ผมเคยคิดว่าสังคมไทยยังไม่เลวร้ายเกินไปถ้าถอดเสื้อสีออกก็ยังไม่ถึงกับเห็นหน้าแล้วรบราฆ่าฟันกัน บางครั้งถ้าเราเดินสะดุดล้มข้างถนนมือที่ฉุดให้เราลุกขึ้นอาจเป็นคนที่มีความเห็นทางการเมืองต่างกันก็ได้
แต่การปะทะกันของมวลชนสองเสื้อสีที่กลางถนนหน้ากองปราบปรามฯนั้น ทำให้ผมต้องทบทวนความคิดของตัวเองว่านับแต่นี้ไปคนไทยเราพร้อมจะฟาดฟันกันแบบตาต่อตา ต่อฟันต่อฟันเสียแล้ว
และเริ่มสงสัยว่า จริงๆ แล้วคนเสื้อแดงที่อ้างนักอ้างหนาว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตยมีความสำนึกและเข้าใจความหมายของประชาธิปไตยจริงๆ หรือ
เพราะดูเหมือนว่า ขณะนี้ได้มีการตั้งกองกำลังอันธพาลขึ้นมาข่มขู่คุกคามฝ่ายที่มีความเห็นต่างทางการเมืองเกิดขึ้นแล้ว
ถ้าทบทวนเหตุการณ์ในวันนั้น กลุ่มมวลชนที่อยู่ตรงข้ามกับคนเสื้อแดงไม่ว่ามวลชนของพันธมิตรฯ พรรคประชาธิปัตย์ ซี่งผมจะเรียกรวมๆ ว่า กลุ่มเสื้อเหลืองได้มีการนัดหมายกันอย่างกว้างขวางและเปิดเผย ทั้งในโซเชียลมีเดีย และผ่านจอทีวีของฟากฝั่งตัวเอง กระทั่งแถลงการณ์ของพันธมิตรฯ ว่าจะไปให้กำลังใจกับครูสาวที่เป็นคู่กรณีของนางดารุณี กฤตบุญญาลัย ซึ่งตอนนั้นมีข่าวในวงกว้างว่าตำรวจนัดไปรายงานตัวตามหมายเรียกในวันที่ 25 กันยายน แม้ต่อมาตำรวจแจ้งว่า ไม่ได้นัดหมายกับครูสาวในวันดังกล่าวก็ตาม
ไม่มีเหตุอะไรที่คนเสื้อแดงต้องไปในสถานที่ดังกล่าวเลย
แต่ที่ตลกก็คือ หลังเกิดเหตุการณ์ตีกันแล้ว พวกเสื้อแดงซึ่งรวมถึงพานทองแท้ ธิดาเมียเหวง และดาราเสื้อแดงอย่าง โด่ง อรรถชัย อนันตเมฆ พากันพูดแบบกลับด้านว่า คนเสื้อเหลืองเป็นฝ่ายไปหาเรื่องคนเสื้อแดง เพราะวันนั้นตำรวจนัดนางดารุณีไปให้ปากคำและคนเสื้อแดงจะไปให้กำลังใจ ส่วนคนเสื้อเหลืองนั้นไม่มีเหตุต้องไปในสถานที่ดังกล่าวเลย โดยอ้างเอาวันนัดหมายของตำรวจมาเป็นข้ออ้าง
ทั้งที่จริงแล้วไม่เคยปรากฏข่าวออกมาก่อนเลยว่า ตำรวจนัดนางดารุณีไปพบ และไม่เคยมีกระแสข่าวเลยว่าคนเสื้อแดงจะไปที่กองปราบปรามในวันดังกล่าว
ตามเหตุการณ์จริงๆ วันนั้น หลังจากตำรวจแจ้งวันนัดหมายที่แท้จริงแล้วคนเสื้อเหลืองกำลังจะพากันเดินทางกลับ แต่มีคนเสื้อแดงนำรถขยายเสียงมาจอดอยู่ฝั่งตรงข้ามของกองปราบปรามและปราศรัยโจมตีคนเสื้อเหลืองต่างๆนานา และหลังจากนั้นก็มีการยั่วยุขว้างปากันไปมา กระทั่งคนเสื้อแดงขับรถที่ติดตั้งเครื่องขยายเสียงมาจอดฝั่งที่คนเสื้อเหลืองยืนอยู่จนเกิดเหตุการณ์ทุบรถจนบานปลาย เมื่อคนเสื้อแดงกรูข้ามถนนมาตีกับฝ่ายเสื้อเหลืองที่ยืนอยู่หน้ากองปราบปราม
ใครที่อ่านหนังสือพิมพ์ไทยรัฐในวันรุ่งขึ้นจะเห็นได้ว่า หนังสือพิมพ์ไทยรัฐวันนั้นซึ่งส่วนใหญ่จะมีจุดยืนไปทางรัฐบาลและคนเสื้อแดงก็ยังบรรยายให้เห็นภาพชัดเจนว่า ฝ่ายเสื้อแดงเป็นฝ่ายที่มาก่อการหาเรื่องระรานฝ่ายเสื้อเหลืองก่อน
ทั้งยังมีหลักฐานชัดเจนว่ามีการใช้วิทยุชุมชนคนเสื้อแดง ที่นำโดยนายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือนายโกตี๋ ศรรักษ์ มาลัยทอง ปลุกระดมมวลชนด้วยข้อความเท็จกล่าวหาว่า ตั้ว ศรัณยู วงษ์กระจ่าง นำกำลังมวลชนฝ่ายเหลืองมาล้อมนางดารุณีและไล่ตีฝ่ายเสื้อแดง ทั้งๆ ที่ข้อเท็จจริงวันนั้นทั้งนางดารุณีและตั้ว ศรัณยูไม่ได้เดินทางไปในที่ดังกล่าวเลย
แต่ฝ่ายเสื้อแดงทั้งเฟซบุ๊กของพานทองแท้ ธิดาแดง และโด่ง อรรถชัย กลับพูดกลับด้านกันในวันต่อมา โดยเอากรณีที่ช่องบลูสกายและแถลงการณ์ของพันธมิตรฯ ก่อนหน้าวันเกิดเหตุการณ์ว่า เป็นหลักฐานยืนยันว่า ฝ่ายพันธมิตรฯ และช่องบลูสกายปลุกปั่นคนให้มาทุบตีกับคนเสื้อแดง
ทั้งๆ ที่เนื้อหาของฝ่ายพันธมิตรฯ และช่องบลูสกายนั้น เป็นการเชิญชวนมาให้กำลังใจครูสาวก่อนวันเกิดเหตุการณ์ไม่ใช่การปลุกปั่นไปทำร้ายกันแบบที่วิทยุชุมชนคนเสื้อแดงกระทำในวันเกิดเหตุ
ไม่อยากเชื่อว่าขนาดมีข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์มีหลักฐานมากมายว่า ฝ่ายไหนเป็นฝ่ายที่มาหาเรื่องก็ยังสามารถพูดแบบขาวเป็นดำ และพูดกลับด้านได้ขนาดนี้ จนอดคิดไม่ได้ว่าขนาดเหตุการณ์ชัดเจนเช่นนี้แล้วคนอย่างพานทองแท้(ที่ให้คนอื่นเขียนเฟซบุ๊ก) ธิดาแดงและโด่ง อรรถชัย ยังกล้าพูดโกหกได้ แล้วเรื่องอื่นที่ยิ่งกว่านี้จะไม่พูดโกหกยิ่งกว่านี้หรือ
หลังเกิดเหตุการณ์ในวันรุ่งขึ้นในโซเชียลมีเดียยังมีการแพร่ภาพ พล.ต.ท.คำรณวิทยุ ธูปกระจ่าง ยืนกอดคอโกตี๋ วุฒิพงศ์ เพื่อให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของโกตี๋ที่กำลังกร่างคับเมืองอยู่ในขณะนี้ด้วย
จากนั้นไม่กี่วันโกตี๋คนเดิมกันนี้ก็ยกพวกไปที่พรรคประชาธิปัตย์ รวมทั้งประกาศผ่านวิทยุชุมชนว่าจะยกพวกมาถล่มบ้านพระอาทิตย์ด้วย
และเมื่อสองสามวันก่อนโกตี๋คนเดียวกันนี้ได้นำกำลังไปปราศรัยโจมตีอาจารย์สถาบันนิด้าที่ออกมาคัดค้านนโยบายจำนำข้าวของรัฐบาล
นอกจากนั้นในการจัดกิจกรรมของทั้งพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และพรรคประชาธิปัตย์ในจังหวัดต่างๆ มีกองกำลังของคนเสื้อแดงไปคุกคามข่มขู่และขัดขวางการจัดงาน โดยเฉพาะการจัดรายการเสวนาของพันธมิตรฯ ที่จังหวัดอุบลราชธานีเมื่อไม่นานมานี้ ก็มีการนำกำลังไปปิดถนนไล่ทุบตีฝ่ายพันธมิตรฯ ได้รับบาดเจ็บด้วย
ความเหิมเกริมของขบวนการเสื้อแดงที่ออกมาคุ้มครองรัฐบาลชุดนี้นั้นทำให้นึกขบวนการเรดการ์ดในยุคปฏิวัติวัฒนธรรมของจีนที่ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อข่มขู่คุกคามฝ่ายตรงข้ามอันน่าสะพรึงกลัว
ความฮึกเหิมจากชัยชนะในการเลือกตั้งภายหลังการจุดไฟเผาเมือง และต่อสู้กับอำนาจรัฐด้วยกองกำลังติดอาวุธจนได้มาซึ่งอำนาจรัฐอย่างเบ็ดเสร็จทำให้มวลชนเสื้อแดงลำพองว่า ประเทศนี้ตกอยู่ในเงื้อมมือของพวกเขาอย่างสิ้นเชิง ใครขัดขวางแนวทางของคนเสื้อแดงจะต้องถูกตอบโต้แบบตาต่อตา ฟันต่อฟันเพราะถือว่าทำตัวเป็นศัตรูของคนเสื้อแดงที่กำลังเข้าใจว่าพวกเขาเป็นคนส่วนใหญ่และประเทศนี้อยู่ใต้น้ำมือของพวกเขาแต่เพียงฝ่ายเดียว
แต่เอาเข้าจริงๆ แล้วตอนนี้มวลชนเสื้อแดงนั้นเป็นมวลชนที่น่าสงสารเพราะถูกปลุกปั่นด้วยคนเสื้อแดง 2 พวก พวกหนึ่งเป็นฝ่ายเสื้อซ้ายจัดหลงยุคที่ยังยึดติดกับอุดมการณ์คอมมิวนิสต์ต้องการพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน และโค่นล้มสถาบันโดยหวังยืมมือของทักษิณและมวลชนของทักษิณกับฝ่ายเสื้อแดงที่ยึดติดในอำนาจนิยมสู้เพื่อเงินตราและอำนาจภักดี และบูชาทักษิณเป็นเทพเจ้า
พวกที่ภักดีต่อทักษิณนั้น จะต้องแสดงออกแบบที่โกตี๋กำลังกร่างคับเมืองอยู่เพราะพิสูจน์มาแล้วใครที่แสดงออกแบบนี้มักจะได้รางวัลตอบแทนจากนายใหญ่ การเอาชีวิตเข้าแลกในการเผาบ้านเผาเมืองนั้น สุดท้ายแล้วมีแต่เพียงระดับนำเท่านั้นที่ได้ดิบได้ดีเป็นอำมาตย์ ส่วนวาระเพื่อไพร่ที่เอามาปลุกปั่นคนจนนั้นจางหายไปกับสายลม คนอย่างโกตี๋ก็คงมุ่งหวังเป้าหมายปลายทางเพื่อให้เข้าตานายใหญ่เช่นเดียวกัน
ไม่น่าเชื่อนะครับว่า พฤติกรรมแบบนี้คนเสื้อแดงกลับเรียกตัวเองว่า ฝ่ายประชาธิปไตย
ฝ่ายประชาธิปไตยที่ออกมายั่วยุ เยาะเย้ย และไล่ทุบตีคุกคามฝ่ายตรงข้ามและฝ่ายที่เห็นต่างกับตัวเอง
แต่การปะทะกันของมวลชนสองเสื้อสีที่กลางถนนหน้ากองปราบปรามฯนั้น ทำให้ผมต้องทบทวนความคิดของตัวเองว่านับแต่นี้ไปคนไทยเราพร้อมจะฟาดฟันกันแบบตาต่อตา ต่อฟันต่อฟันเสียแล้ว
และเริ่มสงสัยว่า จริงๆ แล้วคนเสื้อแดงที่อ้างนักอ้างหนาว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตยมีความสำนึกและเข้าใจความหมายของประชาธิปไตยจริงๆ หรือ
เพราะดูเหมือนว่า ขณะนี้ได้มีการตั้งกองกำลังอันธพาลขึ้นมาข่มขู่คุกคามฝ่ายที่มีความเห็นต่างทางการเมืองเกิดขึ้นแล้ว
ถ้าทบทวนเหตุการณ์ในวันนั้น กลุ่มมวลชนที่อยู่ตรงข้ามกับคนเสื้อแดงไม่ว่ามวลชนของพันธมิตรฯ พรรคประชาธิปัตย์ ซี่งผมจะเรียกรวมๆ ว่า กลุ่มเสื้อเหลืองได้มีการนัดหมายกันอย่างกว้างขวางและเปิดเผย ทั้งในโซเชียลมีเดีย และผ่านจอทีวีของฟากฝั่งตัวเอง กระทั่งแถลงการณ์ของพันธมิตรฯ ว่าจะไปให้กำลังใจกับครูสาวที่เป็นคู่กรณีของนางดารุณี กฤตบุญญาลัย ซึ่งตอนนั้นมีข่าวในวงกว้างว่าตำรวจนัดไปรายงานตัวตามหมายเรียกในวันที่ 25 กันยายน แม้ต่อมาตำรวจแจ้งว่า ไม่ได้นัดหมายกับครูสาวในวันดังกล่าวก็ตาม
ไม่มีเหตุอะไรที่คนเสื้อแดงต้องไปในสถานที่ดังกล่าวเลย
แต่ที่ตลกก็คือ หลังเกิดเหตุการณ์ตีกันแล้ว พวกเสื้อแดงซึ่งรวมถึงพานทองแท้ ธิดาเมียเหวง และดาราเสื้อแดงอย่าง โด่ง อรรถชัย อนันตเมฆ พากันพูดแบบกลับด้านว่า คนเสื้อเหลืองเป็นฝ่ายไปหาเรื่องคนเสื้อแดง เพราะวันนั้นตำรวจนัดนางดารุณีไปให้ปากคำและคนเสื้อแดงจะไปให้กำลังใจ ส่วนคนเสื้อเหลืองนั้นไม่มีเหตุต้องไปในสถานที่ดังกล่าวเลย โดยอ้างเอาวันนัดหมายของตำรวจมาเป็นข้ออ้าง
ทั้งที่จริงแล้วไม่เคยปรากฏข่าวออกมาก่อนเลยว่า ตำรวจนัดนางดารุณีไปพบ และไม่เคยมีกระแสข่าวเลยว่าคนเสื้อแดงจะไปที่กองปราบปรามในวันดังกล่าว
ตามเหตุการณ์จริงๆ วันนั้น หลังจากตำรวจแจ้งวันนัดหมายที่แท้จริงแล้วคนเสื้อเหลืองกำลังจะพากันเดินทางกลับ แต่มีคนเสื้อแดงนำรถขยายเสียงมาจอดอยู่ฝั่งตรงข้ามของกองปราบปรามและปราศรัยโจมตีคนเสื้อเหลืองต่างๆนานา และหลังจากนั้นก็มีการยั่วยุขว้างปากันไปมา กระทั่งคนเสื้อแดงขับรถที่ติดตั้งเครื่องขยายเสียงมาจอดฝั่งที่คนเสื้อเหลืองยืนอยู่จนเกิดเหตุการณ์ทุบรถจนบานปลาย เมื่อคนเสื้อแดงกรูข้ามถนนมาตีกับฝ่ายเสื้อเหลืองที่ยืนอยู่หน้ากองปราบปราม
ใครที่อ่านหนังสือพิมพ์ไทยรัฐในวันรุ่งขึ้นจะเห็นได้ว่า หนังสือพิมพ์ไทยรัฐวันนั้นซึ่งส่วนใหญ่จะมีจุดยืนไปทางรัฐบาลและคนเสื้อแดงก็ยังบรรยายให้เห็นภาพชัดเจนว่า ฝ่ายเสื้อแดงเป็นฝ่ายที่มาก่อการหาเรื่องระรานฝ่ายเสื้อเหลืองก่อน
ทั้งยังมีหลักฐานชัดเจนว่ามีการใช้วิทยุชุมชนคนเสื้อแดง ที่นำโดยนายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือนายโกตี๋ ศรรักษ์ มาลัยทอง ปลุกระดมมวลชนด้วยข้อความเท็จกล่าวหาว่า ตั้ว ศรัณยู วงษ์กระจ่าง นำกำลังมวลชนฝ่ายเหลืองมาล้อมนางดารุณีและไล่ตีฝ่ายเสื้อแดง ทั้งๆ ที่ข้อเท็จจริงวันนั้นทั้งนางดารุณีและตั้ว ศรัณยูไม่ได้เดินทางไปในที่ดังกล่าวเลย
แต่ฝ่ายเสื้อแดงทั้งเฟซบุ๊กของพานทองแท้ ธิดาแดง และโด่ง อรรถชัย กลับพูดกลับด้านกันในวันต่อมา โดยเอากรณีที่ช่องบลูสกายและแถลงการณ์ของพันธมิตรฯ ก่อนหน้าวันเกิดเหตุการณ์ว่า เป็นหลักฐานยืนยันว่า ฝ่ายพันธมิตรฯ และช่องบลูสกายปลุกปั่นคนให้มาทุบตีกับคนเสื้อแดง
ทั้งๆ ที่เนื้อหาของฝ่ายพันธมิตรฯ และช่องบลูสกายนั้น เป็นการเชิญชวนมาให้กำลังใจครูสาวก่อนวันเกิดเหตุการณ์ไม่ใช่การปลุกปั่นไปทำร้ายกันแบบที่วิทยุชุมชนคนเสื้อแดงกระทำในวันเกิดเหตุ
ไม่อยากเชื่อว่าขนาดมีข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์มีหลักฐานมากมายว่า ฝ่ายไหนเป็นฝ่ายที่มาหาเรื่องก็ยังสามารถพูดแบบขาวเป็นดำ และพูดกลับด้านได้ขนาดนี้ จนอดคิดไม่ได้ว่าขนาดเหตุการณ์ชัดเจนเช่นนี้แล้วคนอย่างพานทองแท้(ที่ให้คนอื่นเขียนเฟซบุ๊ก) ธิดาแดงและโด่ง อรรถชัย ยังกล้าพูดโกหกได้ แล้วเรื่องอื่นที่ยิ่งกว่านี้จะไม่พูดโกหกยิ่งกว่านี้หรือ
หลังเกิดเหตุการณ์ในวันรุ่งขึ้นในโซเชียลมีเดียยังมีการแพร่ภาพ พล.ต.ท.คำรณวิทยุ ธูปกระจ่าง ยืนกอดคอโกตี๋ วุฒิพงศ์ เพื่อให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของโกตี๋ที่กำลังกร่างคับเมืองอยู่ในขณะนี้ด้วย
จากนั้นไม่กี่วันโกตี๋คนเดิมกันนี้ก็ยกพวกไปที่พรรคประชาธิปัตย์ รวมทั้งประกาศผ่านวิทยุชุมชนว่าจะยกพวกมาถล่มบ้านพระอาทิตย์ด้วย
และเมื่อสองสามวันก่อนโกตี๋คนเดียวกันนี้ได้นำกำลังไปปราศรัยโจมตีอาจารย์สถาบันนิด้าที่ออกมาคัดค้านนโยบายจำนำข้าวของรัฐบาล
นอกจากนั้นในการจัดกิจกรรมของทั้งพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และพรรคประชาธิปัตย์ในจังหวัดต่างๆ มีกองกำลังของคนเสื้อแดงไปคุกคามข่มขู่และขัดขวางการจัดงาน โดยเฉพาะการจัดรายการเสวนาของพันธมิตรฯ ที่จังหวัดอุบลราชธานีเมื่อไม่นานมานี้ ก็มีการนำกำลังไปปิดถนนไล่ทุบตีฝ่ายพันธมิตรฯ ได้รับบาดเจ็บด้วย
ความเหิมเกริมของขบวนการเสื้อแดงที่ออกมาคุ้มครองรัฐบาลชุดนี้นั้นทำให้นึกขบวนการเรดการ์ดในยุคปฏิวัติวัฒนธรรมของจีนที่ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อข่มขู่คุกคามฝ่ายตรงข้ามอันน่าสะพรึงกลัว
ความฮึกเหิมจากชัยชนะในการเลือกตั้งภายหลังการจุดไฟเผาเมือง และต่อสู้กับอำนาจรัฐด้วยกองกำลังติดอาวุธจนได้มาซึ่งอำนาจรัฐอย่างเบ็ดเสร็จทำให้มวลชนเสื้อแดงลำพองว่า ประเทศนี้ตกอยู่ในเงื้อมมือของพวกเขาอย่างสิ้นเชิง ใครขัดขวางแนวทางของคนเสื้อแดงจะต้องถูกตอบโต้แบบตาต่อตา ฟันต่อฟันเพราะถือว่าทำตัวเป็นศัตรูของคนเสื้อแดงที่กำลังเข้าใจว่าพวกเขาเป็นคนส่วนใหญ่และประเทศนี้อยู่ใต้น้ำมือของพวกเขาแต่เพียงฝ่ายเดียว
แต่เอาเข้าจริงๆ แล้วตอนนี้มวลชนเสื้อแดงนั้นเป็นมวลชนที่น่าสงสารเพราะถูกปลุกปั่นด้วยคนเสื้อแดง 2 พวก พวกหนึ่งเป็นฝ่ายเสื้อซ้ายจัดหลงยุคที่ยังยึดติดกับอุดมการณ์คอมมิวนิสต์ต้องการพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน และโค่นล้มสถาบันโดยหวังยืมมือของทักษิณและมวลชนของทักษิณกับฝ่ายเสื้อแดงที่ยึดติดในอำนาจนิยมสู้เพื่อเงินตราและอำนาจภักดี และบูชาทักษิณเป็นเทพเจ้า
พวกที่ภักดีต่อทักษิณนั้น จะต้องแสดงออกแบบที่โกตี๋กำลังกร่างคับเมืองอยู่เพราะพิสูจน์มาแล้วใครที่แสดงออกแบบนี้มักจะได้รางวัลตอบแทนจากนายใหญ่ การเอาชีวิตเข้าแลกในการเผาบ้านเผาเมืองนั้น สุดท้ายแล้วมีแต่เพียงระดับนำเท่านั้นที่ได้ดิบได้ดีเป็นอำมาตย์ ส่วนวาระเพื่อไพร่ที่เอามาปลุกปั่นคนจนนั้นจางหายไปกับสายลม คนอย่างโกตี๋ก็คงมุ่งหวังเป้าหมายปลายทางเพื่อให้เข้าตานายใหญ่เช่นเดียวกัน
ไม่น่าเชื่อนะครับว่า พฤติกรรมแบบนี้คนเสื้อแดงกลับเรียกตัวเองว่า ฝ่ายประชาธิปไตย
ฝ่ายประชาธิปไตยที่ออกมายั่วยุ เยาะเย้ย และไล่ทุบตีคุกคามฝ่ายตรงข้ามและฝ่ายที่เห็นต่างกับตัวเอง