “เหลิม”เลื่อนยศ “พล.ต.อ.” ให้ “แม้ว” ตอกย้ำ “ความกร่างกากๆ”

ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-ออกนอกหน้าสมเป็นเบอร์ 1 ข้าทาสรับใช้ตระกูลชินวัตร เสียจริง เมื่อเว็บไซต์เน็กซ์มีเดีย สื่อออนไลน์ของฮ่องกง ทำการเผยแพร่คลิป นช.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคุก อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางไปฮ่องกงช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และยังมีภาพของ เป็ด เหลิม ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีปรากฏตัวอยู่ด้วย รวมไปถึงนางเยาวเรศ ชินวัตร อดีตประธานสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ และน้องสาวของ นช.ทักษิณ รวมถึงนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ พี่ชายของคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภรรยาของ นช.ทักษิณ เป็นต้น

ทั้งนี้ คลิปดังกล่าวระบุว่า นช.ทักษิณเข้าพักที่โรงแรมหรู เพนนินซูลา ย่านจิมซาจุ่ย แหล่งชอปปิงชื่อดังฝั่งเกาลูนของเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ตั้งแต่เมื่อวันที่4 ตุลาคม และเดินชมสินค้าแบรนด์เนม อาทิ ชาแนล, ปราด้า และกำลังจะเข้าแวะต่อที่ ร้านแอร์เมส แต่เปิดประตูไม่ออกเพราะร้านปิดให้บริการเสียก่อน

สำนักข่าวแอปเปิล เดลียังระบุด้วยว่า นช.ทักษิณเดินทางไปยังฮ่องกงจริง โดย นช.ทักษิณได้เดินชมร้านค้าของแบรนด์เนมที่โรงแรมเพนนินซูล่า ย่านจิมซาจุ่ย พร้อมทั้งจัดงานเลี้ยงต้อนรับพรรคพวกเพื่อนฝูงที่ระเบียงและสระน้ำบนชั้นที่ 8 ของโรงแรมเป็นเวลาติดต่อกันเป็นเวลา 2 คืน คือในช่วงค่ำของวันพฤหัสบดีที่ 4 ต.ค. และศุกร์ที่ 5 ต.ค. โดยนช.ทักษิณทุ่มเงินจำนวนมากมีแขกมาร่วมงานทั้งหมดราว 20 คน เป็นกลุ่มคนไทยกว่าครึ่งหนึ่ง ส่วนงบประมาณคาดว่าใช้ไปราว 3-4 แสนดอลลาร์ฮ่องกง หรือประมาณ 1.2-1.6 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน ที่เป็นประเด็นก็คือ ตัวละครเอกอย่างร.ต.อ.เฉลิม กลับให้สัมภาษณ์ปฏิเสธการเดินทางพาครอบครัวไปเที่ยวฮ่องกงไม่ได้พบกับ พ.ต.ท. ทักษิณ แต่เป็นคลิปตอนปลายปี 2550 ที่ชนะการเลือกตั้ง ถือเป็นคลิปเก่า

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบภาพและข้อมูลในคลิปการรายงานข่าวของแอปเปิล เดลี ว่าเป็นคลิปวิดีโอพบว่า ภาพโฆษณากระเป๋า Prada ชิ้นดังกล่าวนั้นเป็นโฆษณาคอลเลกชันกระเป๋าประจำฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาวของปี 2012 และอีกคลิปหนึ่ง ปรากฏภาพชายหน้าตาคล้าย ร.ต.อ.เฉลิมในชุดเสื้อเชิ้ตลายสกอตมายืนส่งด้วยอากัปกิริยาโซเซ พบว่า เป็นรถยนต์อเนกประสงค์แบบเอ็มพีวี (MPV หรือ multi-purpose vehicle) ยี่ห้อนิสสัน รุ่นเอลแกรนด์ (Nissan Elgrand) โดย รถยนต์นิสสัน รุ่นเอลแกรนด์ สีดำที่ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยสารคันดังกล่าว น่าจะเป็นนิสสัน เอลแกรนด์ เจเนอรชันที่ 2 ที่ใช้รหัสตัวถัง อี 51 (E51) ซึ่งวางจำหน่ายในปี 2552 หรือ ค.ศ. 2009 ถึงที่สุดแล้วก็มีหลักฐานสำคัญคือคลิปวีดีโอ จึงเป็นคำตอบได้ว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีของไทย ก็แค่เด็กเลี้ยงแกะพูดจาโกหกพกลมไปวันๆ เพียงเท่านั้น

แน่นอน คงจะไม่ใช่เรื่องผิดอะไร หากคนที่ไปแห่เยี่ยม นช.ทักษิณจะเป็นประชาชนคนธรรมดาหรือใครก็ตาม แต่ก็คงต้องยกเว้น เป็ดเหลิม ไว้ในกรณีนี้เช่นกัน เพราะสถานะของ ร.ต.อ.เฉลิม ณ เวลานี้ คือผู้ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีอำนาจกำกับดูแลตำรวจกว่า 200,000 คน ซึ่งคงไม่มีประชาชนที่บริโภคข้าวเป็นอาหาร จะไม่ลืมว่า นายใหญ่ของเป็ดเหลิม คือ นช.ทักษิณ มีสถานะเป็นนักโทษหนีคดีตามคำพิพากษาของศาลอาญาอยู่ และคงไม่ต้องบอกว่า ตามหน้าที่ที่พึงกระทำของ เป็ดเหลิม ควรจะลงทุนบินไปฮ่องกงกราบไหว้เพื่อขอตำแหน่งรัฐมนตรีหรือว่า ลากคอ นช.กลับมาไทยเพื่อมาเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายอย่างที่คนดีๆ เขาควรจะทำกัน

เพราะเป็นอันรับรู้กันดีใน ส.ส.เพื่อไทยว่า ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาฮ่องกงคึกคักเป็นพิเศษ คลาคล่ำไปด้วยรัฐมนตรีและส.ส.จากประเทศไทย ไม่ได้มีเทศกาลหรือลดกระหน่ำซัมเมอร์เซลอะไรหรอก แต่เป็นที่รู้กันดีว่า นช.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดีอาญาจากประเทศไทย เดินทางมากบดานอยู่ 3-4 วัน หากใครไม่บินไปกราบไหว้ คารวะ เชลียร์ในรอบนี้ด้วยแล้วก็อาจมีสิทธิ์ ตกขบวน ครม.ปู 3 ที่กำลังจะปรับอีกในไม่ช้านานก็เป็นได้

ขณะเดียวกัน ต้องบอกว่าการที่ เป็ดเหลิม ได้ดิบได้ดี มาจนแทบจะเป็นนายกรัฐมนตรี เบอร์ 1 ไม่ได้มาเพราะโชคช่วยอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น หากไปดูคำสัมภาษณ์ล่าสุด ของเขา หาก นช.ทักษิณ ได้ยินแล้วคงจะยิ้มแก้มแทบปริถึงรูหูเลยทีเดียว เมื่อ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง กล่าวกับนักข่าว เมื่อถูกถามว่า เลือกปฏิบัติหรือไม่เพราะคดี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่ถูกศาลฎีกาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินให้มีความผิดคดีที่ดินรัชดาฯ ก็ไม่ถูกถอดยศ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ไม่ได้เลือกปฏิบัติ เหตุที่ไม่ถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) บอกว่าไม่เข้าหลักเกณฑ์ และคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณไม่ใช่คดีปกติตามระบบแต่เกิดจากการปฏิวัติ เป็นอำนาจชั่วร้าย คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) เชื่อถือได้หรือไม่เพราะตอนหลังก็ไปขึ้นเวทีพรรคประชาธิปัตย์ ต้นไม้พิษลูกไม้ก็ต้องเป็นพิษ และถึงแม้ สตช.จะเสนอเรื่องให้ถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ตนก็จะไม่ถอดมีแต่จะเพิ่มให้เป็น พล.ต.อ. ถ้าใครไม่พอใจก็ไปอภิปรายไม่ไว้วางใจได้

พระเจ้าช่วยกล้วยทอด ไม่รู้จะสรรหาคำอะไรมาใช้กับ เป็ดเหลิม ถึงความจงรักภักดีแบบหน้ามืดผสมหน้าด้านของเขา ที่มีต่อ นช.ทักษิณ ที่หาญกล้า เหิมเกริม นอกจากจะไม่ตามจับมาเข้าสู่ตามกระบวนการยุติธรรมแล้วดันจะเลื่อนยศให้เป็น พล.ต.อ.อีกต่างหาก ซึ่งคงไม่ต้องถามว่า อะไรมันคือสิ่งที่พึงกระทำของคนที่มีจิตสำนึกเขาจะทำกัน เพราะประชาชนที่ไม่ได้บริโภคหญ้าเหมือนคนเสื้อแดง และไม่ได้เลียแข้งเลียขาเพื่อเอาความก้าวหน้าของตัวเองเป็นหลักอย่าง เป็ดเหลิม ก็ทราบกันดีว่า นช.ทักษิณ มีพฤติกรรมเลวร้ายต่อประเทศชาติอย่างไร ไม่ได้ดีเด่นนักหนาอย่างที่ เป็ดเหลิม และคนเสื้อแดง เทิดทูนบูชาแบบไม่ลืมหูลืมตาแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ถือเป็นการถูกตบหน้าเข้าฉาดใหญ่เลยทีเดียว สำหรับ เป็ดเหลิม ที่ชอบพรรณนานักหนาว่า นช.ทักษิณ เจ้านายของเขาช่างเป็นผู้ที่ดีแสนดีต่อประเทศนี้และโดนกลั่นแกล้งมาตลอด เมื่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยนาย ชัยสิทธิ์ ตราชูธรรม ประธานแผนกคดีเลือกตั้งในศาลฎีกา เจ้าของสำนวน คดีปล่อยกู้ธนาคารกรุงไทย จำกัด ( มหาชน) พร้อมองค์คณะ รวม 9 คน ออกนั่งบัลลังก์เพื่อสอบคำให้การจำเลยคดีคดีหมายเลขดำ อม.3/2555 ที่นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ 1, นาย วิโรจน์ นวลแข อดีตกรรมการผู้จัดการธนาคารกรุงไทย และบริษัทในเครือของ บริษัท กฤษดา มหานคร จำกัด (มหาชน) กับพวกรวม 27 ราย เป็นจำเลย ในความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 , ความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 , ความผิด พ.ร.บ.การธนาคารพาณิชย์ พ.ศ.2505 , ความผิด พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 และ ความผิด พ.ร.บ.บริษัท มหาชน จำกัด พ.ศ.2535

โดยองค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาฯ ได้อ่านและอธิบายคำฟ้องให้พวกจำเลยฟัง ยกเว้น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลยที่ 1 ที่ไม่เดินทางมาศาลฟังแล้วสอบถาม ปรากฏว่า พวกจำเลยให้การปฏิเสธ ศาลจึงนัดตรวจพยานหลักฐานทั้ง 2 ฝ่ายวันที่ 25 ม.ค. ศกหน้า เวลา 09.00 น. โดยให้คู่ความยื่นบัญชีระบุพยานก่อนวันนัด 14 วัน ส่วน พ.ต.ท.ทักษิณ จำเลยที่ 1 ถือว่าได้รับทราบนัดโดยชอบแล้ว มีเหตุให้สงสัยว่าจำเลยจะหลบหนี จึงให้ออกหมายจับ และให้จำหน่ายคดีในส่วนของจำเลยที่ 1 ออกจากสาระบบความชั่วคราว

ทั้งนี้ คงต้องบอกว่า ไม่เคยทราบเลยว่า คนที่หนีหมายจับของศาล มีคดีทุจริตติดตัวยาวเป็นหางว่าว ในพจนานุกรมของเป็ดเหลิมจะเรียกว่าคนดี แต่อย่ากระนั้นเลย เป็นเรื่องที่เป็ดเหลิมก็ทราบดีอยู่แก่ใจ ว่าตัวเขาเองก็มีเป้าหมายสำคัญในการจะปรับ ครม. 3 รอบนี้ซึ่ง หากไม่สำแดงเดชวิชาเชลียร์แข้งเชลียร์ขาเช่นที่ทำอยู่แล้ว ก็คงไม่มีสิทธิ์ได้รับความไว้วางใจจาก นช.ทักษิณ ให้มีอำนาจเต็มแทบจะเทียบเท่าตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ของน.ส.ยิ่งลักษณ์เลยด้วยซ้ำ

ยิ่งเมื่อไปดูคำให้สัมภาษณ์ ของนายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ด้วยแล้ว ก็จะเห็นได้ว่า เป็ดเหลิมมีอาการกระสันอยากเพียงใด เรียกว่าขยันจนทำเอาประชาชนแทบน้ำตาร่วงเลยทีเดียว

นายวิบูลย์ กล่าวว่า ในวันที่ 12 ต.ค. เวลา 13.00 น. ร.ต.อ.เฉลิม จะเข้าประชุมทางไกลร่วมกับผู้บริหารกระทรวงและผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศเป็นกรณีพิเศษ ที่กระทรวงมหาดไทย โดยประเด็นที่จะมีการพูดคุยเป็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรีมีความเป็นห่วง อาทิ โครงการรับจำนำข้าว การปราบปรามยาเสพติด ปัญหาข้อสงสัยว่าจะมีการทุจริตการเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย

ในวันดังกล่าว ร.ต.อ.เฉลิม จะมีการสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงมหาดไทย ทั้ง 3 คือ ศาลพระชัยมงคล ศาลพระกาฬไชยศรี อนุสาวรีย์สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ซึ่งมีกระแสข่าวเป็นที่รับรู้กันอย่างดีว่า ร.ต.อ.เฉลิมจะเข้ามาเป็น รมว.มหาดไทย หลังการปรับ ครม.ครั้งหน้าจะเป็นจริง เนื่องจากปกติว่ากันว่าผู้ที่ไม่มีตำแหน่งประจำที่กระทรวง จะไม่ทำพิธีไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าว

เรียกได้ว่าไม่อายหน้าอินทร์หน้าพรหม เหมือนเป็นการประกาศว่า ข้านี้แหละ ตัวจริงเสียงจริง มท.1

ยิ่งเมื่อย้อนกลับไปดูพฤติกรรม ก่อนหน้านี้ก็ยิ่งเข้าเค้าไม่น้อยเช่นกัน ทั้งสั่งตำรวจให้เลือกข้าง พา นช.ทักษิณ กลับบ้าน บินไปกราบกรานนช.ทักษิณ ถึงฮ่องกง แถมกลับมาก็ประกาศไม่อายใครว่าจะเลื่อนยศให้นช.ทักษิณ ให้เป็น พล.ต.อ.อีกด้วยซ้ำ ก็คงไม่มีเหตุผลอะไรมากไปกว่า ตำแหน่งมท.1ที่ตัวเองฝันลึกๆ อยู่แล้วว่าจะต้องกลับไปนั่งอีกสักครั้ง เพราะนี่คือวิธีที่ถนัดนักแลของ เป็ดเหลิม แต่วิชาเชลียร์ขั้นเทพของ เป็ดเหลิม จะมีอานิสงค์แค่ไหน อย่าลืมถามคนที่ชื่อ ภูมิธรรม เวชยชัย ด้วยเช่นกัน